ECFดึง'ณพ ณรงค์เดช'เสริมทัพ บอรด์ไฟเขียวแลกหุ้น‘เคพีเอ็น อะคาเดมี’

“อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค”เผยบอร์ดไฟเขียวเข้าซื้อหุ้น “เคพีเอ็น อะคาเดมี” 57.52% จาก “ณพ ณรงค์เดช” และผู้ถือหุ้นเดิมอีก 3 ราย มูลค่าไม่น้อยกว่า 460 ล้าน โดยใช้วิธีแลกหุ้นพีพีและเตรียมเพิ่มทุน 51 ล้านหุ้น ดันขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 4 พร้อมโควต้าบอร์ด
นายอารักษ์ สุขสวัสดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อีสต์โคสท์เฟอร์นิเทค จำกัด (มหาชน) หรือ ECF เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้อนุมัติให้บริษัทเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญของ บริษัท เคพีเอ็น อะคาเดมี จำกัด จำนวนรวม 14,947,300 หุ้น ในสัดส่วนไม่น้อยกว่า 57.52% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดจาก นายณพ ณรงค์เดช, โกลเด้น ไทเกอร์ แอสโซซิเอทส์ แอบทีดี, นายนณัฐวุฒิ เภาโบรมย์, นางแสงเดือน อิ่วบำรุง มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่น้อยกว่า 460,182,417 บาท และยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดในเคพีเอ็นอะคาเดมีจากผู้ถือหุ้นรายอื่นเพิ่มเติมภายใต้เงื่อนไขเดียวกับขายซื้อจากกลุ่มผู้ถือหุ้นดังกล่าว
ทั้งนี้บริษัทจะชำระค่าหุ้นสามัญของเคพีเอ็นอะคาเดมี โดยวิธีการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทในลักษณะการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจากัด (พีพี) จำนวนไม่เกิน 191,742,674 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท โดยราคาเสนอขายจะไม่ต่ำกว่าราคาหุ้นละ 2.40 บาท ซึ่งคิดเป็นมูลค่าเท่ากับ 460,182,417 บาท โดยคาดว่าจะชำระราคาหุ้นและรับโอนหุ้นเสร็จ (จบดีล) ได้ในช่วงไตรมาส 1/2563 ภายหลังจากบริษัทได้ขอมติอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 พ.ย.2562
ขณะที่บริษัทจะเพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 51,060,668.50 บาท ซึ่งแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 204,242,674 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม 299,111,547 บาท เป็น 350,172,215.50 บาท โดยจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 191,742,674 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเคพีเอ็นอะคาเดมีทั้ง 4 ราย ซึ่งภายหลังการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนดังกล่าวนายณพ ณรงค์เดชจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นในสัดส่วนประมาณจำนวน 12,212,950 หุ้น หรือคิดเป็น 13.61% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด และจะมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเข้าดำรงตาแหน่งกรรมการของบริษัทตามจำนวนที่จะตกลงกับบริษัท
อย่างไรก็ตามเนื่องจากนายณพ เป็นผู้รับประโยชน์ของโกลเด้น ไทเกอร์ แอสโซซิเอทส์ แอลทีดีด้วยจึงส่งผลให้มีสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ECF รวมกันทั้งสิ้น 173,333,334 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 15.06% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ซึ่งจะส่งผลให้นายณพกลายมาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อันดับ 4 ของบริษัท
“การร่วมลงทุนในเคพีเอ็นอะคาเดมีในครั้งนี้ เราคาดหวังว่าจะช่วยเติมเต็มการเติบโตของรายได้และกำไรของบริษัทมากขึ้น เพราะมองว่าเคพีเอ็นอะคาเดมียังเป็นธุรกิจที่มีอนาคต ซึ่งยังมีอัพไซด์จากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น รวมถึงยังได้คุณณพเข้ามาช่วยในการทำงานและบริหารร่วมกันในฐานะพาสเนอร์และผู้ถือหุ้น ซึ่งจะทำให้ ECF เติบโตได้คล่องตัวมากขึ้น”
ส่วนกรณีที่ นายณพ ณรงค์เดช จะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อีกคนนั้น นายอารักษ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดีเพราะสามารถปรึกษาและมาทำงานร่วมกันได้ทุกเรื่องโดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจพลังงานของบริษัทที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มีการปรึกษากันอยู่แล้ว เพราะนายณพก็มีประสบการณ์ด้านธุรกิจพลังงาน รวมถึงมุมมองการลงทุนหากทั้งสองฝั่งจะมีการหาทรัพย์สินหรือโครงการที่น่าสนใจใส่เพิ่มเข้ามาในอนาคต แต่เบื้องต้นขอโฟกัสการลงทุนในตัวธุรกิจเคพีเอ็นอะคาเดมีก่อน
ผู้สื่อข่าวสอบถามเพิ่มเติมว่า ในอนาคตจะเห็นการทำงานร่วมกันหรือมีการดึงบริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง (WEH) ที่นายณพเป็นผู้บริหารเข้ามาในบริษัท ECF หรือไม่นั้น นายอารักษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันในเรื่องนี้ เบื้องต้นขอประมาณนี้ก่อน โดยในส่วนของธุรกิจพลังงานคาดว่าภายในปี 2564 สัดส่วนรายได้จะขึ้นมาระดับ 30% จากปี2561 ที่อยู่ระดับราว 10%
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
-สะสมหุ้นงบ 2Q19 เด่น
-ลุ้นหุ้นไทยวันนี้ยืนแดนบวกต่อ
-'บ้านปู' อัด 5 พันล้าน ซื้อหุ้นคืน 385 ล้านหุ้น
-ทิ้งหุ้นแบงก์ฉุดดัชนีปิดลบ 0.78 จุด







