เกาะติดหุ้นใหญ่ เสี่ยง 'บล็อกเทรด' พ่นพิษ

เกาะติดหุ้นใหญ่ เสี่ยง “บล็อกเทรด” พ่นพิษ
ช่วงที่ตลาดผันผวนแรงและหุ้นบางหลักทรัพย์ปรับตัวลงแรง โดยไม่ได้เกิดจากปัจจัยพื้นฐานที่เปลี่ยน ส่วนหนึ่งจะได้รับผลกระทบจากสินค้าในตลาดอนุพันธ์ ประเภท Single Stock Futures(SSF) หรือ การซื้อขายสัญญา Futures ของหุ้นอ้างอิงหุ้น ในเซ็ท50 หรือเซ็ท 100 ซึ่งวิธีการซื้อขายแบบ Block Trade เป็นวิธีการซื้อขายแบบจับคู่ซื้อขาย SSF ที่ราคา และจำนวนสัญญาที่ตกลงกันไว้ เพื่อช่วยเรื่องสภาพคล่องที่ไม่เพียงพอ
เมื่อประมาณ 2 ปี บริษัทหลักทรัพย์ได้เข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นผู้เพิ่มสภาพคล่องให้กับตลาด SSF วิธีการคือบริษัทหลักทรัพย์เหล่านี้จะทำตัวเป็นคู่สัญญาให้กับผู้ซื้อทุกคน โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ซื้อจะต้องซื้อจำนวนสัญญา SSF เป็นจำนวนขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่มีกำหนดขึ้นมาจากตลาดหลักทรัพย์ และการจับคู่สัญญาของผู้ซื้อ และบริษัทหลักทรัพย์นี้เองที่เรียกว่า “BLOCK TRADE”
ล่าสุด บล.ทรีนีตี้ ระบุว่าจากกระแสความกังวล Block trade ในตราสาร Single Stock Futures (SSF) ที่เมื่อเกิดปรากฏการณ์ Unwind position หรือ Force sell นั้น ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นในกระดานหลักอย่างรวดเร็ว ฝ่ายวิจัยได้เข้าตรวจสอบปริมาณสัญญาคงค้าง (Open interest) ของ SSF ของหุ้นทุกตัวในตลาด TFEX พบว่า 5 อันดับแรกที่มีสถานะคงค้างสูงที่สุด ได้แก่หุ้นทีพีไอโพลีน (TPIPL) หุ้นบางกอกแลนด์ (BLAND) หุ้นทรูคอร์ปอเรชั่น (TRUE) หุ้นเอ็นเนอยี เอิร์ธ (EARTH) หุ้นบ้านปู (BANPU)
จึงแนะนำนักลงทุนหลีกเลี่ยงหุ้นกลุ่มดังกล่าว เพื่อป้องกันความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงถัดไป มองหุ้นTPIPL มีความเสี่ยงสูงสุด เนื่องจากปริมาณสัญญาคงค้างกว่า 428 พันสัญญา เทียบเคียงเท่ากับจำนวน 428 ล้านหุ้น ซึ่งสูงกว่าปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยรายวันที่อยู่ราว 60 ล้านหุ้นอย่างมาก
การเคลื่อนไหวราคาหุ้นในเดือนพ.ค.หุ้นTPIPL อยู่ที่ 2.34 ราคาไม่เปลี่ยนแปลง หุ้นBLAND อยู่ที่ 1.84 บาทลดลง 1.60%หุ้นTRUEอยู่ที่ราคา 6.30 บาทลดลง 3.82%,หุ้น EARTHอยู่ที่ 1.98 บาท ลดลง 54.38%หุ้น BANPU ปิดตลาดที่ 17.90 บาท ลดลง 6.77%
บล.โนมูระพัฒนสิน ประเมินกำไร TPIPL ปีนี้จะTurnaround แรง จากธุรกิจโรงปูนมีแนวโน้มดีขึ้นตามการลงทุนภาครัฐ รวมทั้งรับรู้กำไรเต็มปีจากโรงไฟฟ้าขยะอีกราว 55เมกะวัตต์ ระยะยาว COD เพิ่มขึ้นอีก 290 เมกะวัตต์ ราคาหุ้นหลังปรับฐานช่วงที่ผ่านมา ถือเป็นจุดน่าเข้าซื้อ มองฐานรายได้ กระแสเงินสดมั่นคง
บล.ทิสโก้ ระบุว่า หลังการประกาศปรับนโยบายบัญชี ด้วยการตัดส่วนเกินการตีมูลค่าสินทรัพย์ขึ้น ส่งผลให้ไม่มีภาระค่าเสื่อมราคาราว 1.3 พันล้านบาทต่อปี หนุนกำไรดีขึ้นทันที นอกจากนี้ ยังมีมูลค่าแฝงจากการถือหุ้น TPIPP เสนอขายหุ้น IPO อีกด้วย
บล.เอเซียพลัส คาดการณ์ว่า ปีนี้ TPIPL จะมีกำไรสุทธิ 2,650 ล้านบาท จากธุรกิจโรงไฟฟ้า TPIPP ที่จะเข้าตลาด และได้ค่าเสื่อมที่ลดลงไป ส่วนกำไรปี2561 อยู่ที่ 3,616 ล้านบาท
นอกจากนี้ ประเสริฐ อิทธิเมฆินทร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายบัญชีและการเงิน บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด(มหาชน) เคยให้สัมภาษณ์ว่าปี2560 คาดรายได้รวมจะเติบโต 15% จากปี2559 ที่มีรายได้ 3.15 หมื่นล้านบาท เนื่องจากความต้องการใช้ปูนซีเมนต์เพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำให้จะมีการก่อสร้างมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งปกติความต้องการใช้ปูนซีเมนต์จะอยู่ที่ 1.5-2 เท่าของ GDP ในส่วนของหมวดก่อสร้าง โดยบริษัทมีส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์ )ที่ 23-24% และบริษัทรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ในช่วงไตรมาส 4/2560 อีก 290 เมกะวัตต์ รวมทั้งบริษัทได้ตั้งงบลงทุนปีนี้อยู่ที่ 500-1,000 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพกำลังการผลิต โดยมีแหล่งเงินมาจากกระแสเงินสด




