ยื่นหนังสือค้านนำเข้าเนื้อหมู-ไก่จากสหรัฐ

ยื่นหนังสือค้านนำเข้าเนื้อหมู-ไก่จากสหรัฐ

"กลุ่มผู้เลี้ยงสุกร-ไก่" ยื่นหนังสือคัดค้านการนำเข้าเนื้อหมูและไก่จากสหรัฐฯ หวั่นกระทบความปลอดภัยในอาหาร-ทำลายเกษตรกรไทย

นายสุรชัย สุทธิธรรม นายกสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ นายประเสริฐ อนุชิราชีวะ เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออกไทย และ น.สพ.ปราโมทย์ ตาฬวัฒน์ นายกสมาคมสัตว์แพทย์ควบคุมฟาร์มสุกรไทย เข้ายื่นหนังสือต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผ่านนายณรงค์ พูลพิพัฒน์ รองอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อคัดค้านการนำเข้าเนื้อสุกรและเนื้อไก่ของสหรัฐอเมริกา จากความกังวลด้านความปลอดภัยในอาหารของผู้บริโภค เนื่องจากสหรัฐใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงหมู ขณะเดียวกันยังพบการระบาดของไข้หวัดนก

นายสุรชัย เปิดเผยว่าจากประเด็นการเร่งรัดแก้ปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐอเมริกาโดยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สร้างแรงกดดันทางการค้า ต่อสำนักผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ที่พยายามให้ไทยรับสินค้าเนื้อสุกรจากสหรัฐ ซึ่งมีการใช้สารเร่งเนื้อแดง (แร็คโตปามีน) อย่างกว้างขวาง ทั้งนี้ สารดังกล่าวเป็นสารต้องห้ามตามบัญญัติและกำหนดบทลงโทษในกฎหมายไทย ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงสาธารณสุข

"ประเทศไทยไม่ใช่เป้าหมายตลาดเนื้อสุกรของสหรัฐอเมริกา การใช้สารเร่งเนื้อแดงในการเลี้ยงสุกรในสหรัฐยังขัดกับกฎหมายไทย ซึ่งกรมปศุสัตว์มีมาตรการเข้มงวดในการตรวจจับผู้ลักลอบใช้ และลงโทษตามกฎหมายอย่างจริงจัง และยังมีอีกหลายประเทศห้ามการใช้สารเร่งเนื้อแดงในปศุสัตว์เช่นกัน อาทิ สหภาพยุโรป รัสเซีย และจีน ดังนั้น สมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติ จึงขอให้รัฐบาลไทยยืนยันการห้ามนำเข้าเนื้อสุกรที่มีสารเร่งเนื้อแดงอย่างเด็ดขาด และปกป้องรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจทางการเกษตรที่เป็นรากฐานและเสาหลักของประเทศ"

ด้านนายประเสริฐ กล่าวว่า อุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยมีการพัฒนาการและเติบโตอย่างต่อเนื่อง กระทั่งสามารถผลิตเนื้อไก่ที่มีคุณภาพสูง กลายเป็นผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์อันดับ 4 ของโลก นำเงินตราเข้ามาพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง แต่ละปีสามารถส่งออกเนื้อไก่ได้มากกว่า 30% ของปริมาณที่ผลิตได้ โดยมีตลาดที่สำคัญคือ สหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่น ที่สำคัญประเทศไทย ยังสามารถป้องกันการระบาดของโรคไข้หวัดนกได้อย่างเป็นรูปธรรม ตั้งแต่ปี 2549 และยังคงสถานะประเทศปลอดโรคไข้หวัดนกตามรายงานขององค์การโรคระบาดสัตว์ระหว่างประเทศ (OIE) จนถึงปัจจุบัน ขณะที่หลายประเทศ รวมทั้ง สหรัฐยังคงตรวจพบการแพร่ระบาดของเชื้ออยู่

"การที่สหรัฐกดดันให้ไทยนำเข้าเนื้อไก่นั้น เป็นความเสี่ยงอย่างยิ่งต่อการปนเปื้อนเชื้อไข้หวัดนกมายังไทย เท่ากับเป็นการนำเชื้อโรคเข้ามาทำลายอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยที่ยังคงสถานะปลอดไข้หวัดนกมากว่า 10 ปี ดังนั้น จึงขอวิงวอนให้รัฐบาลพิจารณาเรื่องนี้เป็นวาระเร่งด่วน อย่าปล่อยให้สหรัฐมีอิทธิพลเหนือความปลอดภัยทางอาหารของคนไทย และอย่าปล่อยให้ไก่อเมริกาเข้ามาทำร้ายเกษตรกรไทย"

ทั้งนี้ หากมีการเปิดตลาดนำเข้าไก่สหรัฐ จะเป็นการทำลายเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ของไทย เนื่องจากสหรัฐเป็นผู้ผลิตเนื้อไก่อันดับ 1 ของโลก และมีความได้เปรียบด้านวัตถุดิบอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด กากถั่วเหลืองที่ซื้อหาในประเทศได้ในราคาถูก ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงไก่ของสหรัฐต่ำมากสามารถเข้ามาดัมพ์ตลาดในประเทศไทย ส่งผลให้เกษตรกรเดือดร้อนจากราคาขายเนื้อไก่ที่จะตกต่ำลง ประสบปัญหาขาดทุน ล้มละลายและเลิกอาชีพเลี้ยงไก่ในที่สุด ซึ่งจะต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปถึงเกษตรกรผู้ปลูกข้าวโพดและพืชวัตถุดิบอาหารสัตว์ต่างๆ จากความต้องการใช้ที่ลดลง ตลอดจนกระทบถึงการจ้างแรงงานในโรงงานชำแหละไก่