Daily Market Outlook (1 ธ.ค.59)

Daily Market Outlook (1 ธ.ค.59)

มุมมองบวกต่อเศรษฐกิจโลกมากขึ้น

คาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวขึ้นต่อหลังจาก OPEC และรัสเซีย บรรลุข้อตกลงแบ่งโควต้าลดการผลิตน้ำมัน เพื่อจัดการกับอุปทานส่วนเกินที่คอยกดดัน ราคาน้ำมัน และก่อให้เกิดปัญหาราคาสินค้าถดถอยของโลกมาโดยตลอด ราคาน้ำมันที่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นจะส่งผลให้การคาดการเงินเฟ้อปรับตัวดีขึ้นนอกเหนือไปจากนโยบายของ Trump อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่กลับมาเดินหน้าต่อก็ก่อให้เกิดความกังวลว่าเงินทุนจะไหลออกจากภูมิภาค ปัจจัยภายในประเทศวันนี้ ล้วนเป็นบวก การส่งออกข้าวเป็นไปตามเป้าการคาดการณ์ที่ดีขึ้นสำหรับภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนความพยายามของกระทรวงการคลังที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างไม่หยุดยั้ง


หุ้นเด่นวันนี้: HMPRO (ราคาปิด 10.30 บาท;NR; ราคาเป้าหมายเฉลี่ย Bloomberg 11.19 บาท)

บมจ. โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ เป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกสินค้าตกแต่งและปรับปรุงบ้านและที่อยู่อาศัยในประเทศไทย บริษัทน่าจะได้ประโยชน์จากการบริโภคในประเทศที่ดีขึ้นนับแต่ไตรมาส 2/59 รวมถึงมาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับการจับจ่ายในช่วง ธ.ค. ซึ่งรอเพียง ครม.เห็นชอบเท่านั้น หลังจากมีน้ำท่วมในหลายภูมิภาคของไทย ก็น่าจะมีความต้องการในการซ่อมและเปลี่ยนอุปกรณ์วัสดุในบ้าน ณ สิ้นไตรมาส 3/59 มีสาขาทั้งสิ้น 88 สาขาทั่วประเทศ เปิดดำเนินการภายใต้แบรนด์โฮมโปร 78 สาขา ภายใต้แบรนด์เมกาโฮม 9 สาขาและหนึ่งสาขาในประเทศมาเลเซีย HMPRO จะเปิดธุรกิจใหม่ Homepro Living ซึ่งเน้นวัยเริ่มทำงานและผู้ที่อยู่ในคอนโดหรือบ้านขนาดเล็ก ได้เปิด Homepro Living ไปแล้ว 1 สาขาและจะเปิดอีก 2 สาขาใน ธ.ค. ปีหน้าปัจจัยขับเคลื่อนน่าจะเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งน่าจะช่วยอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจจริงและเพิ่มกำลังซื้อของผู้บริโภครวมถึงการจับจ่ายใช้สอยด้วย กลยุทธ์ของ HMPRO ที่จะผลักดันสินค้าแบรนด์ตัวเอง (house brand) ก็น่าจะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นด้วยเช่นกัน จากค่าเฉลี่ยของ Bloomberg กำไรน่าจะเติบโตได้ 15% ปีนี้และปี 60 Price Pattern ของ HMPRO ยังคงมีแนวโน้มหลักอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น จากการเกิดทั้ง Daily & Monthly Buy Signal รอเพียงการกลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่เท่านั้น ก็จะทำให้ Price Pattern ของ HMPRO กลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นอย่างเต็มรูปแบบ โดยหาก Price Pattern ของ HMPRO สามารถปิดตลาดรายสัปดาห์ได้เหนือ 10.10 บาท ก็จะทำให้กลับมาเกิด Weekly Buy Signal ครั้งใหม่ มีเป้าหมายแรกเพื่อทดสอบ High เดิมที่ 11.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 13 บาท โดย HMPRO มีจุด Stop Loss ระยะสั้นอยู่ที่ 9.85 บาท (แนวต้าน: 10.40, 10.50, 10.70; แนวรับ: 10.20, 10.00, 9.85)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• พันธบัตรรัฐบาลเพื่อจัดให้จังหวัดนำไปพัฒนา รองนายกฯ สมคิดระบุว่ารัฐบาลเตรียมออกพันธบัตรแสนล้านภายใน ม.ค. เพื่อระดมเงินให้แก่การพัฒนาท้องถิ่นและกระตุ้นเศรษฐกิจใน 18 จังหวัดสำคัญ พันธบัตรใหม่นี้ไม่น่ากระทบระดับหนี้เท่าใดเพราะระดับหนี้สาธารณะปัจจุบันอยู่ที่เพียง 42% รมว.คลังยังกล่าวว่ารัฐยังกู้เงินได้อีกราว 2.2 แสน ลบ. และคงระดับหนี้สาธารณะไว้ไม่เกิน 45.5% ของ GDP สำหรับปีงบประมาณ 2560 (Bangkok Post)

• ดัน GDP โต 4% ปีหน้ารมว.คลังสั่งให้เจ้าหน้าที่ระดมความคิดสำหรับมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมเพื่อผลักดัน GDP ประเทศไทยปีหน้าให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 4% จากที่ปีนึคาดว่าจะเติบโตต่ำกว่าที่ควร เท่ากับ 3.2-3.3% โดยโครงการภาครัฐจะเป็นตัวกระตุ้นบรรยากาศการลงทุนในประเทศ โดยเฉพาะภาคเอกชน (Bangkok Post)

• ส่งออกข้าวยังอยู่ในเป้า กรมการค้าต่างประเทศยังเชื่อว่าจะถึงเป้าส่งออกข้าว 9.5 ล้านตันในปีนี้ โดยระบุว่าไทยได้ส่งออกไปแล้ว 9.18 ล้านตัน (+8.7% เทียบปีก่อน) มูลค่า 4.15 พัน ลบ. (+3.6% เทียบปีก่อน) ณ 28 พ.ย. โดยความต้องการจากประเทศคู่ค้าสำคัญเช่นแอฟริกาและเอเชียยังเพิ่มอยู่ (Bangkok Post)

• ดัชนีการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทย (MPI) ในเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 0.1% จากปีก่อนหน้า ขณะที่โพลล์รอยเตอร์คาดการณ์เพิ่มขึ้น 0.75% และในเดือนกันยายนมีการปรับปรุงตัวเลขเป็นเพิ่มขึ้น 1.13%YoYซึ่งมากกว่าตามรายงานก่อนหน้านี้ที่แจ้งว่าเพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่เพิ่มขึ้น3.18% ในเดือนสิงหาคม สินค้าอุตสาหกรรมคิดเป็น 80% ของการส่งออกทั้งหมดในเดือนตุลาคมซึ่งลดลง 4.2% จากปีก่อนการใช้กำลังการผลิตในเดือนตุลาคม 65.40% หลังจาก 65.46% ในเดือนกันยายน (Bangkok Post)

• ดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรม (MPI) คาดว่าจะขยายตัว 1.0%-1.5% ในปีหน้าเนื่องจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์และการค้าโลก ตามรายงานของสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แสดงให้เห็นว่าจะลดคาดการณ์การเจริญเติบโตของดัชนีผลผลิตในปีนี้ลง0.5%แต่ยังคาดการณ์การเติบโตของ GDP ภาคอุตสาหกรรมในปี 2560 ไว้ที่1.5%-2.0% เพิ่มขึ้นจากประมาณ 0.9%-1.0% ในปีนี้ การคาดการณ์ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่าราคาน้ำมันในตลาดโลกอยู่ในช่วง 45-55ดอลลาร์ฯ ต่อบาร์เรลและอัตราแลกเปลี่ยน 35.50-36.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ(Bangkok Post)

• PSH: หุ้นสามัญของ PSH เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนวันที่ 1 ธันวาคม 2559 และเพิกถอน PS จากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนโดยใน 5 ปี ข้างหน้า PSH จะมุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ 1) คงความเป็นผู้นําในตลาดที่อยู่อาศัยสําหรับผู้มีรายได้ระดับต่ำถึงปานกลาง (ValueSegment) 2)เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดของ PSH ในตลาดที่อยู่อาศัยระดับบน (PremiumSegment) และ 3) หาโอกาสในการดําเนินธุรกิจใหม่โดยมุ่งเน้นธุรกิจที่มีความสามารถในการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง(Recurring Income) (SET)

ต่างประเทศ:

• โอเปกบรรลุข้อตกลงปรับลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2008 เมื่อวันพุธโดยซาอุดิอาระเบียยินยอมปรับลดกำลังการผลิตครั้งใหญ่ รัสเซียซึ่งอยู่นอกกลุ่มโอเปกจะรวมปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเป็นครั้งแรกในรอบ 15 ปี เพื่อช่วยหนุนราคาน้ำมัน โอเปกจะปรับลดกำลังการผลิตโดยรวมสู่ระดับ 32.5 ล้านบาร์เรล/วันตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ปีหน้าเป็นเวลา 6 เดือน จากปัจจุบันที่ระดับ 33.6 ล้านบาร์เรล/วัน การปรับลดกำลังการผลิตดังกล่าวเป็นการปรับกำลังการผลิตมากที่สุดตามข้อตกลงเบื้องต้น ณ กรุงอัลเจียร์ส ประเทศแอลจีเรียในเดือนก.ย. ที่ผ่านมา (Reuters)

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้นเมื่อวันพุธ เนื่องจากโอเปกตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันเป็นครั้งแรกนับแต่ปี 2008 ส่งผลให้ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 10% และกระตุ้นให้เกิดการคาดการณ์ว่าเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้น ราคาพันธบัตรอายุ 10 ปี ปรับตัวลง 17/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.36% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 2.30% เมื่อวันอังคาร ราคาพันธบัตรอายุ 30 ปีร่วงลง 1-1/12 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 3.02% เพิ่มขึ้นจากที่ระดับ 2.95% เมื่อวันอังคาร (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับสูงสุดเทียบกับเงินเยนในรอบ 9 เดือนเมื่อวันพุธและแข็งค่าเทียบกับเงินยูโรหลังจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับตัวขึ้น ส่วนข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่แข็งแกร่งหนุนให้ตลาดคาดการณ์ว่าเฟดจะดำเนินนโยบายแบบ hawkish ในปีหน้า ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น 1.9% เทียบกับเงินเยนที่ระดับ 114.53 เยน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มี.ค. ในขณะที่เงินยูโรอ่อนค่าเกือบ 0.9% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐสู่ระดับต่ำสุดของวันที่ 1.0554 ดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

สหรัฐ:

• หุ้นในตลาดวอลล์สตรีทปิดลบเป็นส่วนใหญ่เมื่อวันพุธ จากหุ้นในกลุ่มสาธารณูปโภคและกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลงสวนกับหุ้นกลุ่มพลังงานที่ดีดตัวขึ้น อย่างไรก็ตามในเดือนพ.ย. หุ้นในตลาดวอลล์สตรีทจบด้วยการปรับตัวขึ้นมากเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นอย่างมากหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 10% หลังจากโอเปกได้บรรลุข้อตกลงที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน นูชิน ซึ่งนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้ความเห็นว่าการปฏิรูปภาษีและการยกเครื่องข้อตกลงการค้าจะเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นลำดับต้น ๆ ในการบริหารประเทศ (Reuters)

• สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านร่างกฎหมายมูลค่า 6.3 พันล้านดอลลาร์อย่างท่วมท้นซึ่งฝ่ายสนับสนุนกล่าวว่าจะช่วยกระตุ้นนวัตกรรมทางการแพทย์ เร่งการเข้าถึงยาใหม่ ๆ ขยายช่องทางในการบำบัดสุขภาพจิต และปราบปรามการใช้ยาระงับปวดในทางที่ผิด ร่างพ.ร.บ ดังกล่าวซึ่งเป็นที่รู้จักกันชื่อของ 21st Century Cure Act ได้รับแรงสนับสนุนจากทั้ง 2 พรรคแม้ว่าจะมีผู้วิจารณ์ว่ามีการส่งเอกสารจำนวนมากไปยังอุตสาหกรรมยาในขณะที่ปรับลดงบอุดหนุนโปรแกรมที่เกี่ยวกับสาธารณสุขและโครงการเมดิแคร์ (Reuters)

• ทรัมป์จะลดการเข้าควบคุม Fannie Mae และ Freddie Mac ว่าที่รัฐมนตรีคลังสหรัฐ นายสตีเวน นูชิน กล่าวว่า Fannie Mae และ Freddie Mac ซึ่งเป็นบรรษัทการเงินที่ปล่อยสินเชื่อบ้านใหญ่ที่สุดของสหรัฐจะกลับมามีอำนาจในการบริหารด้วยตนเอง หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ หรือ GSEs เป็นศูนย์กลางของวิกฤตทางการเงินในปี 2008 เมื่อตลาดที่อยู่อาศัยสหรัฐเริ่มล่มสลายในปี 2006 Fannie Mae และ Freddie Mac มีฐานะการเงินที่ย่ำแย่และส่งผลให้ผู้เสียภาษีต้องช่วยอุดหนุนด้วยเงินเป็นจำนวน 1.88 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

ยุโรป:

• หุ้นยุโรปแตะจุดสูงสุดในรอบสามสัปดาห์เมื่อวันพุธ ปิดรายเดือนในแดนบวก ด้วยหุ้นพลังงานยังวิ่งจากน้ำมันพุ่งเพราะผู้ผลิตน้ำมันตกลงลดกำลังผลิต อย่างไรก็ดี RBS หุ้นธนาคารของอังกฤษที่หนุนหลังโดยรัฐ ร่วงลงเพราะไม่ผ่านการทดสอบของ BOE และถูกบอกว่าควรเพิ่มทุนมารองรับมากกว่านี้ (Reuters)

• ศาลสูงสุดอังกฤษจะพิจารณามาตรา 50 ในช่วงปีใหม่ โดยกล่าวในวันอังคารว่าอนุญาตให้รัฐบาลอุทธรณ์คำตัดสินของศาลสูงได้ในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งจะต้องให้สภาเห็นชอบก่อนจะไปขั้นตอนอย่างเป็นทางการในการออกจาก EU ศาลสูงสุดให้เวลา 5-8 ธ.ค.เพื่อรับฟังคำอุทธรณ์ การตัดสินจะเกิดขึ้นหลังสรุปการรับฟังในวันถัดไป ซึ่งน่าจะเป็นวันปีใหม่ (Reuters)

เอเชีย:

• บริษัทญี่ปุ่นตัดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคารและอุปกรณ์ในไตรมาส 3/59 ลง 1.3% YoYหลังจากเพิ่มขึ้น 3.1% YoY ในไตรมาส 2/59 กระทรวงการคลังเปิดเผยข้อมูลที่แสดงให้เห็นสัญญาณการใช้จ่ายเงินทุนยังคงชะลอตัว(Reuters)

• ญี่ปุ่นแก้ไขตัวเลข GDP ที่จะรายงานวันที่ 8 ธันวาคมนี้ การแก้ไขปรับปรุงตัวเลขมีแนวโน้มที่จะได้รับแรงหนุนจากการประกาศใช้มาตรฐานใหม่ของการวัด GDP ประมาณการเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลกขยายตัว 2.2% ในไตรมาส 3/59 มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์การส่งออกดีดตัวขึ้นชดเชยอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแอ (Reuters)

• PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นลดลงเล็กน้อยจากระดับสูง: PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นลงมาอยู่ที่ 51.3 ในเดือนพฤศจิกายนเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยจากเดือนตุลาคมที่ 51.4 สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นการส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่มั่นคงของภาคการผลิตในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว (IHS Markit)

• ภาคการผลิตของจีนขยายตัวมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤศจิกายนและเร็วที่สุดในรอบกว่าสองปี PMIอย่างเป็นทางการอยู่ที่ระดับ 51.7 ในเดือนพฤศจิกายนเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า 51.2 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ 51.0 ซึ่งระดับที่สูงกว่า 50 เป็นจุดชี้วัดการเจริญเติบโตเป็นประจำทุกเดือน นับเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปี 2557 ที่อยู่ 51.7 (Reuters)

• ตลาดโลหะเซี่ยงไฮ้เผชิญแรงขายหนักในวันพุธสังกะสีทองแดงนำไปสู่การลดลงอย่างมากในขณะที่มีความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตเงินสดในประเทศจีน จากมาตรการระงับการแรลลี่ในราคาเหล็กของตลาดฟิวเจอร์สเซี่ยงไฮ้ ต้นทุนการกู้ยืมเงินหยวนในเซี่ยงไฮ้ปรับตัวขึ้นไปสูงในรอบสองเดือนจากสภาพคล่องที่ตึงตัวในตลาดหลังจากที่ธนาคารกลางดึงเงินทุนออกจากระบบการเงิน ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลเพื่อลดความร้อนแรงของสินค้าโภคภัณฑ์ที่เห็นได้จาก ถ่านหิน Coking เหล็กและสังกะสีราคาเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบหลายปีในเดือนนี้ท่ามกลางการปราบปรามที่กว้างขึ้นของจีนเกี่ยวกับการลงทุนภายนอกประเทศ ในขณะมีความพยายามจะฟื้นค่าเงินสกุลของตนหลังการเลือกตั้งในสหรัฐฯ(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• น้ำมันดิบสหรัฐบวกกว่า 10% วันพุธ ขึ้นไปเหนือระดับ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลและจุดสูงสุดในรอบเดือนเพราะ เพราะผู้ผลิตรายใหญ่ตกลงลดกำลังการผลิตเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 51 น้ำมันดิบสหรัฐส่งมอบ ม.ค. ปิดบวก 4.21 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล (9.6%) อยู่ที่ 49.44 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ก่อนหน้านี้เพิ่มขึ้น 10% เป็นการเพิ่มรายวันที่มากสุดนับแต่ ก.พ. น้ำมันดิบ Brent ล่วงหน้าบวก 4.09 ดอลลาร์สหรัฐหรือ 8.82% ปิด 50.47 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)

• ราคาทองคำร่วงวันพุธ ร่วงรายเดือนมากสุดในรอบกว่า 3 ปี เพราะตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐแข็งแรงหนุนค่าเงินดอลลาร์ ย้ำว่าน่าจะขึ้นดอกเบี้ย ธ.ค. นี้เลย ราคาทองคำตลาดจรร่วง 1% ปิดที่ 1,176.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ราคาทองคำล่วงหน้าสหรัฐปิดลบ 1.1% ปิดที่ 1,174.40 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)

• ทองแดงร่วงแตะจุดต่ำสุดของสัปดาห์ในวันพุธ เพราะนักลงทุนลดการคาดการณ์ว่าราคาจะขึ้นเพราะกังวลเพิ่มขึ้นว่าราคาที่วิ่งขึ้นมาอยู่บนพื้นฐานนั้นจริงหรือไม่ ราคาทองแดงอ้างอิงตลาด LME ร่วงแตะ 5,612.50 ดอลลาร์สหรัฐต่อตัน จุดต่ำสุดของสัปดาห์ ก่อนจะปิดขึ้นมา 2% ที่ 5,825 ดอลลาร์ต่อตัน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะน้ำมันที่วิ่งขึ้นราว 10% สู่จุดสูงสุดรอบเดือนเหนือ 50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล (Reuters)