‘ทุนต่างชาติ’แห่ลงทุนอสังหาฯ
ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยยังได้รับความสนใจลงทุนจาก“ต่างชาติ”ต่อเนื่อง นำโดยสัญชาติ“ญี่ปุ่น” ที่เห็นการประกาศร่วมทุนเป็นพันธมิตรกับดีเวลลอปเปอร์ไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม“บิ๊กเนม”
รัชภูมิ จงภักดี ผู้จัดการทั่วไป บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่าการเติบโตเศรษฐกิจไทยปีหน้า มีทิศทางกระเตื้องขึ้นจากปีนี้ แต่เป็นอัตราเท่าไรคงต้องรอดูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนของรัฐอีกครั้ง
ปัจจัยบวกที่เข้ามาสนับสนุนการลงทุน คือ โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก(อีอีซี) การลงทุนระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟฟ้าเส้นต่างๆ รวมทั้งมาตรการสนับสนุนจากบีโอไอ ซึ่งเป็นโครงการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับความสนใจจากทุนต่างชาติ อย่างมาก
แม้ที่ผ่านมาจะมีกลุ่ม“ทุนญี่ปุ่น” เข้ามาขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาฯไปแล้วรายหลาย แต่ในปี 2561 จะเห็นการ“ร่วมทุน” และจับมือเป็นพันธมิตรเพิ่มขึ้นอีก ขณะนี้มีทุนญี่ปุ่น 2-3 รายที่มีชื่อเสียง กำลังอยู่ระหว่างเจรจาการลงทุนในโปรเจคอสังหาฯประเภทต่างๆ
ปัจจุบันกลุ่มทุนญี่ปุ่นให้ความสนใจการลงทุนในโครงการอีอีซี พื้นที่ศรีราชา ที่มีการพัฒนาโปรเจคมิกซ์ยูส โดยมองการลงทุนด้านโรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ เพราะเห็นโอกาสเจาะกลุ่มชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาลงทุนในโครงการอีอีซี
“ผู้ประกอบการญี่ปุ่นตื่นตัวกับโครงการอีอีซี อย่างมาก เพราะเป็นโปรเจคขนาดใหญ่ในหลายอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจอสังหาฯ จึงมีโอกาสเข้าไปตอบดีมานด์ที่อยู่อาศัยในโซนดังกล่าว”
ปีที่ผ่านมามีทุนญี่ปุ่น ที่ดำเนินธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ในญี่ปุ่นและอีกหลายประเทศ แบรนด์“ลีโอพาเลซ” (Leopalace) เข้ามาลงทุนเซอร์วิสอพาร์ตเม้นต์ ที่ศรีราชา มูลค่า 1,000 ล้านบาท โดยซื้อโครงการต่อจากผู้ประกอบการไทย เพื่อให้บริการลูกค้าชาวญี่ปุ่น โดยกลุ่มดังกล่าวสนใจลงทุนเพิ่มเติมในศรีราชา ประเภทคอนโดมิเนียม ลักชัวรี
นอกจากนี้ทุนญี่ปุ่นยังสนใจการลงทุนคอนโด โรงแรม และพื้นที่อาคารสำนักงานทั้งในกรุงเทพฯ และพื้นที่อีอีซี ขนาดการลงทุนที่สนใจอยู่ที่โครงการละ 1,000-1,500 ล้านบาท โดยมีทั้งดีลการตั้งบริษัทในไทย, การร่วมทุนกับผู้ประกอบการท้องถิ่น
รัชภูมิ กล่าวว่าด้านการลงทุนอสังหาฯประเภทที่อยู่อาศัย ทำเล“เมืองชั้นใน”ย่านสุขุมวิท ทั้งซอย 12, 14, อโศก,ทองหล่อ ยังคงร้อนแรง ทั้งในกลุ่มดีเวลลอปเปอร์ไทยและทุนต่างชาติ
ล่าสุดเพิ่งมีการปิดดีลซื้อขายที่ดินแปลงต้นซอยสุขุมวิท 14 และที่กำลังจะปิดดีลในสัปดาห์นี้อีกแปลง คือ ต้นซอยสุขุมวิท 12 ขนาดที่ดิน 524 ตร.ว. มูลค่าราว 800 ล้านบาท ซึ่งมีทุนญี่ปุ่นและมาเลเซีย สนใจที่ดินแปลงดังกล่าว โดยอยู่ระหว่างการเจรจาสิทธิประโยชน์และการลงทุนร่วมกับเจ้าของที่ดิน เนื่องจากที่ดินเมืองชั้นในมีเหลือไม่มาก บางแปลงเจ้าของที่ดินไม่ต้องการขาย แนวทางการพัฒนาที่ดินจึงต้องเสนอสิทธิประโยชน์ และเป็นการลงทุนร่วมกัน
นอกจากทุนญี่ปุ่น พบว่าผู้ประกอบการธุรกิจก่อสร้างรายใหญ่จาก มาเลเซีย ซึ่งมีการลงทุนอสังหาฯ ในฮ่องกงและสหรัฐ แต่ยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยมาก่อน ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนอสังหาฯไทยเช่นกัน ขณะนี้กลุ่มดังกล่าวสนใจทำเลซอยทองหล่อ เพื่อพัฒนาโครงการคอนโด โลว์ไรส์ ขนาดการลงทุนราว 1,000 ล้านบาท
กลุ่มทุนต่างชาติยังเห็นโอกาสการลงทุนในตลาดอาคารสำนักงาน ทำเลกรุงเทพฯ ย่านรัชดาฯ พระราม4 เนื่องจากการเชื่อมโยงระบบคมนาคมสะดวก อีกทั้งพื้นที่สำนักงานในไทยมีอัตราการเช่าสูงที่ 90% ผลตอบแทนอยู่ที่ 6% ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศ
เช่นเดียวกับโอกาสการลงทุนในธุรกิจโรงแรม จากทิศทางการเติบโตต่อเนื่องของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปีนี้อยู่ที่ 35 ล้านคน
ขณะที่กลุ่มทุนจากจีนและฮ่องกง ที่มีการลงทุนมาก่อนหน้านี้ มองโอกาสขยายการลงทุนอสังหาฯ ในไทยมากขึ้นในปีหน้าเช่นกัน โดยเฉพาะ“จีน”