'ทริส' ห่วง 'เบี้ยวหนี้' ฉุดเชื่อมั่น

'ทริส' ห่วง 'เบี้ยวหนี้' ฉุดเชื่อมั่น

ทริสห่วง "เบี้ยวหนี้" ฉุดเชื่อมั่น เกาะติดเรทติ้งBBB- ลุ้นดบ.หุ้นกู้เอิรธ์ครบดีล17 มิ.ย. ผู้บริหารแจงเร่งเจรจาเจ้าหนี้ขอขยายเวลาชำระ

ทริสหวั่น“เอิร์ธ”ผิดนัดชำระหนี้กระทบลงทุนหุ้นกู้ เกาะติดใกล้ชิดลูกค้ากลุ่มเรทติ้งBBB ลงมา ยันไม่ถึงขนาดโดมิโน ด้านวงการกองทุนจับตา17 มิ.ย.นี้ หุ้นกู้“เอิร์ธ”1.5พันล้านครบกำหนดชำระดอกเบี้ย หาก“ดีฟอลท์”ส่อลามหนี้เสียแบงก์ ผู้บริหารบริษัทเร่งเจรจาเจ้าหนี้ขอขยายเวลา หวังสรุปก่อนครบกำหนด

นางสาววัฒนา ถิรานุชิต กรรมการผู้จัดการ บริษัททริส เรทติ้งกล่าวว่า ปัจจุบันเรทติ้งของบริษัทเอิร์ธ อยู่ที่ระดับ D จากเดิมอยู่ที่ BBB- เนื่องจากผิดนัดชำระหนี้บีอี ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ของการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ หากบริษัทใดผิดนัดชำระหนี้ก็จะถูกลดเรทติ้งมาอยู่ในระดับดังกล่าวทันทีไม่มีการลดเป็นขั้นบันได

กรณีของเอิร์ธ เป็นการให้เรทติ้งที่องค์กร แต่บริษัทไม่ได้จัดเรทติ้งหุ้นกู้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของทริสจะเข้าไปดูใกล้ชิด เรื่องสภาพคล่องโดยเฉพาะกลุ่มบริษัทที่มีเรทติ้งระดับ BBB ลงมา เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง แต่หากบริษัทสามารถชำระคืนหนี้ได้ก็จะกลับมาพิจารณาเรทติ้งอีกครั้ง

“ประเมินว่ากรณีเอิร์ธ อาจเกิดจากบริษัทขยายธุรกิจมากเกินกำลัง ผสมกับราคาถ่านหินในตลาดโลกปรับตัวลดลง จึงได้รับผลกระทบกับสภาพคล่องที่มีอยู่ อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเอิร์ธ อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้บ้าง แต่ไม่คิดว่าจะถึงไม่น่าจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่หรือเป็นโดมิโนทั้งระบบ”

สาเหตุที่มองว่าจะไม่กระทบเป็นโดมิโน เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ค่อยๆฟื้นตัวดีขึ้น และสภาพคล่องของประเทศก็มีมาก ส่วนกรณีที่บริษัทมีเรทติ้งต่ำBBB ลงมาหากไม่สามารถต่ออายุหุ้นกู้ได้ก็ควรให้ทยอยหมดอายุุไป ปัจจุบันทริสมีลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ถึง50% ทั้งนี้หากต้องการระดมทุนจะต้องเป็นบริษัทที่มีความสัมพันธ์ที่ดีสถาบันการเงิน เพื่อรักษาแหล่งเงินทุนไว้

แหล่งข่าวบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างติดตามความคืบหน้าการชำระหนี้ทั้งตั๋วแลกเงิน(บีอี) และหุ้นกู้ของ เอิร์ธ โดยเฉพาะในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ซึ่งเป็นวันที่ต้องจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ในล็อตวงเงิน 1,500 ล้านบาท ซึ่งออกเสนอขายเมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2558 มีอัตราดอกเบี้ยที่ 4.9% หาก เอิร์ธไม่สามารถชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ชุดนี้ได้ จะกลายเป็นหนี้เสียของสถาบันการเงิน ซึ่งจะมีกระบวนการทางกฎหมายเจรจาแนวทางต่อไป เนื่องจากยังมีทรัพย์สินอยู่จำนวนมาก เพียงแต่มีปัญหาเรื่องกระแสเงินสดระยะสั้นกับเจ้าหนี้

“ตอนนี้ขั้นตอนอยู่ระหว่างเจรจาหาแนวทางกัน ซึ่ง บลจ. ยังรอข้อมูลอยู่ แต่ก็ต้องขึ้นกับเงื่อนไขสัญญาการออกหุ้นกู้แต่ละงวดที่ทำไว้กับสถาบันการเงินด้วยการขอชำระหนี้ดอกเบี้ยสัดส่วน 10% ของดอกเบี้ยทั้งหมดก่อน และจะกำหนดระยะเวลาชำระหนี้ส่วนที่เหลือตามมา”

แหล่งข่าวผู้บริหาร บริษัท เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาแบงก์เจ้าหนี้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาดีฟอลท์กับหุ้นกู้ที่มีอยู่ โดยเฉพาะหุ้นกู้มูลค่า 1.5 พันล้านบาท ที่จะครบกำหนดชำระดอกเบี้ยคาดว่าจะใช้เวลาเจรจาให้ได้ข้อสรุปก่อนที่จะครบกำหนด

“ตอนนี้บริษัทได้คุยกับแบงก์เจ้าหนี้อยู่ ซึ่งได้เสนอแนวทางขอขยายระยะเวลาชำระออกไปแล้ว ขึ้นอยู่กับแบงก์จะตัดสินใจช่วยเหลืออย่างไร”

ที่ผ่านมา บริษัททยอยชำระคืนหนี้ทั้งเงินกู้ ดอกเบี้ยและตั๋วบีอีมาโดยตลอด แต่1-2 เดือนมีปัญหาเรื่องสภาพคล่อง เนื่องจากวงเงินสินเชื่อสะดุดทำให้ต้องนำเงินสดบริษัทมาทยอยชำระคืนหนี้ ซึ่งเริ่มผิดนัดชำระบีอีตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย.2560 ส่วนกรณีที่มีการนำหุ้นไปค้ำประกันสินเชื่อนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการทำธุรกรรมการเงิน ซึ่งไม่ได้มีปัญหาอะไร และไม่เกี่ยวโยงกับกรณีที่ผู้บริหารถูกฟอร์ซเซล เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลัง