'เบนซ์ลีสซิ่ง' มั่นใจตลาดรถหรูฟื้น

“เบนซ์ลีสซิ่ง” มั่นใจตลาดรถหรูฟื้น ระบุเอ็นพีแอลทรงตัวระดับต่ำ 0.4% ขณะคนรวยกำลังซื้อยังแกร่งแม้ภาพรวมจีดีพีดูชะลอลง
“เบนซ์ ลีสซิ่ง” มั่นใจปีนี้ตลาดรถหรูฟื้นกลับมาโต วางเป้ายอดสินเชื่อใหม่ 13,000-14,000 ล้าน หนุนยอดสินเชื่อคงค้างโต 13% แตะ 35,000 ล้าน รักษาอันดับ 1 ในตลาดที่ 50% หวังแข่งขันลุยขยายฐานเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่
นายศุภวุฒิ จิรมนัสนาคร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ ลีสซิ่ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ในปี 2560 บริษัทตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อใหม่ 13,000-14,000 ล้านบาท และมียอดสินเชื่อคงค้าง 35,000-36,000 ล้านบาท เติบโต13% โดยมีสัดส่วนสินเชื่อ (เวลา 4-5 ปี) ที่ครบกำหนดปีนี้ 20-25% เชื่อมั่นแนวโน้มการเติบโตของสินเชื่อจะกลับมา เพราะคนเริ่มทยอยซื้อรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ จากไตรมาสสุดท้ายปีก่อน ที่ยอดสินเชื่อชะลอตัวลงจากสถานการณ์ในประเทศ ทำให้ลูกค้าเลื่อนการซื้อออกไป 2 เดือน แต่เดือนธ.ค. พบความต้องการซื้อยังมีอยู่ จากยอดจองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในงานมอเตอร์โชว์ช่วงปลายปียอดจองสูง
“ผลกระทบดังกล่าว ทำให้สิ้นปี 2559 ยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ 12,000 คัน บริษัทมียอดสินเชื่อใหม่เพียง 10,000ล้านบาท และยอดสินเชื่อรวมคงค้างที่ 31,000 ล้านบาท เติบโตเพียง 5% โดยได้ปรับลดเป้าเติบโตจากช่วงต้นปีที่คาดจะเติบโต 10-15% หรืออยู่ที่ 35,000 ล้านบาท”
ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดปี 2559 เพิ่มขึ้นจาก 45% เป็น 50% ซึ่งเป็นอันดับ 1 ในตลาดรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ และปีนี้ยังคงรักษาส่วนแบ่งระดับนี้ แม้ 4 แบงก์ใหญ่เข้ามาในตลาดนี้ด้วย สำหรับกลยุทธ์แข่งขันด้านราคารุนแรง แต่บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เพราะความต้องการซื้อรถยังมีทุกเดือน และบริษัทมีแบรนด์แข็งแกร่ง มีเครือข่ายดีลเลอร์ที่เข้มแข็ง พร้อมโปรแกรมสินเชื่อและบริการสนับสนุนการขาย ซึ่งลูกค้ารายได้สูงให้ความสำคัญการบริหารด้านการเงินและประสบการณ์ที่ดีมากกว่าราคา
ปัจจุบันยอดขายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ในตลาดเป็นลูกค้าซื้อเงิน 30-35% และสินเชื่อไฟแนนซ์ 65-70% ซึ่งมียอดจัดไฟแนนซ์ต่อคันเฉลี่ย 2 ล้านต้นๆ ยอดผ่อนรายเดือน 20,000 บาท ในโปรแกรมสินเชื่อ mySTAR มีสัดส่วน 10%
สำหรับจุดแข็งผลิตภัณฑ์ mySTAR โปรแกรมทางการเงิน ทำให้ลูกค้าเป็นเจ้าของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้ง่ายขึ้น เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดสินเชื่อรถยนต์ส่วนบุคคล และบริษัทให้ความสำคัญแก่ลูกค้าเลือกข้อเสนอการคืนรถ (Return) เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์มือสอง กระตุ้นตลาดสินเชื่อรถยนต์ผ่านการที่ลูกค้าเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่อีกด้วย
“ในอนาคต mySTAR เป็นโปรแกรมสินเชื่อหลัก เพื่อใช้ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ รายได้ 80,000-100,000 บาทต่อเดือน หันมาใช้รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้มาก ขยายเครือข่ายและเพิ่มศักยภาพผู้จัดจำหน่าย รวมถึงลูกค้า ด้วยบริการเสริมดิจิทัล ทัชพ้อยท์ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ที่ดีที่สุดแก่กลุ่มเป้าหมาย ปัจจุบันลูกค้ามากกว่า 25% ลงทะเบียนใช้งานระบบบริการข้อมูลลูกค้าออนไลน์”
อีกทั้งยังสนับสนุนสินเชื่อให้ดีลเลอร์ เพื่อสร้างและขยายโชว์รูมต่อเนื่องปีนี้ จากปีก่อนมีการขอสินเชื่อดังกล่าวแล้ว 4 แห่ง และได้ให้สินเชื่อเพื่อสร้างโชว์รูมใหม่ 2 แห่ง วงเงิน 200 ล้านบาทต่อแห่ง เป็นวงเงินจัดไฟแนนซ์ 80% จากปัจจุบันโชว์รูมรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์มีทั้งสิ้น 31 แห่ง
นอกจากนี้แนวโน้มหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของบริษัทปีนี้คาดยังทรงตัวในระดับต่ำเท่าปัจจุบันเอ็นพีแอลอยู่ที่ 0.4% ระยะเวลา 60 วันนับป็นเอ็นพีแอลเมื่อเทียบกับเอ็นพีแอลตลาดเฉลี่ยที่ 2% ระยะเวลา 90 วันนับเป็นเอ็นพีแอล แม้ปีนี้จีดีพีเติบโตเฉลี่ย 3-3.5% ในภาพรวมอาจดูชะลอ แต่พบลูกค้ากำลังซื้อสูงไม่มีผลกระทบ โดยยังมีกำลังผ่อนชำระค่างวดเฉลี่ย 40,000-50,000 บาทต่อเดือนปกติ







