ความสำคัญของลวดลายบนเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชกาลที่ 9 (จบ)

เหตุผลสำคัญในการเลือกศาสนสถานใดไว้บนหลังเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดต่างๆ คือ ความสำคัญของศาสนสถาน และการจัดองค์ประกอบของภาพบนเหรียญ
เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรพระมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้จัดทำขึ้นมาทั้งสิ้น 9 เหรียญ ประกอบด้วยเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 10 บาท ชนิดราคา 5 บาท ชนิดราคา 2 บาท ชนิดราคา 1 บาท ชนิดราคา 50 สตางค์ ชนิดราคา 25 สตางค์ ชนิดราคา 10 สตางค์ ชนิดราคา 5 สตางค์ และชนิดราคา 1 สตางค์ ซึ่งแต่ละเหรียญ จะมีลวดลายที่แสดงถึงสถาบันชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งแต่ละเหรียญจะมีจุดแตกต่างกันโดยเฉพาะลวดลายศาสนสถานของไทยด้านหลังของเหรียญ
สำหรับวันนี้ (29พ.ย.) เป็นวันสุดท้าย โดยจะนำเสนอเหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 10 สตางค์ ชนิดราคา 5 สตางค์ และชนิดราคา 1 สตางค์
ทั้งนี้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรพระมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยด้านหน้าเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน บริเวณกลางเหรียญมีพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปรมินทรพระมหาภูมิพลอดุลยเดชทรงเครื่องบรมขัตติยราชภูษิตาภรณ์ ฉลองพระองค์ครุย ผินพระพักตร์ทางเบื้องขวา ภายในวงขอบเหรียญด้านขวามีข้อความว่า “ภูมิพลอดุลยเดช” ด้านขอบซ้ายของเหรียญมีข้อความว่า “รัชกาลที่9” ในทุกชนิดราคา เป็นการแสดงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ของประเทศไทย
ส่วนด้านหลังของเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนเป็นรูปศาสนสถานต่างๆ ที่มีความสำคัญของประเทศไทย เพื่อแสดงถึงสถาบันศาสนา นอกจากนี้ภายในวงเหรียญด้านบน มีคำว่า “ประเทศไทย” เพื่อแสดงถึงสถาบันของชาติ
ลวดลายศาสนสถานของไทยของเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชกาลที่9
เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนทุกชนิดราคาได้นำภาพของศาสนสถานที่สำคัญในประเทศไทย มาเป็นลวดลายด้านหลังของเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน ซึ่งศาสนสถานแต่ละแห่งมีประวัติความเป็นมา สถานที่ท่องเที่ยวในภูมิภาคต่างๆ ของประเทศไทย และเป็นที่รู้จักของทั้งชาวไทยและต่างประเทศ โดยลวดลายศาสนสถานด้านหลังเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนต่างๆ มีดังนี้
เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 10 สตางค์
ด้านหลังของเหรียญกษาปณ์ เป็นรูปพระเจดีย์พระธาตุเชิงชุม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของวัดพระธาตุเชิงชุม จังหวัดสกลนคร สร้างขึ้นในสมัยใดไม่เป็นที่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด พระเจดีย์พระธาตุเชิงชุม มีลักษณะก่ออิฐถือปูน มีฐานเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนบนเป็นทรงบัวเหลี่ยม มีรูปทรงเพรียว ไม่มีลวดลายประดับที่องค์เจดีย์ เพียงแต่ฉาบปูนเรียบที่ฐานพระเจดีย์ มีประตูทั้งสี่ด้าน โดยซุ้มประตูมีลักษณะเป็นยอดปราสาท ประตูด้านทิศตะวันออกที่ต่อกับพระวิหาร เปิดให้เห็นภายในขององค์พระธาตุ ที่สร้างครอบปราสาทแบบขอมขนาดเล็กที่ก่อด้วยศิลาแลง โดยมีกรอบประตูทางเข้าเป็นหินทราย
ส่วนหลืบประตูทางทิศเหนือ มีจารึกอักษรขอม อายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 กล่าวถึงการถวายที่ดิน ข้าทาส และสิ่งของต่างๆ ให้แก่ ศาสนสถานแห่งนี้ โดยภายในพระวิหารของวัดพระธาตุเชิงชุมเป็นที่ประดิษฐานของหลวงพ่อพระองค์แสน เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบเชียงแสน เป็นพระพุทธรูป และเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนครมาแต่โบราณ
รวมทั้งเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ซึ่งทุกวันพระในตอนค่ำจะมีประชาชนไปสักการะพระธาตุและหลวงพ่อพระองค์แสนมาก โดยงานประจำปีของพระธาตุเชิงชุมจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น 9 ค่ำ ถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ (2) ของทุกปี (กำหนดตามจันทรคติ) พระธาตุเชิงชุมซึ่งถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญสำหรับสักการะและเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 5 สตางค์
ด้านหลังของเหรียญกษาปณ์ เป็นภาพพระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นพระสถูปเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและใหญ่ที่สุดในโลก มีอายุมากกว่า 2,000 ปี สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช แห่งประเทศอินเดียยุคโบราณ ได้จัดส่งพระสมณฑูตมาประกาศพระศาสนาในแถบสุวรรณภูมิ และได้สร้างพระสถูปเจดีย์ไว้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุเป็นหลักฐาน
ต่อมาในช่วงสมัยรัชกาลที่ 4 ปี 1853 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระเจดีย์องค์ใหม่ครอบพระเจดีย์องค์เดิม ซึ่งมีรูปทรงระฆัง หรือบาตรคว่ำ มีความสูง 39 เมตร มีลักษณะคล้ายกับสาญจีเจดีย์ในประเทศอินเดียที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช
ทั้งนี้การก่อสร้างพระเจดีย์ครอบองค์ใหม่ได้แล้วเสร็จในช่วงสมัยรัชกาลที่ 5 รวมเวลาก่อสร้าง 17 ปี ซึ่งพระเจดีย์องค์ใหม่มีลักษณะทรงกลมรูปทรงระฆัง (แบบลังกา) มีความสูงโดยวัดจากพื้นดินถึงยอดประมาณ 120.45 เมตร และฐานวัดโดยรอบรวมประมาณ 233.50 เมตร ภายในพระเจดีย์เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะปฏิสังขรณ์วัดพระปฐมเจดีย์ เป็นวัดประจำรัชกาล ภายในพระปฐมเจดีย์ได้ประดิษฐานพระร่วงโรจนฤทธิ์ฯ อยู่ในซุ้มวิหารตั้งอยู่ทางด้านเหนือและด้านหน้าพระปฐมเจดีย์ โดยภายในฐานของพระพุทธรูปองค์นี้เป็นที่บรรจุพระบรมอัฐิของรัชกาลที่ 6 ดังนั้น พระปฐมเจดีย์จึงถือเป็นปูชนียสถานที่สำคัญของไทย
เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดราคา 1 สตางค์
ด้านหนึ่งของเหรียญกษาปณ์ เป็นภาพพระธาตุหริภุญไชย วัดพระธาตุหริภุญไชย จังหวัดลำพูน เป็นพระอารามหลวง ชั้นเอก ซึ่งตามพงศาวดารโยนกได้กล่าวว่าวัดพระธาตุหริภุญไชย สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าอาทิตยราชกษัตริย์นครหริภุญชัยองค์ที่ 33 นับจากพระนางจามเทวี ผู้ครองนครลำพูน ภายในวัดได้สร้างเจดีย์ที่สำคัญเรียกว่า พระบรมธาตุหริภุญไชย (คำว่า หริ แปลว่า ผลสมอ และภุญชัย แปลว่า เสวย)
ตามตำนานกล่าวว่า พระพุทธเจ้าได้เสด็จมาประทับตรงที่สร้างพระเจดีย์ และเสวยผลสมอ เพื่อรักษาพระอุทร หลังจากเสวยแล้วได้ทรงทิ้งผลสมอไว้ตรงนั้น กาลต่อมาเมล็ดสมอได้เจริญเติบโต พระราชาธิบดีจึงสร้างพระเจดีย์เพื่อบรรจุพระเกศบรมธาตุของพระพุทธเจ้า โดยเจดีย์มีลักษณะทรงลังกา ใช้ศิลาแลงในการก่อสร้าง มีขนาดความสูง 51 เมตร ฐานกว้าง 25.25 เมตร มีสัตติบัญชร (ระเบียงหอก) มีลักษณะใกล้เคียงกับพระธาตุดอยสุเทพ ดังนั้น พระธาตุหริภุญไชยเป็นปูชนียสถานที่สำคัญทางภาคเหนืออีกแห่งที่ชาวไทยและต่างประเทศไปสักการะและเยี่ยมชมความงดงามของศิลปะแบบล้านนา
สรุปในปัจจุบันเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนของไทยแต่ละชนิดราคา ได้นำภาพของศาสนสถานที่สำคัญต่างๆ ของไทยมาใช้เป็นลวดลายด้านหลังของเหรียญ แสดงถึงสถาบันศาสนาประจำชาติของไทย เหตุผลที่สำคัญในการเลือกศาสนสถานใดไว้บนหลังเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชนิดต่างๆ คือ ความสำคัญของศาสนสถาน และการจัดองค์ประกอบของภาพบนเหรียญ




