แสนสิริรุก“อีซีอาร์เอ็ม” ชูเซอร์วิสดูแลนักลงทุนอสังหาฯ
ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัย ส่งผลต่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และบริการในปัจจุบันที่ไม่สามารถทำแบบ one size fits all ได้อีกต่อไป การตอบสนองความต้องการยุคนี้ จึงต้องมุ่งที่ระดับบุคคล (personalized)
สมัชชา พรหมศิริ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายสื่อสารองค์กรและดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าการดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของแสนสิริ ตลอด 35 ปี มุ่งสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยของลูกบ้าน ภายใต้แนวที่ยึดความต้องการของลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (customer centric) ซึ่งในอดีตเป็นรูปแบบการจัดกิจกรรม ประเภทต่างๆ สำหรับลูกบ้าน อาจไม่ได้ตอบความสนใจทุกกลุ่ม
แต่ปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีในยุคดิจิทัล กลายเป็น“เครื่องมือ”สำคัญ ที่ทำให้เห็นความต้องการและไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ที่มีความแตกต่างและเฉพาะตัวมากขึ้น แสนสิริจึงเปิดตัวกลยุทธ์ Personalized CRM ที่เพิ่มมิติด้านการบริการเจาะลึกไปยังความต้องการในระดับบุคคล
นำร่องด้วยบริการ Siri Priority ที่มุ่งตอบโจทย์ความต้องการ ทั้งการอยู่อาศัยและการลงทุน ของลูกค้าแสนสิริ ด้วยไฮไลท์การบริการ “ผู้ช่วยบริหารอสังหาริมทรัพย์ส่วนตัว” หรือ RM (Relationship Manager) ทำหน้าที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกในด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอ้างอิงจากสถิติหรืองานวิจัยเกี่ยวกับอสังหาฯ เพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนการลงทุน พร้อมอัพเดทข้อมูลที่น่าสนใจ ถือเป็นที่ปรึกษาและให้ข้อมูลการลงทุนอสังหาฯ แบบครบวงจร ปัจจุบันมี RM ประมาณ 50 คน
โดย Siri Priority เป็นโปรแกรมเฉพาะสำหรับการดูแลลูกค้าที่มีศักยภาพสูง ที่ซื้อโครงการเพื่อการอยู่อาศัยและลงทุนต่อยอด ปัจจุบันมีลูกค้ากลุ่มนี้ราว 150-160 คน รวมมูลค่าซื้อโครงการของแสนสิริราว 2 หมื่นล้านบาท ถือเป็นกลุ่มที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่องในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ลูกค้าที่จัดอยู่ในกลุ่ม Siri Priority คือคนที่ซื้อโครงการของแสนสิริ ส่วนใหญเป็นคอนโดมิเนียม มูลค่าตั้งแต่ 80 ล้านบาทขึ้นไป หรือซื้อโครงการแฟลกชิพ เช่น 98 wireless โดยกลุ่มนี้มีการลงทุนต่อเนื่อง ปัจจุบันเป็นการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยขายต่อเมื่อได้ผลตอบแทนที่ดี 50% และลงทุนปล่อยเช่า 50% ทำเลที่ได้รับความสนใจของกลุ่มนี้ คือ สุขุมวิทตอนต้น, อโศก,ทองหล่อ เป็นต้น
กลุ่ม Siri Priority ส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนไทย อายุ 30-50 ปี ที่มีการลงทุนรูปแบบต่างๆ อยู่แล้ว เช่น การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ กลุ่มที่แสนสิริดูแลอยู่ อายุน้อยที่สุด คือ 27 ปี ที่ให้ความสนใจลงทุนอสังหาฯ และในกลุ่มคนรุ่นใหม่ขยายตัวต่อเนื่อง โดยพอร์ตการลงทุนต่ำสุดคือ 80 ล้านบาท สูงสุดคือ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นบุคคลที่ลงทุนต่อเนื่องมา 17 ปี
“ลูกค้ากลุ่มนักลงทุนของแสนสิริ เป็นนักธุรกิจหรือประกอบกิจการส่วนตัว ลักษณะการดำเนินธุรกิจรัดตัวหรือมีการเดินทางไปเจรจาทางธุรกิจที่ต่างประเทศอยู่บ่อยๆ จึงต้องการที่ปรึกษาลงทุนอสังหาฯ”
นอกจากนี้ ได้ต่อยอดกลยุทธ์ Personalized CRM ที่หลากหลายเพื่อสอดรับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มผ่าน “แสนสิริ แฟมิลี่” (Sansiri Family)
สมัชชา กล่าวว่าปีนี้ได้ปรับโฉมแสนสิริ แฟมิลี่ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้ชีวิตในรูปแบบใหม่ให้ลูกบ้านกว่า 70,000 ครัวเรือน ผ่านการต่อยอดด้านดิจิทัล ด้วยการเปิดตัว eCRM ครั้งแรก เป็นการยกระดับกลยุทธ์ Personalized CRM สู่แพลตฟอร์มดิจิทัล ผนวกรวมกับ Home Service Application ทำให้สะดวก รวดเร็ว ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนรุ่นใหม่ที่ดิจิทัลมีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน
โดย eCRM จะรวบรวมสิทธิพิเศษและระบบบริหารจัดการที่อยู่อาศัยครบวงจร รวมถึงคัดเลือกสิทธิพิเศษอื่นๆ บนพื้นฐานของความต้องการเฉพาะ (Personalized) ของลูกบ้านแต่ละคน เพื่อให้ลูกบ้านได้รับข้อมูล บริการ และสิทธิพิเศษที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด ทำให้แสนสิริได้จัดเก็บ database หรือนำข้อเสนอแนะจากลูกบ้านมาพัฒนาต่อยอดฟังก์ชันใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยจะเปิดใช้งาน eCRM เต็มรูปแบบในเดือน มี.ค.2561