‘ดุสิต’ผนึกเครือยักษ์จีน‘โดสเซ่น’ลุยเปิดแฟรนไชส์ปริ๊นเซส

‘ดุสิต’ผนึกเครือยักษ์จีน‘โดสเซ่น’ลุยเปิดแฟรนไชส์ปริ๊นเซส

ดุสิตผนึกกลุ่มโดสเซ่น โรงแรมใหญ่อันดับ 5 ของจีน ดันแบรนด์ "ดุสิตปริ๊นเซส" สยายปีกแฟรนไชส์ ตั้งเป้า 40 แห่ง ใน 5 ปี  สานกลยุทธ์ โดสเซ่น"  บุกลงทุนต่างประเทศ ปักธงเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เล็งบุกไทย พร้อมลุยซื้อแบรนด์เก่าแก่จากยุโรปเข้าพอร์ต

นางศุภจี สุธรรมพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มดุสิตอินเตอร์เนชั่นแนล  กล่าวว่า  วานนี้ (23พ.ค.) ได้ลงนามสัญญาเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับกลุ่มบริษัทโดสเซ่น อินเตอร์เนชั่นแนล เครือธุรกิจใหญ่อันดับ 5 ของประเทศจีน เพื่อนำแบรนด์ดุสิตปริ๊นเซสขยายเจาะเมืองหลักต่างๆ ในจีน ตั้งเป้าหมาย 5 ปี  40 แห่ง  คาดว่าจะทยอยเปิดใหม่ 27 แห่ง ภายในปี 2565  ซึ่งการขยายธุรกิจของดุสิตครั้งนี้อยู่ในรูปแบบของแฟรนไชส์ที่จะสร้างการเติบโตได้อย่างรวดเร็วมากกว่ารับบริหารเต็มรูปแบบ

ความร่วมมือกับโดสเซ่น มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ เนื่องจากเป็นกลุ่มโรงแรมที่มีการพัฒนาที่รวดเร็วและเติบโตอย่างแข็งแกร่งในจีน มีความเชี่ยวชาญในการบริหารเองภายใต้ไกด์ไลน์และการแนะนำของแบรนด์ดุสิตปริ๊นเซสได้ตามมาตรฐาน  

ปัจจุบันโดสเซ่นมีโรงแรมในเครือกว่า 1,200 แห่ง และมีการพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง 8 แบรนด์  ปีที่ผ่านมาบรรลุข้อตกลงกับแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ในการนำแบรนด์แฟร์ฟีลด์ ขยายในประเทศจีน 140 แห่ง  ซึ่งการที่เชนใหญ่ระดับโลกให้ความเชื่อถือและจับมือทำธุรกิจในรูปแบบที่คล้ายกับดุสิตจึงมั่นใจในคุณภาพของพันธมิตรรายนี้ว่าจะสามารถรักษามาตรฐานแบรนด์ดุสิตได้

“การขยายรูปแบบแฟรนไชส์จะทำให้เติบโตได้รวดเร็ว เพราะไม่ต้องจัดการเรื่องทรัพยากรบุคคลเอง มีเพียงการวางคอนเซปต์ ไกด์ไลน์ด้านบริการ  ออกแบบควบคุมตรวจสอบมาตรฐาน การช่วยอบรมบุคลากรให้"

การขยายในโมเดลนี้จะต้องคัดเลือกพันธมิตรที่มั่นใจว่าจะรักษามาตรฐานได้ซึ่งโดสเซ่นเป็นกลุ่มที่เน้นความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาโรงแรม และได้รับความไว้ใจจากเชนโรงแรมใหญ่ เช่น แมริออท จึงมีความพร้อมและเหมาะสม

นางศุภจี กล่าวด้วยว่า การเพิ่มโรงแรมอีก 40 แห่งภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ทำให้ดุสิตมีโรงแรมทั้งที่เปิดแล้วและอยู่ระหว่างการพัฒนารวมกว่า 120 แห่ง  เป็นโรงแรมที่เปิดแล้ว 29 แห่ง (เป็นเจ้าของเอง 10 แห่ง รับบริหาร 19 แห่ง) และโรงแรมที่เซ็นสัญญารับบริหารแล้ว 51 แห่ง

นายอัลลัน เชง ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทโดสเซ่น อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า ภายใต้ความร่วมมือกับดุสิตฯ ครั้งนี้ จะนำแบรนด์ดุสิตปริ๊นเซสเปิดบริการในหัวเมืองหลัก เช่นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ กวางโจว เสินเจิ้น  

“การเลือกเป็นพันธมิตรกับเชนไทยรายนี้ เพราะมีชื่อเสียงมั่นคงในตลาดประเทศไทย และมีแนวคิดในการพัฒนาธุรกิจเหมือนกัน คือ เจ้าของกิจการทุ่มเทให้กับการพัฒนาความเชี่ยวชาญในด้านโรงแรมอย่างเดียวเท่านั้น”

บริษัทใช้เวลา 10 ปี ในการขยายกิจการมุ่งประเทศจีนเป็นหลัก ปัจจุบันมีโรงแรม 1,200 แห่ง ในจำนวนดังกล่าวเป็นการบริหารภายใต้แบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเอง 800 แห่ง แต่มีโรงแรมที่เปิดบริการแล้วในต่างประเทศเพียง 3 แห่งเท่านั้น  ดังนั้นกลยุทธ์การขยายธุรกิจจากนี้จะเน้นลงทุนต่างประเทศ มุ่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตั้งเป้า 150 โรงแรม ภายใน 5 ปี  ขณะนี้มีโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างแล้ว 20 แห่ง มีจุดหมายอยู่ในมาเลเซีย เมียนมา กัมพูชา ลาว และอินโดนีเซีย

นอกจากนี้  สนใจลงทุนในไทย ซึ่งเป็นจุดหมายท่องเที่ยวยอดนิยมของจีน แต่ธุรกิจโรงแรมในไทยมีการแข่งขันสูง ต่างจากเพื่อนบ้านที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังมีความต้องการห้องพักในตลาดอีกมากดังนั้นจะขยายในกลุ่มอาเซียนอื่นๆ ก่อน มุ่ง 2 เซ๋กเมนต์หลัก คือ โรงแรมระดับมิดสเกล และตลาดลักชัวรี

นายเดวิด วู รองประธานอาวุโสและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ กลุ่มบริษัทโดสเซ่น อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า การขยายธุรกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะใช้ 3 แบรนด์หลักของตัวเองในการทำตลาด ได้แก่ ซิตี้ คอมฟอร์ท อินน์  เป็นโรงแรมอีโคโนมีระดับอัพสเกล  แบรนด์อีเชง  เป็นระดับอัพเปอร์มิดสเกล ถือเป็นแบรนด์หรูสุดขณะนี้  และแบรนด์อีชาร์ม ระดับสแตนดาร์ดมิดสเกล

กลยุทธ์ต่อไป คือ การลงทุนในยุโรปโดยใช้วิธีซื้อกิจการกลุ่มโรงแรมที่มีชื่อเสียงเก่าแก่เน้นโรงแรมขนาดเล็กระดับหรูหรา(ลักชัวรี) เพื่อจะได้นำแบรนด์เหล่านั้นรวมถึงแนวคิดการบริการและมาตรฐานต่างๆ ต่อยอดขยายธุรกิจโรงแรมจับตลาดบนในจีน  ที่ผ่านมาได้ศึกษาโครงการที่มีศักยภาพแล้วในอังกฤษและกำลังมองหาโอกาสในประเทศเกิดใหม่ที่มีศักยภาพและมีพันธมิตรที่พร้อมเช่นยุโรปตะวันออกหลังจากที่ได้ไปเปิดโรงแรมที่เบลารุสแล้ว 1 แห่ง