BH - ถือ

BH - ถือ

ดูแย่ลงในปี 2563

Event

ผลประกอบการ 4Q62 และปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64

lmpact

ประเด็นสำคัญที่ได้จากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อวานนี้

BH จัดการประชุมนักวิเคราะห์หลังส่งงบ 4Q62 เพื่อชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลประกอบการปี 2562 และแนวโน้มธุรกิจในปี 2563 โดยประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ ได้แก่

         i) ผลประกอบการ BH รายงานว่ากำไรสุทธิใน 4Q62 ลดลงมาอยู่ที่ 886 ล้านบาท (-8.9% YoY, -16.1% QoQ) เนื่องจากผู้ป่วยมี intensity ลดลง และยังมีค่าใช้จ่ายสำหรับผลประโยชน์พนักงานเพิ่มขึ้นอีก 5 ล้านบาท ในขณะที่กำไรสุทธิปี 2562 อยู่ที่ 3.75 พันล้านบาท (-9.7% YoY) โดย
สัดส่วนรายได้ของ BH ในปี 2562 แบ่งเป็นรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติ 66% และผู้ป่วยไทย 34%

        ii) ประเด็น Tender offer BH ทำจดหมายแจ้ง SET ว่า BDMS ได้เสนอทำ tender offer แบบสมัครใจเพื่อซื้อหุ้นทั้งหมดของ BH โดยเราคาดว่าดีลดังกล่าวอาจไม่สำเร็จ โดยมีแรงต้านจากผู้ถือหุ้นใหญ่ BH นอกจากนี้ BH ยังจะทำงานร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (OTCC) เพื่อขอความชัดเจนเรื่องนโยบายการแข่งขันในธุรกิจ ซึ่งกระบวนการดังกล่าวน่าจะใช้เวลาอย่างน้อยสามเดือน

       iii) การระบาดของ COVID-19 เราคาดว่าจำนวนผู้ป่วยที่มาใช้บริการของ BH จะลดลงใน 1H63 ตามแนวโน้มที่เป็นลบจากสถานการณ์โรคระบาดในขณะนี้ โดยบริษัทคาดว่ารายได้ในปี 2562 จะทรงตัวถึงติดลบ 2% YoY ขณะที่เราคิดว่า รายได้อาจจะแย่กว่าที่บริษัทคาดไว้ ถ้าหากสถานการณ์การระบาดยังดำเนินต่อไป

ปรับลดประมาณการกำไรปี FY63-64 ลง

เราปรับสมมติฐานในการประมาณการ โดยได้รวมผลกระทบจาก COVID-19 เข้ามาไว้ในประมาณการของเราด้วย ทำให้เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2563F ลง 26.9% เหลือ 3.17 พันล้านบาท และปี 2564F ลง 24.5% เหลือ 3.35 พันล้านบาท โดยเราได้ปรับสมมติฐานปี 2563-64 ดังนี้  i) ปรับลดรายได้ลง 11.1% และ 7.6%  ii) ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นลงเหลือ 43.0% และ 44.0% (จากเดิมปีละ 44.0%) และ iii) ปรับเพิ่มสัดส่วน SG&A/ยอดขายเป็นปีละ 21.0% (จากเดิมที่ 17.5% และ 18.0%) ซึ่งสะท้อนถึงการที่มีผู้ป่วยต่างชาติบินมาใช้บริการรักษาพยาบาลในประเทศไทย (ประมาณ 33% ของรายได้ของ BH) ลดลงถึง 32% YoY เนื่องจากการระบาดของ COVID-19

จะยังไม่มีการขยายกิจการใหญ่โต

เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจแล้ว บริษัทจึงยังไม่มีแผนลงทุนในโครงการที่มีนัยสำคัญในอีกสองสามปีข้างหน้า ขณะที่สัดส่วนหนี้สินต่อทุนสุทธิของบริษัทอยู่ในระดับต่ำมาก ดังนั้น เราจึงคาดว่าบริษัทจะเพิ่มอัตราการจ่ายเงินปันผลเป็น 65% ในปี 2563-64F จาก 62%/51% ในปี 2562 และ 2561

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ถือ BH และให้ราคาเป้าหมาย DCF ใหม่ที่ปรับลดลงเหลือ 140 บาท (ใช้ WACC ที่ 7% และ TG ที่1%) จากเดิมที่ 150 บาท ทั้งนี้ เราเชื่อว่าราคาหุ้นในปัจจุบันน่าจะสะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอลงในอนาคตไปมากแล้ว

Risks

การแทรกแซงของรัฐบาล ปัญหาเสถียรภาพทางการเมืองของไทย และเกิดเหตุก่อการร้ายครั้งใหญ่