SPA - ถือ

SPA - ถือ

คาดกำไรปี 61 ผลประกอบการทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 227 ลบ. เติบโต 30 %YoY

ประเด็นสำคัญในการลงทุน :

  • SPA ผู้ให้บริการสปาแบบครบวงจร : SPA แบ่งเป็น 4 กลุ่มธุรกิจ คือ ธุรกิจสปามีสัดส่วนรายได้ 86% ของรายได้รวม ภายใต้แบรนด์ "RarinJinda Wellness Spa" เป็นแบรนด์ระดับ 5 ดาว มีจำนวน 3 สาขา แบรนด์ "Let's Relax" ระดับ 4 ดาว มีจำนวน 27 สาขาและแบรนด์ บ้านสวนมาสสาจ ระดับ 3 ดาว มีจำนวน 11 สาขา 2.ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารมีสัดส่วนรายได้ 6% ของรายได้รวม ในนาม "โรงแรม ระรินจินดา เวลเนส สปา รีสอร์ท"  ร้านอาหารในนาม "Deck 1" และร้านอาหาร "D Bistro" 3.ธุรกิจการจำหน่ายผลิตภัณฑ์สปาภายใต้แบรนด์ "Blooming" มีสัดส่วนรายได้ 6% ของรายได้รวม 4.กิจการ “โรงเรียนสอนนวดแผนไทยบลูมมิ่ง” เพื่อให้การอบรมบริการนวดและสปาแก่พนักงานเทอราพิสต์ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของบริษัท มีสัดส่วนรายได้ 2% ของรายได้รวม บริษัทรายงานรายได้ปี 60 อยู่ที่ 948 ลบ. เติบโต 30.7 %YoY มาจากการเติบโตจากสาขาเดิม (SSSG) ถึง 24% และจากการขยายสาขา 6% กำไรสุทธิอยู่ที่ 175 ลบ. เติบโต 24 %YoY แต่อัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 18.2% ลดลงเมื่อเทียบกับปี 59 ที่ 19.1% เนื่องจากในบางสาขาปิดปรับปรุงและมีการเปิดสาขาใหม่ในช่วง 2H60 ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 4-6 เดือน ถึงจะถึงจุดคุ้มทุน 
  • โอกาสของธุรกิจสปาในประเทศจากการเติบโตของจำนวนนักท่องเที่ยว : ธุรกิจ
    สปามีผู้ใช้บริการหลักเป็นนักท่องเที่ยวถึง 75 % เป็นชาวจีนถึง 55% (สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมจากรูปที่ 1) โดยแผนงานในปัจจุบันจะเน้นขยายสาขาไปตามหัวเมืองหลัก และห้างสรรพสินค้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว ตั้งเป้าเปิดสาขาเพิ่มปีละ 10 สาขา โดยใช้แบรนด์ Let’s Relax เป็นเรือธง ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงสุดราว 40% รวมถึงบริษัทมีการขยายกิจการในรูปแบบการรับบริหารกิจการ
    สปาในโรงแรม มีข้อดีคือลงทุนต่ำและใช้เวลาในการตกแต่งไม่นาน ฝ่ายวิจัยมองว่า ในประเทศไทยแบรนด์ Let’s Relax ยังสามารถเติบโตได้ต่อเนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น โดยใน 1Q61 จำนวนนักท่องเที่ยวรวมเติบโต 2 %YoY และนักท่องเที่ยวจีนเติบโตถึง 30 %YoY (สามารถดูจำนวนนักท่องเที่ยวแยกตามสัญชาติได้ในรูปที่ 3) ในอนาคตหากแบรนด์ Let’s Relax อิ่มตัวแล้ว บริษัทมีแผนจะขยายแบรนด์บ้านสวน ซึ่งเป็นแบรนด์ที่เน้นลูกค้าชาวไทย เพื่อเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดกับกลุ่มลูกค้าคนไทยให้มากขึ้น
  • โอกาสของธุรกิจสปาในต่างประเทศจากการขายแฟรนไชส์ : SPA ใช้วิธีการขยายสาขาในต่างประเทศผ่านแบรนด์ Let’s Relax ในรูปแบบแฟรนไชส์ ร่วมกับ พันธมิตรที่จีน โดยเริ่มตั้งแต่ปี 59 ที่เมืองคุนหมิง และในช่วงปลายปี 60 มีการให้สิทธิ์แฟรนไชส์เพื่อขยายอีก 2 สาขาในเมืองเทียนจินและเมืองชิงเต่า คาดจะเปิดดำเนินการได้ใน 1Q61 และ 2Q61 ตามลำดับ และให้สิทธิ์แฟรนไชส์ในประเทศกัมพูชา 3 สาขาที่กรุงพนมเปญ คาดจะเปิดดำเนินการได้ใน 2Q61 การขายแฟรนไชส์บริษัทจะได้รับค่าตอบแทนในรูปแบบ Lump-Sum Franchise Fee ได้รับเมื่อมีการตกลงซื้อขายกัน และ Monthly Franchise Fee คิดตามสัดส่วนรายได้ต่อเดือน ฝ่ายวิจัยมองว่าหากแฟรนไชส์ในประเทศจีนและกัมพูชาประสบความสำเร็จ จะเป็นปัจจัยหนุนการเติบโตใหม่ให้กับบริษัท (New S-Curve) เนื่องจากการขยายสาขาแฟรนไชส์ไม่จำเป็นต้องใช้เงินทุน และมีโอกาสเติบโตสูง
  • คาดกำไร 1Q61 จะเติบโตราว 31%YoY จาก SSSG แม้ยังไม่มีการเปิดสาขาใหม่ : คาดรายได้จะอยู่ที่ราว 288 ลบ. เติบโต 28 %YoY จากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เพิ่มขึ้นถึง 30 %YoY ส่งผลให้ SSSG ปรับตัวขึ้น และคาดกำไรสุทธิราว 59 ลบ. เติบโต 31%YoY โดยคาดว่าอัตรากำไรสุทธิสามารถใกล้เคียงกับ 1Q60 ที่ระดับ 20% เนื่องจากสาขาที่เปิดดำเนินงานในปี 60 มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นแม้ว่าใน 1Q61 จะไม่มีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มเติม
  • คาดกำไรปี 61 ผลประกอบการทำจุดสูงสุดใหม่ที่ราว 227 ลบ. เติบโต 30 %YoY : คาดรายได้ปี 61 อยู่ที่ 1,218 ลบ. เติบโต 29 %YoY กำไรสุทธิอยู่ที่ 227 ลบ.เติบโต 30 %YoY โดยมีปัจจัยหนุนมาจากการเปิดให้บริการเต็มปีในแบรนด์ RarinJinda หลังปิดปรับปรุงในช่วงปี 60 พร้อมตั้งเป้าเปิดเพิ่ม 10 สาขา จากปี 60 ที่ 41 สาขา(สามารถดูแผนงานการเปิดสาขาได้ในรูปที่ 2) โดยจะเริ่มเปิดในช่วง 2H61 อีกทั้งมีแผนจะ Rebranding ผลิตภัณฑ์สปาให้ Premium มากขึ้น เหมาะสำหรับเป็นของฝาก เน้นขายผ่านสาขาและแฟรนไชส์
  • เราเริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ถือ“ ด้วยราคาเหมาะสม 19.20 บาท : ฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าเหมาะสมโดยใช้วิธี DCF โดยคาดการณ์ CAGR 6 ปี ที่ 18 % (ใช้สมมติฐาน : WACC 7.4% ,Beta = 82 ,terminal growth 5.25% และ SSSG 0%) ยังไม่รวมการเติบโตจากแฟรนไชส์จากต่างประเทศ ได้ราคาเหมาะสม 19.20 บาท ซึ่งมีอัพไซต์เหลือไม่มากจากราคาปิดล่าสุด อีกทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ PER 60 เท่าสูงกว่า PER ของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่ 30 เท่าจึงเริ่มต้นด้วยคำแนะนำ “ถือ”

ความเสี่ยง : 1. เปิดสาขาได้ล่าช้ากว่าแผนงาน

                2. จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงจากเหตุการณ์ไม่ปกติ
                3. การขยายสาขาของแฟรนไชส์ที่ต่างประเทศไม่เป็นไปตามคาด