เช็คความพร้อม ‘เดลิเวอรี่’ ป้องกัน COVID-19 อย่างไร?

เช็คความพร้อม ‘เดลิเวอรี่’ ป้องกัน COVID-19 อย่างไร?

เปิดมาตรการป้องกัน COVID-19 ของเหล่าผู้ประกอบการโลจิสติกส์และเดลิเวอรี่ มีอะไรบ้าง?

ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโรคโควิด-19 ที่เริ่มกระจายวงกว้างมากขึ้นในประเทศไทย ส่งผลให้ผู้คนเริ่มกังวลที่จะออกจากบ้าน รวมถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพร่างกายของตัวเองมากขึ้น แน่นอนว่ากระทบต่อธุรกิจต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามการขับเคลื่อนของผู้คน หรือสิ่งของก็ยังดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

เราจึงจะเห็นว่า บรรดาบริษัทกลุ่มโลจิสติกส์ หรือผู้ที่ให้บริการขนส่งสินค้า นับเป็นกลุ่มที่ได้รับประโยชน์อันดับต้นๆ แต่สิ่งสำคัญคือ การเติบโตนี้ต้องมาพร้อมกับความปลอดภัยของผู้ใช้บริการ พนักงานงาน รวมถึงตัวพัสดุต่างๆ ด้วย

หนึ่งในบริษัทโลจิสติกส์ยักษ์ใหญ่ในไทย คงหนีไม่พ้น เคอรี่ เอ็กซ์เพรส” (Kerry Express) ที่หลังจากสถานการณ์โควิด-19 รุกล้ำเข้าไปอยู่ทุกที่ทั่วโลก เช่นเดียวกับประเทศไทยที่เริ่มมีจำนวนผู้ติดเชื้อยืนยันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มีการออมมาตรการป้องกันมา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ใช้บริการ รวมถึงพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ให้บริการ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งจุดตรวจคัดกรอง และวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานก่อนเข้าปฏิบัติงานทุกครั้ง หากพบว่าพนักงานมีอุณหภูมิร่างกายสูง หรือมีอาการเข้าข่ายโรคหวัด ให้ไปพบแพทย์ทันที รวมถึงหยุดทำงานทันที 14 วัน เพื่อความปลอดภัย

ขณะเดียวกัน ก็จัดตั้งเจลล้างมือไว้ในสถานที่ปฏิบัติงาน และทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ สำหรับพนักงานที่ทำหน้าที่คัดแยกสินค้า มีมาตรการให้สวมหน้ากากอนามัยและใส่ถุงมือขณะทำงาน ขณะที่คลังสินค้าก็มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้ออย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญคือ ฉีดพ่นแอลกอฮอล์และยาฆ่าเชื้อบนกล่องสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าด้วย

นอกจากนี้ยังออกมาตรการเชิงรุก เพราะรุกไปให้บริการถึงหน้าบ้านของผู้ใช้บริการ ในบริการรับ-ส่งสินค้าถึงมือผู้รับ (Door to Door Service) หากไม่สะดวกออกจากบ้านเนื่องจากกังวลกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ซึ่งพนักงานส่งของ จะใช้วิธี Social Distancing หรือการเว้นระยะห่าง โดยพนักงานจะอยู่ห่างจากลูกค้าราวๆ 1 เมตร หรือลูกค้าสามารถเดินมาหยิบสินค้าจากรถเองก็ได้ และนำระบบการชำระเงินแบบ QR Payment เข้ามาใช้ แทนการใช้เงินสด

ด้านลาลามูฟ” (LALAMOVE) แบรนด์โลจิสติกส์ที่ให้บริการรับ ส่งสินค้า 24 ชั่วโมง ก็ขอลุย Social Distancing ด้วยเช่นกัน โดยออกมาตรการจัดส่งสินค้าแบบไร้สัมผัส โดยพนักงานส่งของจะอยู่ห่างจากลูกค้าอย่างน้อย 2 เมตร พร้อมทั้งยังมีระบบการชำระเงิน LALAMOVE Wallet ที่ออกแบบมาเพื่อป้องกันการสัมผัสเงินสดที่เสี่ยงมีเชื้อไวรัส

นอกจากนี้ขอฉีกกระแสการตกงาน ขาดรายได้ หรือเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการว่างงานจากภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า ด้วยการเปิดรับสมัครพนักงานขับรถจำนวนมาก โดนจะสร้างรายได้ได้มากถึง 15,000 บาทต่อเดือน

ขณะที่ เก็ท” (GET) ผู้ให้บริการแบบออนดีมานด์เพื่อไลฟสไตล์คนเมืองนั้น นอกจากการย้ำเตือน สื่อสารให้ความรู้ที่ถูกต้องในการป้องกันโรคให้กับพาร์ทเนอร์คนขับแล้ว ก็ยังใจดีมอบประกันโควิด-19 ให้กับพาร์ทเนอร์ทุกคนด้วย ก็ยังมีมาตรการการให้บริการแบบ Contactless Delivery ส่งอาหารโดยไร้สัมผัส โดยในแอพพลิเคชั่นของ GET ลูกค้าสามารถระบุได้ว่าต้องการให้พนักงานขับรถ ส่งอาหารบริเวณไหน รวมถึงยังเว้นระยะห่างในการชำระงินและรับอาการ

สำหรับ Line Man หนึ่งในแบรนด์บริการเดลิเวอรี่ยอดนิยมของไทย ออกมาตรการมาอย่างรัดกุมเช่นเดียวกัน เริ่มจากพนักงานส่งอาหาร ที่เน้นย้ำการสวมหน้ากากป้องกันและล้างมือก่อนรับอาหาร เมื่อรับอาหาร ต้องหลีกเลี่ยงการสัมผัสให้มากที่สุด และนัดแนะสถานที่รับอาหาร โดยโทรคอนเฟิร์มกับลูกค้า เกี่ยวกับจุดวางอาหารและช่องทางการชำระเงิน เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างกัน  รวมถึงให้พนักงานส่งอาหารแนะนำสร้าง QR Code สำหรับให้ลูกค้าชำระเงิน หรือหากเป็นเงินสด แนะนำให้ลูกค้านำเงินสดใส่ซองแทน

ในส่วนของลูกค้าเองมีคำแนะนำให้เว้นระยะห่างจากคนขับไม่น้อยกว่า 2 เมตร และรับอาหารตามจุดที่นัดหมายไว้ และวางเงินค่าอาหารตามจุดที่กำหนดไว้ รวมถึงรับเงินทอนตามสถานที่นั้นด้วย อีกทั้งในเดือนเมษายน 2563 เป็นต้นไป เตรียมออกฟีเจอร์ใหม่ คือ Self Pick-up เป็นการให้บริการลูกค้าเลือกสั่งอาหาร

ปิดท้ายด้วย ไปรษณีย์ไทย เข้มงวดกวดขันในการป้องกันไวรัสโคโรน่า เช่น เคาน์เตอร์บริการ จะเปิดบริการ 1 ช่อง  และเว้น 1 ช่อง รวมถึงตีเส้นระยะห่างในการรอคิวรับการบริการ 1 เมตร เว้นเก้าอี้นั่งสำหรับลูกค้า 1 เมตร ฉีดและเช็คแอลกอฮอล์อย่างน้อยทุกๆ  20 นาที รวมถึงมีบริการเจลทำความสะอาดมือ สำหรับพนักงานให้ใส่หน้ากากอนามัยและทำความสะอาดมือบ่อยๆ

ในส่วนของบุรุษไปรษณีย์ทุกคนที่ต้องไปส่งสิ่งของ ทุกคนจะต้องตรวจร่างกายก่อนออกไปส่งส่ิงของทุกครั้ง และงดให้ลูกค้าลงนามรับสิ่งของเป็นการชั่วคราว สำหรับสถานที่ทำการไปรษณีย์ทั่วประเทศ ก็มาตรการฉีด เช็ด บริการเจลฆ่าเชื้อเช่นกัน

แถมโปรโมชั่นเด็ดในช่วงที่เศรษฐกิจไทยได้รับผลกระทบจากไวรัส ด้วยการออกบริการยิ้มสู้-19” ส่งสิ่งของเหมาจ่ายราคาประหยัด อัตราค่าบริการชิ้นละ 19 บาทราคาเดียว น้ำหนักสิ่งของฝากส่งสูงสุดไม่เกิน 1 กิโลกรัม/ชิ้น จัดส่งสิ่งของถึงปลายทางภายใน 2-5 วันทำการ สามารถติดตามสถานะสิ่งของได้ พร้อมความคุ้มครองสูงสุด 1,000 บาท/ชิ้น

รวมไปถึงไปรษณีย์ไทย ขานรับนโยบายรัฐบาล "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" เปิดบริการรับฝากสิ่งของและพัสดุในประเทศแบบไม่จำกัดจำนวนชิ้น ที่อยู่ลูกค้า หรือ Pick Up Service โดยไม่คิดค่าเข้ารับสิ่งของและไม่ต้องออกจากที่พักอาศัย ทั้งลูกค้ารายย่อยและรายใหญ่ เริ่มให้บริการแล้วตั้งแต่ 25 มีนาคม 2563

ล่าสุดให้บริการ EMS ส่งด่วนทั่วไทย จัดส่งยาและเวชภัณฑ์ถึงปลายทางที่อยู่ผู้รับภายในวันทำการรุ่งขึ้น (ปลายทางพื้นที่เดียวกัน) และไม่เกิน 2 วันทำการ (ปลายทางต่างพื้นที่) โดยมีโรงพยาบาลต่างๆ ที่ใช้บริการแล้วทั้งกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ร่วม 20 แห่ง เช่น โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี โรงพยาบาลค่ายวชิราวุธ จังหวัดนครศรีธรรมราช โรงพยาบาลจังหวัดแพร่ โรงพยาบาลจังหวัดสงขลา โรงพยาบาลจังหวัดอุทัยธานี โรงพยาบาลจังหวัดขอนแก่น โรงพยาบาลสมเด็จพระบรมราชเทวี ศรีราชา โรงพยาบาลจังหวัดตรัง เป็นต้น