หุ้น 'ส่งออกอาหาร' อืด

หุ้น 'ส่งออกอาหาร' อืด

หุ้นส่งออกอาหารอืด หวั่นผลกระทบ "นโยบายสหรัฐ"

นับตั้งแต่ต้นปี2560 จะเห็นว่า ราคาหุ้นกลุ่มส่งออกอาหารไก่และกุ้ง ปรับตัวลง เนื่องจากความไม่ชัดเจนของการดำเนินนโยบายของสหรัฐ ล่าสุดมีประเด็นเรื่องการกีดกันทางการค้า ซึ่งมีการประเมินกันว่า อาจจะมีการเรียกเก็บเงินประกันจากผู้นำเข้ากุ้งรายใหม่ ดังนั้นอาจมีผลกระทบต่อผู้ส่งออกไทย

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ พบว่า หุ้นส่งออกกุ้งและไก่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยคือ บริษัทไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TU, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) CPF,บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) CFRESH ส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับลดลง โดยหุ้นซีเฟรชลดลง 8.81% หุ้นซีพีเอฟ ลดลง 5.08% และหุ้นไทยยูเนี่ยนลดลง 0.48%

บล.เอเซียพลัส ประเมินว่า ประเด็นสหรัฐกีดกันกุ้งแช่แข็งไทย เชื่อผลกระทบยังจำกัด การที่สหรัฐมีแนวโน้มจะเรียกเก็บเงินประกันจากผู้นำเข้ากุ้งรายใหม่ ภายหลังจากการประเมินผลกระทบต่อผู้ส่งออกของไทย โดยเฉพาะบริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) TU, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) CPF,บริษัท ซีเฟรชอินดัสตรี จำกัด (มหาชน) CFRESH ในหลายๆ มิติแล้ว เชื่อว่าผลกระทบยังเป็นไปในทิศทางจำกัด เป็นแค่กระแสความกังวลเท่านั้น

ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ไทยเปิดเผยว่าสินค้าหลายกลุ่ม รวมถึงกุ้งแช่แข็ง มีความเสี่ยงที่จะโดนสหรัฐเรียกเก็บเงินประกันจากผู้นำเข้าสินค้าโดยสหรัฐจะเก็บจากผู้นำเข้าสินค้ารายใหม่และผู้นำเข้าที่เลี่ยงจ่ายภาษี AD/CVD ประกอบด้วย Anti-Dumping (ภาษีเพื่อชดเชยการทุ่มตลาด) และ Countervailing duties (ภาษีเก็บจากการที่ประเทศคู่ค้ามีการอุดหนุนสินค้านั้นๆ) โดยผู้นำเข้าสินค้าสหรัฐอาจเรียกร้องให้ผู้ส่งออกไทยร่วมรับภาระวางเงินประกันด้วย ซึ่งเป็นการเพิ่มต้นทุนส่งออกไทย ปัจจุบันยังไม่ได้กำหนด แต่จะประกาศใน 90 วันหรือราววันที่ 8 ก.ค.2560

ฝ่ายวิจัยประเมินผู้ส่งออกกุ้งแช่แข็งไทยจะได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากปกติสหรัฐมีความจำเป็นต้องนำเข้ากุ้งจากต่างประเทศอยู่แล้ว โดยคาดปริมาณส่งออกกุ้งแช่แข็งไทยไปยังสหรัฐปี2560 เท่ากับ 1 แสนตัน คิดเป็นเพียง 15% ของปริมาณนำเข้ากุ้งของสหรัฐ(อิงข้อมูลปี 2559) สัดส่วนรายได้จากส่งออกกุ้งไปสหรัฐปี 2559 ของ TU และ CPF ค่อนข้างจำกัด โดยTU มีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐ 4% ของรายได้รวม CPF ต่ำเพียง 0.2% ของรายได้รวม หรือราว 800 ล้านบาท มีเพียง CFRESH ที่สัดส่วนรายได้จากส่งออกกุ้งไปยังสหรัฐสูงสุดถึง15% ของรายได้รวม

กรณีที่เป็นลูกค้ารายใหม่อาจสร้างความกังวลกับการเปิดตลาดใหม่ๆ เพิ่มขึ้นในสหรัฐ ซึ่งสถานการณ์ที่ผลผลิตกุ้งไทยยังไม่ฟื้นตัวเต็ม จึงยังไม่น่ากังวล ส่วนแนวโน้มการผลักภาระการวางเงินประกันมาให้กับผู้ส่งออกกุ้งไทย เชื่อว่าผลกระทบจำกัดเช่นกัน เมื่อเทียบกับฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

บล.ทรีนีตี้ ระบุว่า ฝ่ายวิจัยคาดกำไรไตรมาสแรกบริษัทซีพีเอฟ ชะลอตามธุรกิจหมูและกุ้ง โดยคาดกำไรปกติที่ 2,109 ล้านบาท อ่อนตัวลง 20%จากไตรมาส4/2559และทรงตัวงวดเดียวกันปีก่อนโดยมีประเด็นสำคัญคือคาดธุรกิจฟาร์มสัตว์บกในประเทศจะเห็นรายได้ลดลง ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นอาจดีขึ้นจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย โดยเป็นผลจากราคาหมูหน้าฟาร์มเฉลี่ยไตรมาสนี้อยู่ที่ 58.67 บาทต่อกก. ลดลง 8%จากไตรมาสก่อนและ 12%จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่ราคาไก่หน้าฟาร์มเฉลี่ยอยู่ที่ 38 บาทต่อกก. เพิ่มขึ้น 12%ไตรมาสก่อน

แนวโน้มผลประกอบการที่ชะลอตัวลง มองว่าเป็นเพียงชั่วคราว เนื่องจากคาดว่าธุรกิจกุ้งจะเริ่มเห็นผลผลิตเพิ่มขึ้นหลังผ่าน Low Season ไปแล้ว ขณะที่ธุรกิจไก่จะเห็นราคาในไทยที่ปรับตัวสูงขึ้นจากความต้องการนำเข้าของหลายประเทศเพื่อทดแทนบราซิลที่ถูกระงับการนำเข้าจากปัญหาการปนเปื้อน