เซ็นทรัล ปั้น‘เพชรบูรณ์โมเดล’ เชื่อมธุรกิจ-ต่อยอดชุมชน

เซ็นทรัล ปั้น‘เพชรบูรณ์โมเดล’  เชื่อมธุรกิจ-ต่อยอดชุมชน

ความได้เปรียบของเครือข่ายร้านค้าปลีกทั่วประเทศ การรู้จักและเข้าถึงลูกค้าของกลุ่มเซ็นทรัลกำลังถูกนำมาเชื่อมโยงภารกิจประชารัฐ

ภายใต้ 2 หมวกของผู้กุมบังเหียนใหญ่ ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด ในฐานะหัวหน้าทีมภาคเอกชนคณะทำงานด้านการสร้างรายได้และการกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ (ประชารัฐ กลุ่มD7) นำทัพทีมผู้บริหารระดับสูงเครือเซ็นทรัลกว่า 30 คนลงพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ร่วมโครงการส่งเสริมสินค้าชุมชนตามแนวคิดประชารัฐ พร้อมส่งมอบอาคารบรรจุผักสหกรณ์ผู้ผลิตผักบ้านน้ำดุกใต้ จำกัด พร้อมสานต่อโครงการ “พัฒนาชุมชนเข้มแข็ง”

เป็นหนึ่งนโยบายของทุกธุรกินในเครือต้องให้ความสำคัญมากขึ้นนับจากนี้

“เซ็นทรัลมีเครือข่ายครบเกือบทุกจังหวัดทั่วประเทศ สิ่งที่ต้องทำต่อไป คือ การสร้างสินค้าชุมชนเข้าระบบเซ็นทรัลขายทั่วประเทศและบริษัทอื่นๆ ได้ ประสบการณ์ 70 ปีในธุรกิจค้าปลีกจะถูกถ่ายทอดองค์ความรู้ให้ชุมชนพัฒนาสู่เอสเอ็มอีก่อนจะขยายสู่ภูมิภาค ทั่วประเทศ ต่อยอดขยายตลาดต่างประเทศได้”

ตามโครงการสินค้าชุมชนของเรา ภายใต้โครงการเซ็นทรัลอาสาพัฒนาชุมชน “เพชรบูรณ์” ถูกวางเป็นโรลโมเดลของกลุ่มเซ็นทรัลในการพัฒนาผลิตผลการเกษตรทุกมิติสอดคล้องกับแนวคิดของประชารัฐ ที่มุ่งเน้นการสร้างรายได้และกระตุ้นการใช้จ่ายของประเทศ

เซ็นทรัลเริ่มโครงการนี้ตั้งแต่ปี 2555 โดยเข้าร่วมวางแผนพัฒนาผลิตผลทางการเกษตรในทุกกระบวนการผลิตให้กับสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร เข้าไปให้ความรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ ความรู้ด้านการบริหารจัดการ และชนิดพืชผลที่เหมาะสมกับสภาพดินในบริเวณนั้นๆ เช่น จากเดิมที่ในพื้นที่ปลูกข้าวและกะหล่ำปลี ปัจจุบันเริ่มปลูกพืชผักชนิดอื่นๆ สลับหมุนเวียนตลอดปี ได้แก่ กะหล่ำดอก บรอกโคลี ผักกาดขาวปลี แขนงกะหล่ำ คะน้าฮ่องกง มะเขือเปราะ กวางตุ้ง ถั่วหวาน ถั่วแขก ซาโยเต้ ซูกินี ลูกฟัก เบบี้แครอท เผือก และดอกหอม ซึ่งเป็นผักที่เพิ่มมูลค่าการขายได้มากขึ้น

เกษตรกรยังได้เรียนรู้ที่จะวางแผนการเพาะปลูกพืชผักให้สอดคล้องกับ “ดีมานด์” หรือความต้องการของตลาด เพื่อลดปัญหาสินค้าล้นตลาดและการเพิ่มมูลค่ามากขึ้นให้กับผลผลิตทางการเกษตร

เซ็นทรัลช่วยสร้างอาคารคัดบรรจุผัก ออกแบบบรรจุภัณฑ์ และสร้างยี่ห้อผัก “บ้านน้ำดุกใต้” รวมถึงสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายในเซ็นทรัล ฟู้ด ฮอลล์ และท็อปส์

ทั้งนี้ผักทุกชนิดที่ถูกนำมาบรรจุจะเป็นผักปลอดภัยจากโครงการกรีนมาร์เก็ตเพชรบูรณ์ ซึ่งจะถูกส่งมาจาก 4 อำเภอในเพชรบูรณ์ ได้แก่ หล่มสัก เขาค้อ น้ำหนาว และภูทับเบิก ในอนาคตกลุ่มเซ็นทรัลร่วมกับจังหวัดเพชรบูรณ์มีแผนส่งเสริมให้ผักทุกชนิดเป็นผักออร์แกนิก 100% เพื่อผลักดันให้เพชรบูรณ์ก้าวสู่ศูนย์กลางผักออร์แกนิกของไทยภายใน 4 ปีข้างหน้า

หากพิจารณาความสำเร็จที่สะท้อนจากยอดการจำหน่ายของผลผลิตแบรนด์บ้านน้ำดุกใต้ ของสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้ ตั้งแต่ปี 2558 พบว่ายอดขายจากผักของชุมชนเพิ่มขึ้นจากก่อนเข้าร่วมโครงการกับกลุ่มเซ็นทรัล135%ปี 2557 ยอดขายจากผักของชุมชนอยู่ที่ 6.8 ล้านบาทปี2559 เพิ่มเป็น16ล้านบาทตั้งเป้ายอดขายรวมจากผักของชุมชนในปี2560พุ่งขึ้นถึง25ล้านบาทและแตะ46ล้านบาทภายในปี2563

ขณะที่รายได้ต่อหัวของสมาชิกในสหกรณ์เพิ่มสูงขึ้นจากปี 2557 มีสมาชิกที่ส่งผักขาย 29 ราย รายได้ต่อหัวต่อเดือนอยู่ที่ 19,540 บาทปี2559สมาชิกส่งผักขายเพิ่มเป็น43รายสร้างรายได้ต่อหัวต่อเดือนเพิ่มขึ้นเป็น31,000บาทแสดงให้เห็นว่ามีการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชนอย่างทั่วถึงมากขึ้น

นอกจากนี้ชุมชนยังมีรายได้เพิ่มจากการจ้างแรงงานมาร่วมในกระบวนการผลิตและแปรรูปผักกว่า5 แสนบาทต่อปีส่งผลให้มีผู้สนใจเข้าร่วมกลุ่มสหกรณ์ผลิตผักน้ำดุกใต้เพิ่มขึ้นในทุกปี จากปี 2557 มีสมาชิก 29 คนปี2558มี60คนปี2559สมาชิก156คน

กลุ่มเซ็นทรัลวางแผนสนับสนุนช่องทางการจัดจำหน่ายอื่นๆ เพิ่ม โดยการนำผักบ้านน้ำดุกใต้มาเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุงอาหารของโรงแรมเครือเซนทารา และร้านอาหารในเครือเซ็นทรัล เรสเตอรองท์ กรุ๊ป จัดโรดโชว์อีเวนท์สินค้าชุมชนไปยังภูมิภาคต่างๆ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศได้รู้จักกับผลิตผลบ้านน้ำดุกใต้

เพชรบูรณ์โมเดลนับเป็นการต้นแบบในการขยายขีดความสามารถของเกษตรกรในการทำการเกษตร สร้างรายได้เพิ่ม ยกระดับคุณภาพชีวิตของชุมชน และมาตรฐานผลผลิตทางการเกษตร ให้แข่งขันในตลาดท้องถิ่น และขยายสู่ตลาดสากล ซึ่งในอนาคตอันใกล้จังหวัดเพชรบูรณ์มีแผนที่จะส่งผักไปจำหน่ายยังเชียงใหม่ ลาว และคุนหมิง

ที่ผ่านมากลุ่มเซ็นทรัลดำเนินโครงการสินค้าชุมชนใน123ชุมชน49จังหวัดมีผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการกว่า1,508รายการสร้างรายได้คืนกลับสู่ชุมชนไปแล้วกว่า637ล้านบาท

สินค้าชุมชนยังเพิ่มความแข็งแกร่งในการทำตลาดให้กับกลุ่มเซ็นทรัล ความร่วมมือกับแหล่งผลิตโดยตรงยังทำให้มีสินค้าป้อนเครือข่ายธุรกิจ การบริหารจัดการ “ซัพพลาย” อย่างมีประสิทธิภาพยังสามารถทดแทนสินค้าขาดแคลนที่เคยนำเข้าจากจีนได้ หากมองในเชิงการแข่งขันโปรดักส์เหล่านี้เป็นอีกหนึ่งสีสันที่สร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้เป็นอย่างดี

เดินหน้าประชารัฐดัน‘เทรดดิ้งฮับ-แม่สอด’

 3โครงการหลักภายใต้ภารกิจประชารัฐ ประกอบด้วย โครงการเนรมิตอยุธยา, พัฒนาผลิตภัณฑ์ภูมิภาค และส่งเสริมศูนย์กลางการค้าปลีกและส่ง (เทรดดิ้งฮับ) ใน 6 จังหวัดชายแดนไทย ได้แก่ แม่สอด, แม่สาย, หนองคาย, อุดรธานี, มุกดาหาร, สระแก้ว และหาดใหญ่

“เนรมิตอยุธยาให้เป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลกคืบหน้าไปมาก ปีนี้จะมีการพัฒนาวัดตัวอย่างและร่วมกับเทศบาลและภาคเอกชนระดมทุนขับเคลื่อนโปรเจคต่อไป”

ขณะเดียวกันจะเร่งโปรโมท“เทรดดิ้งฮับ”โดยเฉพาะชายแดนไทย-เมียนมา“แม่สอด”ซึ่งต่างเห็นตรงกันในการผลักดันให้เกิดการค้าขายระหว่างไทย-เมียนมา อย่างไรก็ดียังมีอุปสรรคสำคัญที่ต้องเร่งดำเนินการในเรื่องของกฎหมายเข้าออก กฎหมายด้านศุลกากร และการขนส่ง ที่เอื้ออำนวยการต่อผ่านแดนเข้าออก ยกตัวอย่าง หากรถบรรทุกไม่สามารถเข้าออกได้จะทำการค้าที่มีประสิทธิภาพได้อย่างไร

ขณะนี้เป็นสัญญาณที่ดีของการโอกาสการค้าการลงทุนระหว่างไทยและเมียนมาหลังรัฐบาลไทยนำทัพเอกชนเยือนเมียนมาอย่างเป็นทางการซึ่งได้มีการหารือแนวทางส่งเสริมและลดอุปสรรคการค้าการลงทุนระหว่างกัน