ลุยเดี่ยวปั้นแบรนด์ “วาชิค” รองเท้าเจาะสาวเท้าแบน
ระหว่างหาคำตอบให้ชีวิต จะทำงานประจำ หรือเป็นเถ้าแก่ หน่ำซ้ำยังอยู่ระหว่างพักฟื้นจากการผ่าเข่า ทำให้ “วชิรานันท์ ศรีนาทนันท์” ดับความสับสนด้วยการเสริชข้อมูลจนพบว่า สาวเอเชียมักเท้าแบน หารองเท้ายาก กลายเป็นการตกผลึกคิดธุรกิจรองเท้าแบรนด์ "วาชิค"
เติบโตมากับครอบครัวข้าราชการ แต่อยากเอาดีในการเป็นแม่ค้า สำหรับ “วชิรานันท์ ศรีนาทนันท์” หรือ แนน เจ้าของแบรนด์รองเท้า “วาชิค” ที่เพิ่งปลุกปั้นแบรนด์มาได้ปีกว่า
เจ้าตัวเล่าว่า รักการขายตั้งแต่ยังเป็นเด็กประถมที่สวมวิญญาณแม่ค้ามักหารายได้พิเศษระหว่างเรียน ขายยางลบ งานพับกระดาษไปเรื่อย แล้วแต่ความสนใจในแต่ละช่วงชีวิต
โดยประเมินตัวเองว่า ที่คิดอยากเอาดีด้านการค้าขาย คงเพราะ “ชอบความท้าทาย” และเป็นคน “คิดนอกกรอบ” เมื่อที่บ้านมีฐานะค่อนข้างมั่นคง เธอจึงยิ่งสนุกที่ได้ลองสิ่งแปลกใหม่ จากความเป็นตัวตนของเธอ
ทว่า แรกๆจังหวะชีวิตยังไม่เป็นใจให้เดินในถนนสายผู้ประกอบการ (Entrepreneur)
เพราะตลอดเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย เรียนในสายวิชาการ ถนัดภาษารัสเซีย หลังจบจึงไปทำงานด้านล่ามภาษารัสเซียประมาณ 2 ปีแปลภาษาให้นักท่องเที่ยว นักธุรกิจ ตามงานแสดงสินค้า สถานที่ท่องเที่ยว และยังเคยไปสมัครงานเป็นแอร์โฮสเตสมาแล้ว
จนสุดท้ายมาเรียนปริญญาโท ด้านการวางกลยุทธ์การสื่อสาร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ที่ห้อมล้อมด้วยเพื่อนในห้องที่ต่างเป็นเจ้าของกิจการ กลายเป็นการ “จุดไฟฝัน” ในวัยเยาว์กับการเป็นเจ้าของกิจการอีกครั้ง
“เรียนภาษารัสเซียเพราะที่บ้านอยากให้เรียน พอได้ลองทำงานเป็นล่าม ก็ยังไม่ใช่สิ่งที่ตามหา พอมาสมัครเรียนนิเทศศาสตร์ มีการวางกลยุทธ์ การวางแผนสื่อสาร และการตลาดยุคดิจิทัล รวมถึงแบรนด์ดิ้ง มันคนละเรื่องกับที่เคยเรียน ขณะที่บรรยากาศห้องเรียนก็มีแต่คนทำธุรกิจเลยมีแรงบันดาลใจอยากทำธุรกิจบ้าง”
ทว่า ตอนนั้นไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน?
จนเข้าช่วงโค้งสุดท้ายของการเรียนปริญญาโท ถือเป็นช่วงสับสนในชีวิต กำลังหาคำตอบให้คำตัวเองว่าจะทำงานประจำ เป็นฟรีแลนซ์ หรือลุยเป็นเจ้าของกิจการ หน่ำซ้ำยังต้องมาเจ็บป่วยสะบ้าเข่าหลุดถึงขั้นต้องเข้าผ่าตัดด่วนที่โรงพยาบาล พักรักษาตัวอยู่หลายเดือน
จังหวะพักเบรครักษาตัว ทำให้ทิ้งชีวิตนักล่าฝัน กลับมาเจอจุดตัดเส้นทางฝันจนได้ !
“เป็นช่วงที่ชีวิตเวิ่นเว้อ และว่าง เพราะไม่ได้ทำงาน ต้องไปพักรักษาตัวผ่าตัดสะบ้าเข่าในโรงพยาบาล จึงมีเวลาศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับข้อเข่า และรองเท้าเพื่อดับความฟุ้งซ่านของอาการบาดเจ็บ จนมาพบว่าสาวเอเชียมักเท้าแบน หารองเท้าที่มาซัพพอร์ต อุ้งเท้ายากมาก”
ตั้งแต่นั้น ก็มาก็เริ่มค้นหาข้อมูลการผลิต รูปแบบดีไซน์ โดยเข้าไปคุยกับผู้ผลิตกว่า 10-20 รายใช้เวลาอยู่หลายเดือน กว่าจะได้แบบการผลิตล็อตแรก ภายในแบรนด์ “วาชิค" ในรูปแบบรองเท้าแตะ มีดีไซน์แฟชั่น ใส่แล้วไม่แก่ และไม่เชย
กลายเป็น “ช่องว่าง” ของรองเท้าเพื่อสุขภาพทั่วไปใส่สบาย แต่ไม่ทันสมัย ส่วนรองเท้าแฟชั่นล้ำๆ ทั่วไปใส่สวย แต่เดินไม่สบาย
"เราคิดจากปัญหาของเราเอง เราก็เป็นคนหนึ่งที่อยากใส่รองเท้าที่มีแฟชั่นดูดีน่าสนใจ และรองรับสุขภาพเท้า ให้เราเดินสบายไร้อาการบาดเจ็บ ตอบโจทย์สาวเอเชียทั่วไปมักมีคนเท้าแบน หากวิ่งใส่รองเท้าแบนๆ ไม่รับเท้าความแบนของสรีระเท้าจะกว้างขึ้น”
จากจุดเล็กๆที่เป็นปัญหาของเรา กลับนำไปสู่การค้นพบ“ปัญหาใหญ่”ของสาวเอเชีย ทำให้ได้ไอเดียออกแบบ "รองเท้ามีอุ้ง" จุดขายที่แบรนด์วาชิค มีซิกเนเจอร์พิเศษ แตกต่าง ในราคาคู่ละ 990-1,190 บาท
วาชิคเปิดตัวผ่านสื่อโซเชียลมิเดีย หน้าร้านฟรีที่ตัวเองมี บนเฟซบุ๊ค และอินตราแกรม ประเดิมแนะนำสินค้า จนเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น โดยเน้นไปที่บริการส่งของ และเปลี่ยนฟรี หากสวมใส่ไม่ได้
ทว่า ความฝันของสาวที่อยากมีแบรนด์เป็นของตัวเอง ไม่ได้สำเร็จสวยหรู เพราะช่วง 1-2 เดือนแรกของการเปิดตลาด ขายได้เพียงเดือนละ 10 คู่ แน่นอนต้องไม่สนุกแน่กับเงินที่จมลงไปเทียบกับยอดขายที่กลับเข้าบัญชีรายรับ
แต่สาวนักสู้ก็ไม่ได้ถอดใจ เพราะรู้ดีว่าการตลาดออนไลน์ และการสร้างแบรนด์ เหมือน "น้ำซึมบ่อทราย" ต้องทำข้ามวันข้ามปีจึงจะเห็นผล จึงค่อยๆ สะสมฐานลูกค้าไปเรื่อยๆ
“เปิดตัวเดือนแรกพอเห็นยอดขายแล้ว รู้สึกท้อมากถามตัวเองว่าจะอยู่หรือไปต่อ แต่ก็ต้องอดทน ไม่ท้อ เพราะคิดว่าทำไปต่อเนื่องพิสูจน์สิ่งที่เราอดทนคิดมา การสร้างแบรนด์ต้องใช้เวลา”
พอเข้าเดือนที่ 3 วาชิค เริ่มขยายเข้าไปแนะนำตัวในอีเวนท์ตามห้างสรรพสินค้า หรืองานค้าขายทั่วไป เธอจำได้ว่า งานแรกก็ปราบเซียน ขายในมหาวิทยาลัยเอแบค ขายไม่ได้เลยสักคู่ แม้กกลุ่มเป้าหมาย
จะตรงแต่ช่วงจังหวะที่ไปเปิดตลาดเป็นช่วงปิดเทอม บทเรียนบอกให้รู้ว่า ต้องศึกษาสภาพแวดล้อม จังหวะเวลาการขายให้เหมาะสม พอมาขายที่ที่ 2 เดอะสตรีทก็ขายได้ไม่กีก่คู่ พอมาขายที่ที่ 3 ยอดขายเพิ่มขึ้น ขายได้ถึง 20 คู่ ในงาน แซ่บออนเซลล์ ของห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน
เมื่อผลตอบรับมากขึ้น ทำให้เพิ่มกำลังใจในการทำตลาด เข้าสู่เดือนที่ 3-4 ยอดเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวจากที่เคยขายได้เฉลี่ย 10 คู่ต่องาน ก็เพิ่มเป็น 20 คู่ในเดือนที่ 4 และ 5
นั่นจึงทำให้ใจชื้น มีพลังเตรียมออกรองเท้าคอลเล็คชั่นที่ 2 โดยเพิ่มแบบรองเท้าแตะ และทำรองเท้าหุ้มส้น พร้อมกับเพิ่มนวัตกรรม “ไมโครไฟเบอร์” รองเท้าหนังเทียมที่นิ่มเทียบเท่าหนังแท้
“ต้องอดทน ขยัน การสร้างแบรนด์ต้องทำต่อเนื่อง สร้างสรรค์คอนเทนท์ในหน้าเพจ และรูปภาพที่ดึงดูดสายตา ทำให้คนอยากทดลอง เริ่มขายเข้าเดือนที่ 4-5 ลูกค้าที่ซื้อไปแล้วกลับมาซื้อซ้ำถึง 30% ขณะที่การผลิตคอลเล็คชั่นที่ 2 ทำให้เราค้นพบอัตลักษณ์ของแบรนด์(Brand Identity)ที่ได้ข้อมูลจากผู้บริโภค”
ช่วงนี้จึงเป็นช่วงสำคัญในการบริหารจัดการเงินสดหมุนเวียนให้เพียงพอกับการผุดคอลเล็คชั่นใหม่ ซึ่งเงินที่จมไปต้องพยายามทำให้วกกลับมาเพื่อไปต่อคอลเล็คชั่นใหม่ๆ จึงต้องมีกิจกรรมส่งเสริมการขายต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง ทั้งหน้าเพจ และอีเวนท์
ระหว่างเปิดตัวรองเท้าเป็นจังหวะเดียวกับที่เธอเข้าไปทำงานประจำในตำแหน่ง ออนไลน์มาร์เก็ตติ้ง ทำให้เธอนำประสบการณ์ทำงานที่ได้รับมาปรับใช้กับการสร้างแบรนด์รองเท้า
วาชิค จึงไปโลดแล่นในการโฆษณาผ่านหน้าร้านออนไลน์ ทำให้คนรู้จักสินค้ามากขึ้น ปัจจุบันแฟนเพจมีคนเข้ามากดไลค์เป็นสมาชิกกว่า 5,000 คน ตามเป้าหมายเธอต้องการให้เพิ่มขึ้นประมาณ 2-3 หมื่นคนในไม่กี่ปีจากนี้
เป้าหมายในปีนี้ เธอยังตั้งใจจะเปิดตัวโปรดักท์ใหม่ต่อเนื่องไม่ต่ำกว่า 5 คอลเล็คชั่น เพื่อให้คนเห็นความสดใส แปลกใหม่ของแบรนด์ ที่มีสีสันตลอดเวลา
ส่วนเป้าหมายในระยะยาว แบรนด์วาชิคต้องเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ในฐานะ “รองเท้าใส่สบาย และเป็นแฟชั่นมีสไตล์” ขณะเดียวกันก็ต้องมีหน้าร้านเป็นของตัวเอง เพื่อเป็นพื้นที่บอกเล่าเรื่องความเป็นแบรนด์ได้ชัดเจนมากขึ้น
จุดขายอีกด้านคือ “การพัฒนาสินค้าให้สอดคล้องกันกับเทรนด์รักษ์โลก” ด้วยการออกแบบกล่อง และใส่ถุงผ้าเพื่อนำไปใช้ต่อได้
เจ้าของแบรนด์ในวัยเพียง 28 ปี ที่ปั้นแบรนด์โดยทำทุกอย่างเอง ตั้งแต่ ประธานกรรมการบริหารยันเด็กยกของ แพ็คของ
“ทำเองทุกอย่างทุกกระบวนการ ตั้งแต่ ออกแบบ เดินเลือกซัพพลายเออร์ และออกแบบสินค้า วิจัย หาข้อมูล จนถึงการทำการตลาด แล้วยังออกร้านเป็นนักขาย
เธอยังบอกว่า เมื่อวันหนึ่งหากธุรกิจเติบใหญ่ เริ่มมีลูกน้องมากขึ้น จะทำให้ส่งมอบงานได้อย่างราบรื่น
เพราะตัวเธอเองได้ลองทำมาหมดแล้วทุกตำแหน่ง
--------------------
Key to Success
แบรนด์รองเท้าของสาวชิค
-หาข้อมูลและทำเองทุกกระบวนการ
-เกิดไอเดียธุรกิจจากปัญหาใกล้ตัว
-ขยัน อดทน ทุ่มเท ไม่ท้อ เชื่อมั่นในแบรนด์
-เริ่มขายจากเพื่อนสนิทก่อนไปสู่ช่องทางอื่น
-บริหารเงินสดหมุนเวียนให้คุ้มค่า
-หาช่องทางการขายที่เหมาะสม