“ฮารุนะ”ผงผักธัญพืชพรีไบโอติก ความรักของแม่สู่“ธุรกิจทำเงิน”

“ฮารุนะ”ผงผักธัญพืชพรีไบโอติก ความรักของแม่สู่“ธุรกิจทำเงิน”

“ฮารุนะ”ผงผักธัญพืชพรีไบโอติกและเส้นใยรวมจากธรรมชาติต่อยอดมาจากปัญหาของแม่ที่ไม่สามารถหาสินค้าแก้ปัญหาท้องผูกให้กับลูกได้จนทำให้ลุกขึ้นมาพัฒนาสินค้า พร้อมต่อยอดไปสู่ธุรกิจผ่านช่องทางออนไลน์

จากความพยายามในการแก้ปัญหาลูกชายวัยขวบเศษของ จิรินทร์กาญจน์ ศิริธรรมวัฒน์ ที่มีปัญหาท้องผูกอย่างแรง โดยไม่ต้องรับประทานยาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมสารเคมี จึงเป็นที่มาของแนวคิด พัฒนาผงผักธัญพืชพรีไบโอติกและเส้นใยรวมจากธรรมชาติ ซึ่งมาจากการศึกษาข้อมูลงานวิจัยที่มีคุณค่าขยายผลให้ไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมที่เกิดจาก “Pain Point”

จิรินทร์กาญจน์ ศิริธรรมวัฒน์ เล่าว่า จุดเริ่มต้นเกิดจากลูกชายมีปัญหาท้องผูกอย่างรุนแรงถ่ายเป็นก้อนเล็กมีเลือดออกเรื้อรังมาครึ่งปี รับประทานยาไม่หาย อาการไม่ดีขึ้น จึงคิดแก้ปัญหาด้วยตนเองโดยเริ่มศึกษาว่าส่วนผสมจากไหนที่จะสามารถเข้ามาช่วยแก้ปัญหา เนื่องจากเธอมีพื้นฐานการเรียนชีววิทยาช่วงที่เรียนปริญญาตรีมหาวิทยาลัยมหิดล มาก่อน หลังจากที่ได้ข้อมูลได้นำวัตถุดิบที่ได้ไปปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญจากคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ผลิตให้ เพื่อจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีมีคุณภาพไม่มีการปนเปื้อนจากกระบวนการผลิต โดยสูตรที่พัฒนาขึ้นมาไม่ใส่สารเคมี จึงปลอดภัยสำหรับเด็ก

“ช่วงนั้นยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ เพราะลูกยังเล็กเราไม่อยากให้กินยา เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อตับไต จึงหาวิธีรักษาที่เป็นธรรมชาติและปลอดภัยที่สุดสำหรับลูก เริ่มจากการนั่งอ่านรีวิวเปเปอร์งานวิจัย เพราะมีพื้นฐานจากการเรียนจบด้านวิทยาศาสตร์ มาก่อน หลังจากคลอดลูกลาออกจากงานประจำมาดูแลลูกเต็มตัว หลังจากได้คัดเลือกวัตถุดิบและสูตรไปปรึกษาอาจารย์และได้ผลิตออกมาเป็นผงใช้กับลูกสามารถแก้ปัญหาได้ ”

ระหว่างนั้นได้แจกเพื่อนที่มีลูกมีปัญหาท้องผูกไปทดลอง เพราะผลิตออกมาปริมาณเยอะ พบว่าได้รับการตอบรับที่ดีจึงเป็นจุดเริ่มไอเดียต่อยอดทำธุรกิจ โดยยื่นขอเงินอุดหนุนในโครงการ “คูปองนวัตกรรมเพื่อยกระดับและพัฒนาขีดความสามารถของ SMEs ไทยไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ระยะที่ 2” จากสำนักงานวัตกรรมแห่งชาติ ซึ่งมีจุดเด่น ความเป็นผลิตภัณฑ์ผงผักธัญพืชพรีไบโอติกและเส้นใยรวมจากธรรมชาติ

โดยการนำวัตถุดิบจากธรรมชาติ อาทิ เม็ดแปะก๊วย ผักโขม ข้าวโพดและข้าวกล้อง มาผ่านกระบวนการอบด้วยแรงดันไอน้ำที่ความร้อนสูง เพื่อทำให้เกิดการเปลี่ยนโครงสร้างภายในโมเลกุลของเม็ดแป้งในวัตถุดิบ และเกิดการคืนตัวของผลึกแป้ง จนทำให้เกิดผลึกใหม่เป็นแป้งทนการย่อย ซึ่งจะมีคุณสมบัติพิเศษ คือจะไม่ถูกย่อยและดูดซึมในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก แต่จะสามารถผ่านเข้าไปจนถึงบริเวณลำไส้ใหญ่ เพื่อเป็นอาหารให้กับจุลินทรีย์หรือพรีไบโอติก สำหรับกระตุ้นการ

เจริญเติบโตของจุลินทรีย์บางชนิดที่มีประโยชน์บริเวณลำไส้ใหญ่ ส่งผลให้ระบบขับถ่ายดีขึ้นในระยะยาว และแก้ปัญหาโรคท้องผูกในเด็กได้

กว่าจะมาถึงวันนี้ใช้เวลา4 ปีในการพัฒนาทดสอบเพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับและสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคเรามองเห็นถึงโอกาส ความเป็นไปได้ในทำธุรกิจ จากการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติเป็นทางเลือกให้กับกลุ่มเป้าหมาย จึงยอมที่ลงทุน ลงแรง ลงเวลาในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นการลงขันกัน3คนพี่น้องของครอบครัว"ศิริธรรมวัฒน์”ในภายชื่อบริษัท วีทีเค อินโน กรุ๊ป จำกัด

157180910270

ระหว่างทางการทำธุรกิจ มีคู่แข่งเกิดใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆ ฉะนั้นต้องพยายามหาจุดแข็งของตนเองให้เจอ แม้ว่าตัวผลิตภัณฑ์สามารถมีจุดขายได้หลายอย่างแต่เลือกจุดขายที่โดดเด่น ซึ่งปัญหาท้องผูกเป็นหนึ่งในผลลัพธ์ของผลิตภัณฑ์เพราะเป็นจุดที่จับต้องได้ชัด อิงกับผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่ คิดเอง

ปัจจุบันประเทศไทยกำลังประสบปัญหาเกี่ยวกับโรคท้องผูกในเด็ก ซึ่งมีมากถึง 500,000 คนหรือคิดเป็น 15-20 %ของประชากรวัยเด็กอายุไม่เกิน 5 ปี โดย “โรคท้องผูกในเด็ก” เป็นโรคที่พบบ่อยในเด็กอ่อนและเด็กเหมือนกับในผู้ใหญ่ ซึ่งทั่วไปแล้ว โรคท้องผูกมักเป็นสภาวะที่ร่างกายมีการขับถ่ายอุจจาระน้อยกว่า 3 ครั้งต่อสัปดาห์ โดยส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมการรับประทานอาหารและอุปนิสัยในการขับถ่าย เนื่องจากเด็กรับประทานผักและผลไม้น้อย

เหตุผลส่วนหนึ่งจับกลุ่มเด็กที่มีอายุ 6 เดือนขึ้นไปที่เริ่มรับประทานอาหารได้ที่มีกลุ่มอาการท้องผูกเพราะ ยังไม่มีสินค้าที่ทำจากธรรมชาติในตลาด ขณะที่กลุ่มผู้ใหญ่มีตัวเลือกเยอะเพราะสมารถรับประทานโยเกิร์ต ยาถ่ายได้ ผิดกับเด็ก จึงเป็นโอกาสการตลาดที่ดี และเป็นการสร้างแบรนด์ให้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่ตั้งแต่แรกเหมือนกับการทำตลาดสบู่ แป้งเด็กที่เติบโตมากับเด็ก

โดยใช้ชื่อแบรนด์’ ฮารุนะ’ (Haruna) เริ่มมาจากคำว่า ฮารุ ในภาษาญี่ปุนแปลว่าฤดูใบไม้ผลิ เพื่อสะท้อนว่า ถ่ายทุกวันสดใสเบิกบาน แต่พบว่า มีคนจดแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็น ‘ ฮารุนะ’เพื่อสะท้อนกลิ่นไอความเป็นญี่ปุ่น ส่งผลให้แบรนด์ดูไฮเอนด์ เพราะคนไทยชื่นชอบความเป็นญี่ปุ่น

จิรินทร์กาญจน์ บอกว่า การทำตลาดฮารุนะ ผ่านตัวแทนจำหน่ายรายบุคคลผ่านโซเซียล และผ่านตัวแทนจำหน่ายสินค้าผ่านมาร์เก็ตเพลส แทนที่เข้าช่องทางโมเดิร์นเทรด เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายคือคุณแม่ทำหน้าที่ดูแลลูกอยู่บ้าน เมื่อมีเวลาว่างคนกลุ่มนี้เสิร์ซหาข้อมูลวิธีการปัญหาลูกผ่านช่องทางอินเตอร์เน็ต

“คนกลุ่มนี้เป็นเรียลดีมานด์ ที่มาจากพฤติกรรมของลูกค้าของจริงแม้ว่าจะเพิ่งเปิดตัวต้นเดือนต.ค.นี้ เริ่มจากการเปิดบูธ มีเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ไลน์ ให้กับกลุ่มคนที่รู้จัก ทำให้มีออร์เดอร์รวมทั้งกลุ่มที่สนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายตดต่อเข้ามาจำนวนมาก คาดว่าช่วง3 เดือนสุดท้ายปีนี้ ยอดขายแตะหลักล้าน ภายใน2-3 ปีจากนี้ คาดว่ายอดขายแตะ100 ล้านบาท โดยเริ่มจากกลุ่มคุณแม่ที่ลูกมีปัญหามาก่อน”

***************

ฝ่าอุปสรรคสู่สำเร็จ

มองปัญหาเป็นโอกาสธุรกิจ

มีแรงบันดาลใจลงมือทำ

มีความอดทนเพื่อไปสู่เป้าหมาย

เรียนรู้จากประการณ์จริง