สจล. ผนึกกรุงไทย เปิด “Creator Space (NEXT)”พื้นที่บ่มเพาะนวัตกรรม หนุนสตาร์ทอัพ

สจล. ผนึกกรุงไทย เปิด “Creator Space (NEXT)”พื้นที่บ่มเพาะนวัตกรรม หนุนสตาร์ทอัพ

สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ร่วมกับธนาคารกรุงไทย ทรูดิจิทัล พาร์ค (TDPK) และพาร์ทเนอร์กว่า 10 แห่ง เปิด “Creator Space (NEXT)” หรือพื้นที่สำหรับนักสร้างสรรค์ บ่มเพาะนวัตกร สู่การเป็นนวัตกรรมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่

      ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง(สจล.) กล่าวว่า สจล. โดยสำนักวิจัยและนวัตกรรมพระจอมเกล้าลาดกระบัง (KRIS) ได้ร่วมกับธนาคารกรุงไทย(Krungthai) ทรูดิจิทัล พาร์ค (TDPK) และพาร์ทเนอร์กว่า 10 ราย อาทิ บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด บริษัท บีทูเอส จำกัด บริษัทอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ AWS กลุ่มบริษัท Central Tech บริษัทในเครือเซ็นทรัล บริษัทโกลบอลโทรนิค อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัท Energy IoT Co., Ltd. เป็นต้น

   เพื่อจัดตั้ง ศูนย์ Creator Space (NEXT) หรือ พื้นที่นักสร้างสรรค์ ให้คำปรึกษาและบ่มเพาะนวัตกร สู่การเป็นผู้ประกอบการสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ เพื่อสร้างชุมชนนวัตกรผู้ประกอบการขึ้นในประเทศ ผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัล รองรับการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันของเทคโนโลยี ทั้งด้านการวิจัย การให้ความรู้ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ การแนะนำการประกอบธุรกิจ การขอสิทธิบัตร และการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ เป็นต้น โดยศูนย์ Creator Space (พื้นที่นักสร้างสรรค์) ได้ถูกจัดให้เป็นพื้นที่ในการแลกเปลี่ยนการเรียนรู้ของนวัตกร ผ่านรูปแบบ การเวิร์คชอป การอบรมออนไลน์ เสวนา และคลาสรูม เป็นต้น และมีฟังก์ชันการบริการใน 6 ด้าน ได้แก่

1) ด้านนวัตกรสัมพันธ์ (Human Resources) พื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักศึกษา นักวิจัย 2) ด้านพื้นที่สร้างสรรค์3) ด้านชุมชนดิจิทัล 4)ด้านความรู้และเทคนิคจากพาร์ทเนอร์5) ด้านความร่วมมือกับภาครัฐ 6) ด้านการสนับสนุนทางการเงิน 

   ศาสตราจารย์ ดร.สุชัชวีร์ กล่าวต่อว่า สำหรับเทรนด์ข้อมูลธุรกิจนวัตกรรมดิจิทัลในอนาคตแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ ได้แก่ กลุ่มฟินเทคและเทคโนโลยีบล็อกเชน (Fintech and Blockchain) นวัตกรรมทางการเงินที่จะมาปฏิวัติระบบการเงินทั่วโลก การจัดการความเสี่ยงทางการเงินและความปลอดภัยในโลกดิจิทัล การมีผู้ช่วยเสมือนจริงทางการเงิน และความมั่งคั่งของคนรุ่นใหม่ กลุ่มนวัตกรรมเพื่อสุขภาพ (Smart Healthcare) ระบบเทเลเมดีซีน (Telemedicine) และคลาวด์ จัดเก็บข้อมูลการรักษาทางการแพทย์ อินเทอร์เน็ตออฟติงทางการแพทย์ (the Internet of Medicine Things – IoMT) การใช้ระบบเอไอ (AI) ในกระบวนการรักษา เป็นต้น กลุ่มโรโบติกและเอไอ (Robotic and AI) การพัฒนาเทคโนโลยีสู่ระบบอัตโนมัติทางการพิมพ์ในภาษาต่างๆ เพื่อเช็คความถูกต้อง การพัฒนาการใช้ประโยชน์หุ่นยนต์ในบ้านและสำนักงาน เป็นต้น

ด้าน นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย กล่าวว่า ตามที่ธนาคารได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการวิจัยและพัฒนา นวัตกรรม NEXT Lab กับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังเมื่อปี ที่ผ่านมานั้น ธนาคารได้สนับสนุนกิจกรรมและส่งเสริมงานวิจัยด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง

     รวมถึงสนับสนุน Creator Space (NEXT) พื้นที่บ่มเพาะนวัตกรสตาร์ทอัพครบวงจร ในครั้งนี้ เพื่อให้คำปรึกษาและบ่มเพาะนวัตกร สู่การเป็นนวัตกรรมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ ด้วยการนำนวัตกรรมการเงินดิจิทัลมาร่วมสนับสนุน อาทิ เทคโนโลยีการจดจำใบหน้า (Face Recognition) นวัตกรรมการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยีการใช้เอไอ (AI) สื่อสารในภาษาต่างๆ เป็นต้น

   ซึ่งตอกย้ำเจตนารมณ์ของธนาคารในการก้าวสู่ Invisible Banking และเป็นโอกาสที่ธนาคารจะได้ร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรชั้นนำร่วมสร้างนวัตกรรมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ โดยธนาคารพร้อมสนับสนุนและเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ให้กับนวัตกรรมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่ในการสร้างสรรค์นวัตกรรมทุกรูปแบบ เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคดิจิทัลและสร้างโอกาสแข่งขันในระดับสากลต่อไป

   ด้าน นายฐนสรณ์ ใจดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ ทรู ดิจิทัล พาร์ค กล่าวว่า ความร่วมมือในการสร้างศูนย์พื้นที่นักสร้างสรรค์ Creator Space (NEXT) เป็นอีกมิติหนึ่งของการพัฒนาชุมชนผู้ประกอบการ จากพื้นฐานนักสร้างสรรค์นวัตกรรมจากเทคโนโลยี โดยมีกิจกรรมด้านเฮกคาร์ทอน (Hackathon) หรือ การระดมสมองด้านไอทีผ่านการดีไซน์ การสร้างสรรค์ เป็นต้น ด้านสตาร์ทอัพ และด้านการพัฒนานวัตกรรมระหว่างประเทศ จากความร่วมมือของพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญ

   อาทิ บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัดบริษัท บีทูเอส จำกัด บริษัทอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ AWS บริษัท Central Tech บริษัทในเครือเซ็นทรัล บริษัทโกลบอลโทรนิค อินเตอร์เทรด จำกัด บริษัท Energy IoT Co., Ltd. เป็นต้น เพื่อผลักดันทรูดิจิทัล พาร์ค สู่การเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของไทย ที่รวบรวมธุรกิจนวัตกรรม และเปิดพื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนเรียนรู้ หลอมรวมองค์ความรู้สร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล มุ่งสู่การสร้างระบบนิเวศนวัตกรผู้ประกอบการ และการเป็นประเทศศูนย์กลางด้านดิจิทัล ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของไทย

    ด้าน นายวินเซนต์ คัวฮ์ หัวหน้าฝ่ายการศึกษา หน่วยงานด้านการวิจัย ธุรกิจสาธารณะสุข องค์กรที่ไม่แสวงผลกำไร ประจำภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค และญี่ปุ่น บริษัทอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส กล่าวว่า “บริษัทอะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส หรือ AWS มีความยินดีที่จะได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการสร้างทักษะด้านคลาวด์คอมพิ้วติ้งให้แก่นักศึกษา ผ่านโครงการ AWS Educate ซึ่งเป็นโครงการด้านการศึกษาระดับโลกของ AWS  ที่มีแผนการเรียนถึง 12 แผนที่มีความสอดคล้องกับความต้องการและการจ้างงานของอุตสาหกรรมไอที

    เช่น   Data Scientists, Machine Learning Scientists, Cybersecurity Specialist, และ DevOps Engineer เราช่วยให้นักศึกษามีความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานในอนาคต ซึ่งความร่วมมือกับ สถาบันฯ ผ่าน Creator space แห่งนี้ เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาสามาถเรียนรู้เกี่ยวกับ reinforcement learning ซึ่งเป็นเทคนิคด้านแมชชีนเลิร์นนิ่งขึ้นสูง ผ่านการใช้โมเดลรถยนต์ไร้คนขับ AWS DeepRacer ที่มีขนาดอัตราส่วน 1 ต่อ 18 โดยนอกจากนักศึกษาจะได้ทดลองเกี่ยวกับรถยนต์ไร้คนขับและเรียนรู้เกี่ยวกับ reinforcement learning ในวิธีที่สนุกสนานแล้ว ยังจะได้รับดิจิตัล แบดจ์สำหรับ DeepRacer อีกด้วย ”

   ด้าน คุณอดิเรก ราชกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ อาวุโส ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท บีทูเอส จำกัด กล่าวว่า บีทูเอส มีความยินดีที่ได้ร่วมมือกับทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ในการสร้างพื้นที่สำหรับนักสร้างสรรค์  ปัจจุบัน บีทูเอส เราเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ ทั้งยังเป็นศูนย์กลางคอมมูนิตี้ พบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปันความรู้ และสร้างเครือข่ายใหม่ๆไม่รู้จบ เรามีความตั้งใจที่จะสร้างประสบการณ์การเรียนรู้ต่างๆ ด้วยการสร้างสังคม พื้นที่รวมตัวของคนมี “Passion” ผ่านกิจกรรมดีๆ ที่จะช่วยจุดประกายความคิด สร้างแรงบันดาลใจ ต่อยอดไอเดียใหม่ๆ ในรูปแบบของกิจกรรม และ workshop ต่างๆที่สอดรับกับสังคมดิจิตอล ต่อยอดการเป็นนวัตกรสู่การเป็นนวัตกรรมสตาร์ทอัพรุ่นใหม่  

    บีทูเอส มั่นใจว่า โครงการนี้ จะเป็น Digital Innovation Hub ที่พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการทำงานและไลฟ์สไตล์ประจำวันที่เปลี่ยนไปของคนในยุคดิจิทัลทั้งในวันนี้และอนาคต

    ด้าน คุณโกวินทร์ กุลฤชากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายนวัตกรรม Central Technology – Central Group เป็นตัวแทนจากกลุ่มเซ็นทรัล กล่าวถึงนวัตกรรมที่นำมาแสดงในงานนี้ว่า “เป็นการคิดค้นที่เราพัฒนาเพื่อนำไปใช้จริงกับธุรกิจในเครือ Central Group โดยมีชื่อว่า ชั้นวางอัจฉริยะ (Smart Shelf) ซึ่งก็คือ ชั้นวางสินค้าที่สามารถแจ้งเตือนได้โดยอัตโนมัติ ทันทีที่สินค้าบนชั้นวางนั้นกำลังจะหมดหรือหมดลง โดยพนักงานจะได้รับการแจ้งเตือนผ่านทางไลน์ ซึ่งนับว่าเป็นการเพิ่มโอกาสในการขายสินค้านั้น ๆ เนื่องจากบางครั้งสินค้าหมดลงโดยพนักงานขายไม่ทราบ และไม่ได้เติมของในชั้นวาง ทำให้ลูกค้าไม่สามารถซื้อสินค้าได้ อีกทั้งทางร้านก็เสียโอกาสในการเพิ่มยอดขายอีกด้วย นอกจากการแจ้งเตือนสินค้าที่กำลังจะหมดลงแล้ว Smart Shelf ยังสามารถเช็คสต๊อคสินค้าบนชั้นวางนั้น ผ่านทางหน้าจอแบบ Real time ได้อีกด้วย”

    นอกจากนี้ คุณโกวินทร์ยังได้กล่าวถึงความร่วมมือกับทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง กับโครงการ Creator Space (NEXT) ว่า “กลุ่มเซ็นทรัลเล็งเห็นว่า การพัฒนาคนรุ่นใหม่ๆ ให้เขาได้เรียนรู้ และได้รับการพัฒนาจากผู้ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในสายอาชีพนั้นๆ จะทำให้เด็กๆ ได้พัฒนาไปอย่างมีศักยภาพมากยิ่งขึ้น เราจึงได้ริเริ่มโครงการนี้กับทางสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดยให้ความสนับสนุนทั้งในด้านเทคโนโลยีและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ที่จะมาแนะนำและให้ความรู้ในเรื่องของเทคโนโลยีหรือธุรกิจนั้น ๆ เพื่อให้เขาได้เรียนรู้จาก CASE STUDY ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจริง แล้วยังให้เขาได้มีส่วนร่วมในการคิดค้น พัฒนา นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะสามารถนำเอาไปใช้ได้จริงในโลกของธุรกิจอีกด้วย

    เพราะการร่วมพัฒนาเยาวชนไทย คือหัวใจแห่งการสร้างสังคมที่ดีอย่างยั่งยืน การส่งเสริมการเรียนรู้ให้กับเด็กๆ จึงเท่ากับเป็นการเสริมสร้างศักยภาพให้แก่องค์กร และประเทศชาติในระยะยาว ทั้งยังเป็นการตอบแทนให้กับสังคมอีกทางหนึ่งด้วย เพราะในท้ายที่สุดแล้วการวัดความสำเร็จขององค์กรไม่ได้วัดกันแค่เพียงตัวเลขรายได้หรือราคาหุ้นในตลาดหุ้นเท่านั้น หากแต่ยังวัดกันที่คุณภาพของ “คน” ที่เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญขององค์กรเช่นกัน”

ด้าน นายศรัณย์ ศรีพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท Energy IoT Co., Ltd. กล่าวว่า พื้นที่ IoT Innovation  เป็นพื้นที่ภายใต้โครงการ Creator Space (NEXT) ดำเนินการโดยกลุ่มบริษัทโกลบอลโทรนิค อินเตอร์เทรด จำกัด และบริษัท Energy IoT เพื่อให้นักวิจัยพัฒนา นักออกแบบระบบ ได้เข้ามาเรียนรู้ สาธิต ทดลอง พัฒนานวัตกรรมใหม่ๆด้าน Internet of Things (IoT) จากเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก ได้แก่ IoT Sensor Device จาก Libelium ประเทศสเปน และ Bosch ประเทศเยอรมัน บอร์ดอิเล็กทรอนิกส์ และ Sensor อุตสาหกรรม จาก element 14, ระบบ Computer ขนาดเล็กและ Microcontroller จาก Raspberry Pi ประเทศอังกฤษ และ Beagle Bone ประเทศสหรัฐอเมริกา รวมทั้ง Sensor และอุปกรณ์ชั้นนำอื่นๆ นอกจากนี้นักวิจัยยังได้มีโอกาสทดลองการบูรณการอุปกรณ์และส่วนประกอบต่าง ๆ เข้าสู่ IoT Platform Talegur จากกลุ่มนักพัฒนาในประเทศไทย เพื่อต่อยอดไปสู่การพัฒนาเป็น IoT Solution ที่ตอบโจทย์การใช้งานจริงของภาคธุรกิจและภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย

     ด้าน นายเขมรัฐ โชคมั่งมี Head of Digital Innovative Technology Center (DITC) บริษัท พีทีที ดิจิตอล โซลูชั่น จำกัด กล่าวว่า เทคโนโลยีของโลกในปัจจุบันได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว Industry 4.0 เข้ามามีบทบาทในทุกส่วนของภาคอุตสาหกรรม รวมถึงการดำเนินชีวิตของคนในชีวิตประจำวัน การร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ นั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญต่อการแข่งขันในโลกปัจจุบัน การร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ภายใต้โครงการ Creative Space (NEXT) ในครั้งนี้ ทางบริษัทหวังว่านอกจากจะช่วยผลักดันการสร้างนักนวัตกรของประเทศแล้ว ยังช่วยผลักดันให้เกิดนวัตกรรมฝีมือคนไทยที่สามารถนำไปสู่สตาร์ทอัพที่ตอบรับความต้องการของภาคอุตสาหกรรมอีกด้วย

    “ทรู ดิจิทัล พาร์ค ศูนย์กลางด้านนวัตกรรมดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง พร้อมด้วยเหล่าพันธมิตรชั้นนำ จัดตั้ง Creative Space (NEXT) ศูนย์นวัตกรผู้ประกอบการที่จะเป็นแหล่งบ่มเพาะนวัตกรและสตาร์ทอัพไทย โดยความร่วมมือในครั้งนี้ สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของ ทรู ดิจิทัล พาร์ค ในการสร้างระบบนิเวศสมบูรณ์แบบครบวงจรสำหรับสตาร์ทอัพ บนพื้นที่เพื่อการสร้างสรรค์นวัตกรรมดิจิทัล ภายใต้แนวคิด Open Innovation ที่เป็นศูนย์รวมบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เหล่าสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ นักลงทุน มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาครัฐ ทั้งยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่รองรับทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลได้อย่างลงตัว ท่ามกลางบรรยากาศที่เอื้อต่อการพบปะแลกเปลี่ยนประสบการณ์ แบ่งปันความรู้ และสร้างเครือข่ายความร่วมมือได้อย่างไม่รู้จบ เชื่อมั่นว่า Creative Space (NEXT) จะช่วยสร้างนวัตกรไทยหน้าใหม่ให้สามารถเติบโตและแข่งขันได้ในเวทีโลก เพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจดิจิทัลและเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศ