‘อนิศ โอสถานุเคราะห์’ ‘พลังงานทางเลือก’เพิ่งเริ่มต้น

‘อนิศ โอสถานุเคราะห์’  ‘พลังงานทางเลือก’เพิ่งเริ่มต้น

"ธุรกกิจพลังงานทดแทน" ยังไม่ถึงทางตันในมุมมองของ "อนิศ​ โอสถานุเคราะห์" ซีอีโอใหม่ของ "DCORP" ซึ่งกำลังมองหานวัตกรรมใหม่มาขับเคลื่อนธุรกิจ

ปี 2559 ที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าบจ.หลายแห่งที่เคยริเริ่มเข้าสู่ธุรกิจพลังงานเลือก มีการพับแผนหรือล้มการลงทุนด้านนี้ไปบ้าง เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก แต่ขนาดของชิ้นเค้กไม่ค่อยเติบโต หรือเติบโตเพียงบางกลุ่มเท่านั้น อย่างไรก็ตาม กลิ่นอันหอมหวนของโอกาสในธุรกิจนี้ก็ไม่ได้จางลง ล่าสุด ‘ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น’ หรือ DCORP เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ยืนยันว่า ธุรกิจพลังงานทางเลือกนี้อยู่ในระยะทดลอง หรือไพลอทโปรเจคเท่านั้น 

ดีคอร์ป หรือเดิมคือหุ้น AJP ซึ่งทำธุรกิจสื่อ ได้ผันตัวมาสู่ธุรกิจพลังงานทางเลือก หลังจากที่ทำการศึกษาธุรกิจที่น่าจะ ‘ดาวรุ่ง’ เพื่อเป็นแกนรายได้หลักให้กับบริษัทในอนาคต โดยได้ทำการศึกษาธุรกิจไอที พลังงานทางเลือก และการเงิน และคำตอบที่ได้ ก็คือพลังงานทางเลือก

อนิศ  โอสถานุเคราะห์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) DCORP กล่าวว่า หลังจากที่ได้ศึกษาธุรกิจที่มองว่าน่าสนใจทั้ง 3 ธุรกิจแล้ว เราได้คำตอบว่า พลังงานทางเลือกคือธุรกิจที่น่าสนใจ โดยเฉพาะในประเทศไทย ธุรกิจนี้เรียกได้ว่าเพิ่งเริ่มต้น หรือ Pilot Project เท่านั้น 

“หลายคนชอบบอกว่า ธุรกิจพลังงานทางเลือกในประเทศไทยอิ่มตัวแล้ว ถึงทางตันแล้ว แต่ผมเถียง และธุรกิจนี้ไม่ใช่ไพลอทโปรเจคสำหรับประเทศไทยเท่านั้น เรียกว่าเพิ่งเริ่มต้นทั่วโลกเลยก็ได้ เพราะทั้งโลกนี้ มีเพียงประเทศเนเธอร์แลนด์ประเทศเดียวเท่านั้นที่ใช้พลังงานทางเลือกเกือบเต็ม 100% ขณะที่อีก 200 กว่าประเทศทั่วโลก ยังตามพัฒนาการของเนเธอร์แลนด์แบบไม่เห็นฝุ่น” 

อนิศ กล่าวเพิ่มว่า สถานการณ์ในประเทศไทย ประเมินว่าทุกธุรกิจจะเอนมาหาพลังงานทางเลือกมากขึ้น ในบทบาทผู้ใช้ และบทบาทของผู้ประกอบธุรกิจ เนื่องจากพลังงานทางเลือก ช่วยให้ต้นทุนในการดำเนินกิจการถูกลง สามารถใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการต้นทุนภายใน และสามารถแสวงหารายได้และผลตอบแทนเพิ่มเติมได้ (หากนโยบายรัฐเปิดทาง) 

โดยเขายอมรับว่า ข้อจำกัดที่ทำให้ตลาดพลังงานทางเลือกของไทยไม่เติบโต ก็คือนโยบายภาครัฐ ที่ปัจจุบันกำหนดให้ผู้ขายไฟได้มีเพียง 3 รายในประเทศเท่านั้น และขีดข้อจำกัดของการผลิตและจำหน่ายพลังงานทางเลือกได้เฉพาะนิติบุคคลเดียวกัน (Identity) เดียวกันเท่านั้น ทำให้ประโยชน์ของพลังงานทางเลือก จำกัดอยู่เพียงการผลิตเองใช้เอง ช่วยลดต้นทุนภายในองค์กรเท่านั้น แต่ไม่สามารถเป็นสินค้าและบริการที่ซื้อขายกันได้แบบต่างนิติบุคคล

ทั้งนี้ เชื่อว่า หากนโยบายนี้ได้รับการผ่อนคลาย หรือแก้ไขให้ตรงตามบริบทแวดล้อมที่ปรับเปลี่ยนไปแล้วทั่วโลก ตลาดความต้องการพลังงานทางเลือกในประเทศไทยก็จะขยายตัวขึ้นหลายเท่าตัว และรูปแบบธุรกิจพลังงานทางเลือกก็จะได้รับการพัฒนา ซึ่ง อนิศเชื่อว่า เราน่าจะได้เห็นพัฒนาการเชิงบวกในธุรกิจพลังงานทางเลือกภายใน 3 ปีจากนี้ 

สำหรับจุดยืนของดีคอร์ป ในอุตสาหกรรมที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและรอเติบโต อนิศ วางให้ดีคอรป์ เป็นธุรกิจพลังงานทางเลือกขนาดเล็กที่เติบโตด้วยนวัตกรรม เนื่องจากบริษัทมีขนาดเล็ก จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ , กระแสเงินสดในมือประมาณ 800 ล้านบาท การจะเติบโตในธุรกิจพลังงานทางเลือกด้วยการลงทุนขนาดใหญ่และรอเก็บเกี่ยวผลตอบแทน จึงไม่ใช่โมเดลการเติบโตที่เหมาะสมนัก  

จุดยืนของบริษัท คือเป็นผู้เล่นหน้าใหม่ ที่พร้อมจับนวัตกรรมที่น่าสนใจได้เร็วกว่าคนอื่น แต่ก็มีความพร้อมที่จะร่วมมือกับรายอื่น หรือเป็นฟันเฟืองตัวเล็กที่มีบทบาทต่อการพัฒนาตลาดทั้งประเทศ ยกตัวอย่างเช่น การศึกษาโปรดักส์หนึ่งว่าเหมาะกับการนำมาพัฒนาต่อในประเทศไทย ก็สามารถนำมาต่อยอดร่วมกับพันธมิตรที่สนใจ หรืออาจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้านี้ให้กับผู้ประกอบการรายอื่นๆ ที่มีไลน์ธุรกิจด้านพลังงานที่ครบวงจรกว่า 

อย่างไรก็ตาม อนิศ ยอมรับว่า เมื่ออุตสาหกรรมยังอยู่ในช่วงไพลอทโปรเจค นวัตกรรมที่ในต่างประเทศมีอย่างแพร่หลายจึงไม่ใช่คำตอบที่ดีของประเทศไทยไปเสียหมด ฉะนั้น ดีคอร์ป จะโฟกัสอยู่เพียงการหานวัตกรรมใหม่ๆ ไม่ได้ ระหว่างที่มองหานวัตกรรมที่จะเป็นดาวรุ่งให้บริษัท  ก็ต้องมีธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นประจำหล่อเลี้ยงองค์กรด้วย

โดยในปี 2559 แกนหลักของรายได้คือธุรกิจบริหารจัดการเพื่อการประหยัดพลังงาน ซึ่งได้เริ่มดำเนินธุรกิจนี้ตั้งแต่ไตรมาส 2 และมีลูกค้าต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน บริษัทได้ศึกษาโครงการโซลาร์ฟาร์มที่ต่างประเทศ เพื่อเป็นรายได้ระยะยาว ล่าสุดได้เจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศฟิลิปปินส์  คาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้และเริ่มดำเนินการจำหน่ายไฟเชิงพาณิชย์ได้ในปี 2560 เป็นต้นไป นอกจากนี้ยังมีการศึกษาโครงการโซลาร์ฟาร์มในประเทศเพื่อนบ้านอีกมาก เพื่อเพิ่มโอกาสการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิ 

ผลประกอบการงวด 9 เดือนปี 2559 บริษัทมีรายได้รวม 188.89 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน ที่มีรายได้รวม 307.84 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือนปี 2559 อยู่ที่ 0.13 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 317.37 ล้านบาท 

อนิศ กล่าวเพิ่มว่า ได้เข้ารับตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของดีคอร์ป ประมาณ 2 เดือน และได้รับโจทย์หลักคือ หาธุรกิจดาวรุ่งที่จะสร้างการเติบโตให้กับดีคอร์ปอย่างยั่งยืน ซึ่งจากการทำการบ้านมาตั้งแต่ยังนั่งเป็นกรรมการ จนกระทั่งขึ้นเป็นซีอีโอ คำตอบที่ได้ก็คือธุรกิจพลังงานทางเลือก  ซึ่งค่อนข้างห่างไกลจากความถนัดของเขาพอสมควร

“ก็ได้รับคำถามมาเหมือนกัน ว่าไม่เคยอยู่ในธุรกิจนี้แล้วจะบริหารธุรกิจได้หรือ ซึ่งผมมองว่า การบริหารคือการใช้ความสามารถของคนอื่นทำงานให้สำเร็จ ถ้าหากลงมือทำเอง นั่นคือผู้เชี่ยวชาญ เพราะฉะนั้น แม้ไม่ได้เชี่ยวชาญในพลังงานทางเลือก ก็เชื่อว่าสามารถบริหารธุรกิจนี้ได้ ส่วนตัวแล้วเชื่อว่า ผู้บริหารที่ดีของทุกองค์กรต้องเป็นครีเอทีฟในตัว ก็เหมือนกับธุรกิจการบิน ถ้าซีอีโอครีเอทเป็น แม้ขับเครื่องบินไม่เป็นก็บริหารสายการบินได้”

สำหรับอนาคตระยะใกล้ของดีคอร์ป ในปี 2560 อนิศ เชื่อว่าผลประกอบการโดยรวมจะดีขึ้นตามลำดับ หลังจากที่ปี 2559 เริ่มพลิกกลับมามีกำไรตั้งแต่งวด 9 เดือน และไตรมาส 3 โดยรายได้หลักในปี 2560 จะมาจากธุรกิจบริหารจัดการเพื่อการประหยัดพลังงานซึ่งมีลูกค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง, ธุรกิจพลังงานทางเลือกจากการขายไฟฟ้าในโครงการโซลาร์ฟาร์มในต่างประเทศ และน่าจะได้เห็นรายได้จากการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ในพลังงานทางเลือก