ศาลตัดสิน'บ้านปู'จ่าย1,500ล้าน พร้อมดอกเบี้ย7.5% นับตั้งแต่วันฟ้องปี50

ศาลตัดสิน'บ้านปู'จ่าย1,500ล้าน พร้อมดอกเบี้ย7.5% นับตั้งแต่วันฟ้องปี50

คำพิพากษาออกแล้ว!! ศาลฎีกาตัดสิน "บ้านปู" จ่าย 1,500 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% นับตั้งแต่วันฟ้องปี 2550

เบื้องต้น ศาลฎีกาตัดสิน "บ้านปู" จ่าย 1,500 ล้าน พร้อมดอกเบี้ย 7.5% นับตั้งแต่วันฟ้องปี 2550 โดยคดีโรงไฟฟ้าหงสา หลังจากดำเนินการฟ้องร้องมานานกว่า 10 ปี ระหว่างบริษัทบ้านปู จำกัด(มหาชน) หรือ BANPU ฐานะจำเลย กับบริษัท ไทย–ลาว ลิกไนต์ (ประเทศไทย) หรือ TLL และกลุ่มงานทวี ในฐานะโจทก์ 

เมื่อเช้านี้ ตลาดหลักทรัพย์ขึ้นเครื่องหมายห้ามการซื้อขายชั่วคราว(H) สำหรับการซื้อขายรอบเช้าในหุ้น BANPU และบริษัทบ้านปูพาวเวอร์ จำกัด(มหาชน)(BPP) เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างรอผลคำพิพากษาศาลฎีกาซึ่งอาจมีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์และการตัดสินใจในการลงทุนอย่างมีนัยสำคัญ

คดีดังกล่าวบริษัท ไทย –ลาว ลิกไนต์ (ประเทศไทย) หรือ TLL และกลุ่มงานทวี ได้มีการฟ้องร้องตั้งแต่ปี 2550 แบ่งฟ้องทั้งรัฐบาลลาว ในฐานะผู้ยกเลิกสัมปทานกับทาง TLL และบ้านปู ในฐานะผู้เข้ามารับสัมปทานแทน ซึ่งที่ผ่านมาทางรัฐบาลลาว ชนะคดีหลังศาลสูงสุดของมาเลเซียยกฟ้อง

ขณะที่บ้านปู ศาลแพ่ง ตัดสินให้มีการชดใช้ค่าเสียหาย 31,740 ล้านบาท แต่ต่อมาศาลอุทธรณ์ ตัดสิน ยกฟ้อง ทำให้บ้านปูไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายตามศาลแพ่ง จนมาถึงศาลฎีกา

2_3

โครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ เมืองหงสา แขวงไชยะบุรี สปป.ลาว เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ บ้านปู ขยายธุรกิจไปยัง พลังงานทดแทน เพื่อลดความเสี่ยงในธุรกิจถ่านหิน จนทุกวันนี้ธุรกิจพลังงานทดแทนมีรายได้ที่ใหญ่พอและนำบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้ ในปี 2559 โดยบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BPP ซึ่งเป็นบริษัทลูก ของบ้านปูถือหุ้นอยู่ที่ 78.64 % ดำเนินธุรกิจพลังงานทั้งพลังงานไฟฟ้า พลังงานไอน้ำ มีกำลังผลิตรวม 2,068 เมกะวัตต์ มีโครงการรอพัฒนา 721 เมกะวัตต์ ตามแผนงานระยะยาวบริษัทตั้งเป้าเพิ่มกำลังการผลิตถึงปี 2564 เป็น 2,800 เมกะวัตต์ มาจากโครงการลงทุนในประเทศญี่ปุ่น และจีน

ปัจจุบันมีการลงทุนโรงไฟฟ้าโดยตรง และตามสัดส่วนเงินลงทุน ซึ่งครอบคลุมภูมิภาคเอเชีย ทั้ง ไทย สปป.ลาว จีน และญี่ปุ่น เช่น ในจีน โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมหลวนหนาน กำลังผลิตไฟฟ้า 100 เมกะวัตต์ ผลิตไอน้ำ 128 ตันต่อชั่วโมง, โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เต๋ยหยวน มีกำลังผลิตไฟฟ้า 51.64 เมกะวัตต์ เปิดดำเนินการ COD ปี 2560

ประเทศญี่ปุ่น โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ฮิโนะ มีกำลังการผลิต 3.5 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการ COD แล้วปี 2559 โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ โอลิมเปีย มีกำลังผลิต 10 เมกะวัตต์ ซึ่งเปิดดำเนินการ COD ปี 2558

ขณะที่โครงการโรงไฟฟ้าหงสา BPP ที่ได้รับสัมปทาน จากรัฐบาล สปป.ลาว ทั้งโรงไฟฟ้าและถ่านหินลิกไนต์ ระยะเวลา 25 ปี นับตั้งแต่เริ่มผลิตไฟฟ้าและถ่านหินเชิงพาณิชย์ โดยเข้าไปลงทุนตั้งแต่ปี 2552 ด้วยเม็ดเงินลงทุน 3,700 ล้านเหรียญฯ

สำหรับกำลังการผลิตจะอยู่ที่ 1,878 เมกะวัตต์ ซึ่งแบ่งดำเนินการเชิงพาณิชย์ เป็น 3 หน่วยการผลิต โดยได้เปิดดำเนินการไปเรียบร้อยแล้วตั้งแต่ปี 2558-2559 ซึ่งได้ทำการ COD ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และบางส่วนจำหน่ายให้กับ สปป. ลาว

จากรายการผลประกอบการ BPP ในรอบปี 2560 บริษัทมีรายได้ 6,419 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.82 % จากปีก่อน มีกำไรสุทธิ 4,242 ล้านบาท ลดลง 0.7 % จากปีก่อน ตามโครงสร้างรายได้มาจากพลังงานไฟฟ้า 53.33 % พลังงานไอน้ำ 40.38 % และรายได้จากการขายอื่น ๆ 6.29 %

เฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าหงสา มีรายได้ 20,905 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.33 % จากปีก่อน มีกำไรก่อนหักภาษี 13,099 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 43 % จากปีก่อน ขณะที่กำไรตามส่วนแบ่งการลงทุนของ BPP อยู่ที่ 3,143 ล้านบาท แต่รับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 908 ล้านบาท ทำให้รับรู้กำไรในงวดนี้ที่ 2,235 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 51.62 %

ตามการประเมินของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กรุงศรี อัตราการผลิต (EAF)ที่มั่นคงของโครงการหงสาจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโต ให้กับบริษัทจากปี 2560 อยู่ที่ 81 % ซึ่งสูงกว่าที่บริษัทคาดการณ์ ที่ 80 % ซึ่งคาดว่าปีนี้ EAF ของหงสาจะสูงถึง 83 % ใกล้เคียงกับที่บริษัทคาดการณ์สูงกว่า 80 % ประเมินส่วนแบ่งกำไรจากหงสาปีนี้จะอยู่ที่ 3,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.6 % จากปีก่อน แนะนำ ซื้อ สะสม BPP ที่ 31บาท

โดยราคาหุ้น BANPU เมื่อวานปิดที่ 23.20 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท ทำราคาสูงสุด 23.50 บาท ต่ำสุด 22.70 บาท ขณะที่ BPP ราคาปิด 25.50 บาทเพิ่มขึ้น 0.50 บาท สูงสุดที่ 26 บาท ต่ำสุด 25.25 บาท