เขียวตามรอบบ้าน

เขียวตามรอบบ้าน

ราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นจากข่าวสหรัฐเตรียมซื้อน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อเก็บเข้าคลังสำรองทางยุทธศาสตร์จะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางดัชนี

ตลาดหุ้นวานนี้

SET Index อ่อนตัวลง -3.96 จุด (-0.38%) ปิดที่ 1,044 จุด มูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid19 รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่ทรุดตัวลงต่ำสุดในรอบ 18 ปี อย่างไรก็ตามดัชนีสามารถรีบาวด์ขึ้นจากความคาดหวังเชิงบวก ECB ประกาศโครงการซื้อสินทรัพย์วงเงิน 7.5 แสนล้านยูโร รวมถึงก.คลังเตรียมเสนอมาตรการเพิ่มเติมเข้าครม.ในสัปดาห์หน้า ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 3,125 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 6,166 ล้านบาท อีกทั้ง Net Short TFEX 15,430 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้     

เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ดีดตัวขึ้นทดสอบ 1,060 - 1,065 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว แม้ว่าภาวะตลาดจะยังคงถูกแรงกดดันจากการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ที่ยังเร่งตัวขึ้นทั้งผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะในฝั่งยุโรปและอเมริกาซึ่งเป็นตัวฉุดให้ภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกหดตัวลง อย่างไรก็ตามการที่ธนาคารกลางและรัฐบาลประเทศใหญ่ทั่วโลก เช่น สหรัฐ ยูโรโซน และอังกฤษ ออกมาตรการฉุกเฉินทั้งด้านการเงิน (ปรับลดอัตราดอกเบี้ยและใช้ QE ) และมาตรการด้านการคลังอัดฉีดเม็ดเงินเข้าในระบบเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัส Covid-19 นั้นจะช่วยทำให้ sentiment การลงทุนระยะสั้นผ่อนคลาย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่รีบาวด์ขึ้นจากข่าวสหรัฐเตรียมซื้อน้ำมัน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อเก็บเข้าคลังสำรองทางยุทธศาสตร์จะเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานและทิศทางดัชนี

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่ม ICT เป็นกลุ่ม Defensive และปันผลสูง ADVANC, INTUCH , DTAC
  • กลุ่มค้าปลีก (CPALL, BJC) อานิสงส์ประชาชนซื้อตุนสินค้าเพื่อรองรับสถานการณ์ Covid19
  • กลุ่มอาหาร (CPF, TU) ได้ประโยชน์จากแนวโน้มเงินบาทอ่อนค่า

หุ้นแนะนำวันนี้

  • TU (ปิด 14.4 ซื้อ/เป้า 17.5) ได้ Sentiment บวกค่าเงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงิน Euro โดยมีรายได้จากการส่งออกคิดเป็น 75% ของรายได้รวมและส่วนใหญ่ส่งออกไปในกลุ่มประเทศในยุโรป ทุกๆ 1 บาทที่เงินบาทอ่อนค่าเมื่อเทียบกับ Euro จะเพิ่มกำไรให้กับ TU ประมาณ 600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากข่าวบริษัทประกาศซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 200 ล้านหุ้นมูลค่า 3 พันล้านบาท
  • ADVANC (ปิด 190 ซื้อ/เป้า 247 บาท) โดยมีปัจจัยบวกคือ 1) ได้ Sentiment บวกจากกระแส Work from home, 2)ได้รับผลกระทบจากไวรัส Covid-19 น้อยสุดเมื่อเทียบกับกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆ 3) เป็นหุ้น Big Cap ที่ผลกำไรมั่นคงจ่ายปันผลสม่ำเสมอและให้ Dividend yield สูง (ADVANC คาดปี 2020 จะจ่ายปันผล 7.9 บาทต่อหุ้นให้ Dividend yield ประมาณ 4.6%)

บทวิเคราะห์วันนี้

ICT sector (Top pick: ADVANC, DTAC, INTUCH)

ประเด็นสำคัญวันนี้

  • (+) Fed และธนาคารกลางทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรับมือการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19: Fed และ ธนาคารกลาง ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ บราซิล เดนมาร์ก เม็กซิโก นอร์เวย์ สวีเดน เกาหลีใต้ และสิงคโปร์ ประกาศทำข้อตกลงสว็อปเพื่อเพิ่มสภาพคล่องสกุลเงินดอลลาร์ แก้ปัญหาเงินดอลลาร์ตึงตัวเนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อดอลลาร์กังวลเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก นอกจากนี้ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินอีก 0.15% เป็น 0.10% พร้อมเพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 2 แสนล้านปอนด์ เป็น 6.45 แสนล้านปอนด์ เช่นเดียวกับธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศโครงการใหม่ในการซื้อหลักทรัพย์ของภาคเอกชนและภาครัฐวงเงินรวม 7.50 แสนล้านยูโร
  • (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน – ราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวแรงจากข่าวสหรัฐเตรียมซื้อน้ำมันเก็บไว้ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์: ราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งแรง 4.85 ดอลลาร์ หรือ 23.8% ปิดที่ 25.22 ดอลลาร์/บาร์เรล นับเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวมากสุดเป็นประวัติการณ์ จาก 1) นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไรจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงแรง 2)ตอบรับข่าวรัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 และ 3)คาดหวังสหรัฐเร่งซื้อน้ำมันเก็บไว้ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ โดยมีกระแสข่าวว่าสหรัฐจะเข้าซื้อน้ำมันดิบจำนวน 30 ล้านบาร์เรลเพื่อเก็บไว้ในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR)
  • (-) การแพร่ระบาดของ Covid -19 ในยุโรปและสหรัฐยังน่าเป็นห่วง: โดยปัจจุบันมีประชาชนติดเชื้อ Covid -19 ทั่วโลกมากถึง 245,000 คน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 10,041 ราย โดยพื้นที่ที่ยังมีการระบาดหนักและน่าเป็นห่วงคือกลุ่มประเทศในยุโรป และ สหรัฐ โดยวานนี้สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อวันเดียวเพิ่มขึ้นมากถึง 4,600 ราย เช่นเดียวกับ อิตาลี, สเปน, เยอรมนี และ ฝรั่งเศส มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในวันเดียว 5,300 ราย, 3,300 ราย, 2,900 ราย และ 1,800 รายตามลำดับ นอกจากนี้การแพร่ระบาดในบ้านเราก็เร่งตัวขึ้นเช่นเดียวกันโดยวานนี้ในประเทศไทยมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 60 ราย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อรวม 272 ราย โดยมีผู้ติดเชื้อกระจายไปใน 18 จังหวัดทั่วประเทศ
  • (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์หน้า:

           23 มี.ค. ตัวเลขนำเข้า-ส่งออกของไทยเดือนมี.ค. คาดหดตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว

           24 มี.ค. กระทรวงการคลังเตรียมเสนอครม.พิจารณามาตรการเพิ่มเติมดูแลภาคประชาชน-ผู้ประกอบการที่ได้ผลกระทบจาก Covid-19 มองเป็นบวกต่อกลุ่มค้าปลีก (BJC, CPALL)

           25 มี.ค. การประชุมนโยบายการเงิน (กนง.) คาดลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% เพื่อรองรับผลกระทบ Covid-19 มองเป็นบวกต่อกลุ่ม Finance แต่เป็นลบต่อกลุ่ม BANK