'โฟร์โนล็อค' เปิดอาณาจักรก้าวสู่ปีที่ 11

'โฟร์โนล็อค' เปิดอาณาจักรก้าวสู่ปีที่ 11

"อนุวัติ" ประธานบริษัทเผย กว่าจะถึงวันนี้ ยอมขาดทุนกว่า 6 ปี พลิกสู่กำไรกว่า 100% พร้อมตั้งเป้าลงทุนครั้งใหม่

"โฟร์โนล็อค" (4NOLOGUE) หนึ่งในบริษัทที่ทำงานด้านศิลปินเกาหลีเป็นบริษัทแรกๆ ของประเทศไทย ก่อตั้งเมื่อ วันที่ 11 พ.ค. 2550 จากความตั้งใจจริงของ นายอนุวัติ วิเชียรณรัตน์ ประธานกรรมการบริหารเริ่มต้นผลิตผลงานสร้างชื่อด้วยการเป็นผู้นำศิลปินชื่อดังจากประเทศเกาหลีอย่างวง ดงบังชินกิ มาเปิดคอนเสิร์ตครั้งใหญ่และเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับสินค้าในประเทศไทย จนประสบความสำเร็จล้นหลาม ทำให้ บริษัทโฟร์โนล็อค เป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้

ปัจจุบัน โฟร์โนล็อค ได้ดำเนินธุรกิจมาเป็นเวลา 10 ปี ฝ่าฟันอุปสรรคต่างๆมากมาย ทั้งเผชิญกับภาวะการขาดทุนมาตลอด 6 ปีเต็ม แต่ยังยืนหยัดสู้ต่อและได้ปรับกลยุทธ์จนทำให้จากบริษัทที่ขาดทุนมาทุกปี พลิกมาสร้างผลกำไรก้าวกระโดดในปีที่ 7 จากนั้นยังลงทุนเพิ่มกว่า 200 ล้านบาทใน 2 ปีถัดมาเพื่อสร้าง 4NOLOGUE Headquarter เพื่อรองรับการก้าวสู่การเป็น Entertainment ครบวงจร

หลังจากที่ได้ทำการศึกษาวิเคราะห์และพัฒนาบริษัทฯ โดยมีต้นแบบจากประเทศเกาหลีใต้ที่เป็นผู้นำด้าน Entertainment ของเอเชีย สามารถทำกำไรเพิ่มขึ้น 100% โดยในปีที่ผ่านมาครบรอบ 10 ปีของบริษัท ได้มีการลงทุนความพร้อมทั้งในส่วนของ PRODUCTION & Equipment การจัดงานคอนเสิร์ต และ อีเวนท์ ซึ่งเป็นการลงทุนครั้งใหญ่กว่า 80 ล้านบาท

นายอนุวัติ ผู้ก่อตั้งบริษัทโฟร์โนล็อค กล่าวว่า ปีนี้ บริษัทได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 11 ซึ่งมีเป้าหมายในการก้าวเข้าสู่การเป็นบริษัท ENTERTAINMENT ครบวงจร โดยการเปิดอาณาจักร 4NOLOGUE และได้ขยายโครงสร้างงานจากเดิมที่จัดคอนเสิร์ต อีเวนท์ โฆษณา ผลิตรายการโทรทัศน์ และเอเจนซี่พรีเซนเตอร์ศิลปินเกาหลีในหลายๆ สินค้าในประเทศไทย สู่การเป็น Content Provider ประเดิมงานแรกกับ PROJECTBLUR ที่ 4NOLOGUE สร้างสรรค์โปรเจคขึ้นมา เพื่อแฟน ๆ มาร์ค และ แบมแบม แห่งวง GOT7 ที่ได้รับกระแสการตอบรับชนิดที่เรียกว่าถล่มทลาย ขายบัตรหมดภายใน 2 นาที จนต้องมีการเพิ่มรอบ

นอกจากนั้นยังสร้างปรากฏการณ์ #PROJECTBLUR ขึ้นอันดับ 1 trend twitter แฮชแท็กที่มีคนพูดถึงมากที่สุดกว่า 1.3 ล้านทวีตในวันที่มีการจัดงาน และโปรเจ็คสุดพิเศษ “5:7:9” ที่ทางบริษัทตั้งใจนำเสนอเพื่อเป็นของขวัญให้กับทุกคน โปรเจ็ค “5:7:9“ ประกอบด้วย 3 อีเวนท์ใหญ่ ได้แก่

5 >> คือ โปรเจคที่นำ SBFIVE (เอสบีไฟว์) 5 วัยรุ่นที่มาแรงที่สุดจากซีรี่ส์ชื่อดังในยุคนี้ ได้แก่ บาส (สุรเดช พินิวัตร์) คิมม่อน (วโรดม เข็มมณฑา) เต้ (ดาวิชญ์ กรีพลฤกษ์) คอปเตอร์ (ภานุวัฒน์ เกิดทองทวี) และ ตี๋ (ธนพล จารุจิตรานนท์) ที่โด่งดังไปทั่วเอเชีย พร้อมสร้างกระแสไปทั่วเอเชีย ด้วยโชว์เต็มรูปแบบครั้งแรกที่ 4NOLOGUE ได้สร้างสรรค์ขึ้นเพื่อแฟนๆของพวกเค้าทั้ง 5 หลังจากที่พวกเค้าเดินสายไปพบปะแฟนๆหลายประเทศในเอเชีย และหลายครั้งในประเทศไทย แต่รับรองว่าจะยังไม่มีครั้งไหนที่เต็มรูปแบบเท่าครั้งนี้ ที่สำคัญยังเปิดโอกาสให้แฟนๆได้มีส่วนร่วมออกความคิดเห็นและร่วมสร้างโชว์ที่ผู้ชมอยากดูมากที่สุด

7 >> มาจากโปรเจคใหญ่ GOT7 (ก็อตเซเว่น) หลังจากที่โฟร์โนล็อคนำศิลปินเกาหลีชื่อดัง GOT7 (ก็อตเซเว่น) มาสร้างปรากฏการณ์ GOT7 THAILAND TOUR 2017 “NESTIVAL” (ก็อต เซเว่น ไทยแลนด์ ทัวร์ 2017 เนสติวัล) ครั้งแรก ด้วยการทัวร์คอนเสิร์ต 4 ภาคในประเทศไทย ซึ่งสร้างความสุขให้เหล่าแฟนคลับชาวไทยได้ฟินกันไปแล้วทั่วประเทศเมื่อปีที่ผ่านมา ปีนี้กลับมาอีกครั้งกับ 2018 GOT7 WORLD TOUR IN BANGKOK (2018 ก็อต เซเว่น เวิลด์ ทัวร์ อิน แบงคอก) ซึ่งบอกได้เลยว่า World Tour ที่ประเทศไทย จะเป็นโชว์ที่ดีที่สุดในโลกของพวกเค้าทั้ง 7 คน ที่ตั้งใจและอยากสร้างความประทับใจให้กับแฟนๆโดยเฉพาะ

9 >> โปรเจค 9x9 (ไนน์ บาย นาย) เป็นโปรเจ็คเรือธงแรกของบริษัทที่พัฒนามากว่า 2 ปี ที่จะผลิตคอนเท้นต์ออกมาให้ได้ติดตามกันเร็วๆนี้ กับการรวมตัว ไอดอล ของไทย 9 คน จากหลากหลายค่าย ซึ่งปูเต็มทุก platform ครั้งแรกในประเทศ ได้แก่ การออกอากาศ ซีรีส์ทางช่อง Digital TV ที่ได้ ย้ง-ทรงยศ สุขมากอนันต์ มาเป็นผู้กำกับ รวมถึงฝั่ง online กับ social media ของบริษัทที่จะมีชิ้นงานเพื่อสื่อสารกับกลุ่มแฟน และการสื่อสารคอนเท้นต์ผ่านพาร์ทเนอร์ชื่อดัง ในส่วนงานด้าน Music Content ที่จะมีการทำงานร่วมพาร์ทเนอร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ อาทิ JYP Entertainment, Love is (เลิฟ อีส) และปิดท้ายโปรเจ็คกับการ On ground & Promotion คอนเสิร์ตใหญ่ปิดท้ายโปรเจ็ค เป็น Full IMC Campaign (ฟูล ไอเอ็มซี แคมเปญ) สำหรับ Teen Target รูปแบบใหม่ที่ครอบคลุมการตลาดครบทุกช่องทางมากที่สุดครั้งแรกในไทย

"จากความสำเร็จของปีที่ผ่านมา ทำให้ผลกำไรของบริษัทโตกว่า 100% ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอย เราถือเป็นบริษัทที่ยืนหยัดด้วยคอนเทนต์และกลยุทธิ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคมากที่สุดในขณะนี้ เมื่อเราผ่านช่วงวิกฤติมาได้ก็ไม่มีอะไรต้องกลัวอีกต่อไป ต่อจากนี้ บริษัท ยังต้องพัฒนาเพื่อศักยภาพที่ดียิ่งกว่าเดิม โดยปีนี้เชื่อว่าจากการวางคอนเทนต์ที่ครอบคลุมและครองใจกลุ่มเป้าหมายหลักจะทำให้ บริษัทคาดการณ์ว่าในปี 2561 นี้ กำไรจากผลประกอบการจะโตขึ้นประมาณ 70 ล้านบาท” นาย อนุวัติ กล่าวทิ้งท้าย