KTC - ถือ

KTC - ถือ

กำไรไตรมาส 2/60 สูงกว่าคาด

กำไรไตรมาส 2/60 สูงกว่าที่คาด 12%

KTC รายงานกำไรไตรมาส2/60 อยู่ที่ 787 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% YoY และ 7% QoQ ซึ่งสูงกว่าที่เราคาด 12% และสูงกว่าที่ตลาดคาด 20% เนื่องจากการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯที่ต่ำกว่าคาด KTC ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯสุทธิของไตรมาส2/60 อยู่ที่ 993 ล้านบาท ซึ่งเราประมาณการไว้ที่ 1.1 พันล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานที่ไม่รวมสำรองหนี้เสียอยู่ที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY และ 3% QoQ กำไรครึ่งแรกของปี 2560 อยู่ที่ 1.52 พันล้านบาท คิดเป็น61% ของประมาณการกำไรปี 2560 ที่ 2.5 พันล้านบาท

ประเด็นหลักผลประกอบการ

สินเชื่อรวมสุทธิอยู่ที่ 6.35 หมื่นล้านบาทในปลายเดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.97% QoQ (แต่ลดลง 2% YTD เนื่องจากยอดการชำระเงินด้วยบัตรเครดิตที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพ.ค. หลังจากผู้ใช้บัตรสามารถได้รับภาษีเงินคืนจากการซื้อกองทุน LTFs และ RMFs ในเดือนธ.ค.) ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยไตรมาส2/60 อยู่ที่ 23.16% เพิ่มขึ้น 1bps YoY และ 73 bps
QoQ ซึ่งได้แรงหนุนจากต้นทุนเงินทุนที่ลดลง ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอยุ่ที่ 1.75 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% YoY และ 4% QoQ KTC ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สูญฯสุทธิที่ 993 ล้านบาทสำหรับไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 10% YoY แต่ลดลง 1% QoQ (และต่ำกว่าที่เราประมาณการที่ 1.1 พันล้านบาทอย่างมีนัยสำคัญ) สัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมในปลายเดือน มิย อยู่ที่ 1.57% ลดลงจาก 1.65% ในสามเดือนก่อนหน้านี้ อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในปลายเดือนมิ.ย.อยู่ที่ 529% ของหนี้เสีย เพิ่มขึ้นจาก 501% ในสามเดือนก่อนหน้านี้ บัญชีบัตรเครดิตรวมของ KTC อยู่ที่ 2.18 ล้านบัญชี เพิ่มขึ้น 9.7% YoY ในขณะที่บัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลรวมอยู่ที่ 8.5 แสนบัญชี เพิ่มขึ้น 8.4% YoY

แนวโน้ม

         เราจะรอให้ทางธปท.ประกาศกฎระเบียบใหม่เกี่ยวกับบัตรเครดิตและ บัญชีสินเชื่อส่วนบุคคลก่อนจะปรับประมาณการของเรา

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

         เรายังคงประมาณการกำไรปี 2560 ที่ 2.5 พันล้านบาทในขณะนี้

คำแนะนำ

          KTC ยังคงอยู่ในฐานะที่สามารถรับมือกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และกฎระเบียบจากทางการที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ การตั้งสำรองค่าเผื่อฯ ที่เพิ่มมากขึ้นกอปรกับสัดส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อสินเชื่อรวมที่ต่ำ อยู่ที่ 1.57% น่าจะหนุนให้บริษัทสามารถรับมือกับปัญหาด้านกฎระเบียบได้ดีกว่าบริษัทอื่น เรายังคงคำแนะนำ ถือ สำหรับตอนนี้