สศค.เตรียมออกใบอนุญาต‘พิโก’5ราย

สศค.เตรียมออกใบอนุญาต‘พิโก’5ราย

“สศค.” เผยมีผู้สนใจยื่นขอทำธุรกิจพิโกไฟแนนซ์แล้ว 9 ราย เตรียมออกใบอนุญาต 5 ราย ส่วนอีก 4 รายอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสาร ชี้มีผู้สนใจจำนวนมาก

แต่ยื่นน้อย เพราะต้องจดตั้งนิติบุคคลก่อน ระบุปัจจุบันมีลูกหนี้นอกระบบ 1.3 ล้านราย มูลหนี้รวม 9 หมื่นล้าน

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า จากการเดินสายประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อซักซ้อมแนวทางแก้ปัญหาหนี้นอกระบบอย่างบูรณาการในต่างหวัด เช่นขอนก่อน และพิษณุโลก เป็นต้น พบว่ามีผู้สนใจประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์จำนวนมาก ล่าสุดมีผู้ยื่นคำขออนุญาตแล้ว 9 ราย กระจายอยู่หลายจังหวัด ทั้งขอนแก่น ร้อยเอ็ด สุโขทัย กำแพงเพชร พิจิตร อุดรธานี รวมถึงกรุงเทพฯ

โดย 9 รายนั้น อยู่ระหว่างเตรียมออกใบอนุญาต 5 ราย และอีก 4 รายอยู่ระหว่างตรวจสอบเอกสาร โดยสศค.จะพิจารณาตรวจสอบความครบถ้วนถูกต้องของเอกสาร ก่อนนำเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้การพิจารณาอนุญาตต่อไป

“แม้จำนวนผู้ยื่นขอใบอนุญาตพิโกไฟแนนซ์ยังมีไม่มาก เพราะการดำเนินงานต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไป เพราะผู้ที่สนใจต้องไปจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลก่อน ถึงมายื่นขอใบอนุญาตได้ โดยการแก้หนี้นอกระบบครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่มีการแก้ไขแบบครบวงจร โดยความร่วมมือของทุกฝ่าย และบังคับใช้กฎหมายจริงจัง คาดจะทำให้หนี้นอกระบบที่ปัจจุบันมีอยู่ 1.3 ล้านราย วงเงิน 9 หมื่นล้านบาทหมดไป หรือเหลือน้อยที่สุด”

สำหรับกระบวนการแก้ไขหนี้นอกระบบนั้น มี 4 ประเด็นหลักคือ 1. กระบวนการไกล่เกลี่ยประนอมหนี้นอกระบบ ซึ่งมีอัยการจังหวัดคุ้มครองสิทธิ และช่วยเหลือทางกฎหมาย เพื่อเจรจาประนอมหนี้กับเจ้าหนี้นอกระบบเพื่อลดมูลหนี้ที่เกิดจากดอกเบี้ย หรือเงื่อนไขที่เอารัดเอาเปรียบ

2.กระบวนการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบ ซึ่งมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดที่ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นประธานอนุกรรมการฟื้นฟูและพัฒนาศักยภาพการหารายได้ของลูกหนี้นอกระบบประจำจังหวัด มีหน้าที่ช่วยเหลือลูกหนี้ด้านการเพิ่มรายได้ของตัวเองให้มากขึ้น

3.การพัฒนาแหล่งเงินทุนสำหรับประชาชน ที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนปกติ ซึ่งกระทรวงการคลังได้ออกประกาศกำหนดธุรกิจสินเชื่อประเภทใหม่ คือ สินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัดภายใต้การกำกับ สินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ หรือ สยจ. โดยให้นิติบุคคลที่สนใจยื่นคำขออนุญาตประกอบธุรกิจกับกระทรวงการคลัง ซึ่งจะให้สินเชื่อกับประชาชนในจังหวัดในวงเงินไม่เกินรายละ 50,000 บาท คิดดอกเบี้ย ไม่เกิน 36% ต่อปี ซึ่งจะเป็นช่องทางให้เจ้าหนี้นอกระบบปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเข้ามาเป็นผู้ให้สินเชื่อในระบบอย่างถูกกฎหมาย และช่วยให้ประชาชนเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้มากขึ้นด้วยดอกเบี้ยที่เป็นธรรม

4. การดำเนินการกับเจ้าหนี้นอกระบบที่กระทำความผิดตามกฎหมาย ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ร่วมกับกระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นผู้รับผิดชอบในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดตามกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเข้มงวดและจริงจัง รวมทั้งผลักดันให้เจ้าหนี้นอกระบบเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการปรับพฤติกรรม ให้เป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์