แบงก์กรุงศรีจับลูกค้ารุ่นใหม่เงินล้าน

แบงก์กรุงศรีจับลูกค้ารุ่นใหม่เงินล้าน

กรุงศรีหันจับลูกค้ารุ่นใหม่เงินล้าน มีเงินลงทุน 1-5ล้านบาท ชี้แนวโน้มการเติบโตดี เปิดตัวเซคเม้นท์ใหม่กรุงศรีไพรม์ ใช้เทคโนโลยีช่วยดูแล

มั่นใจการบริโภคไตรมาส4 ฟื้น

ตั้งเป้าสินเชื่อปีหน้าโต11%

กรุงศรีหันจับลูกค้ารุ่นใหม่เงินล้าน มีเงินลงทุน 1-5ล้านบาท ชี้แนวโน้มการเติบโตดี เปิดตัวเซคเม้นท์ใหม่กรุงศรีไพรม์ ใช้เทคโนโลยีช่วยดูแล ตั้งเป้า 3 ปีเอยูเอ็มพุ่ง 60% ขณะที่การบริโภคไตรมาส 4 ยังสัญญาณดีคาดรายย่อยปีหน้าโตมากกว่า 11%

    นายแดน ฮาร์โซโน่ ประธานกลุ่มธุรกิจลูกค้ารายย่อยและลูกค้าบุคคล ธนาคารกรุงศรีอยุธยา   เปิดเผยว่า   ธนาคารยังเชื่อว่าการเติบโตของธุรกิจลูกค้ารายย่อยในปีหน้ายังเติบโตได้ 11%ต่อเนื่องจากปีนี้ที่เติบโตดีมากทั้งสินเชื่อบุคคล  บัตรเครดิต สินเชื่อบ้านและสินเชื่อรถยนต์ โดยใน 3 ไตรมาสที่ผ่านมาลูกค้ารายย่อยเพิ่มขึ้นแล้ว 11% 

และในไตรมาส 4 นี้เชื่อว่าจะเห็นการบริโภคที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าบรรยากาศจะยังไม่เอื้อมากนัก แต่เป็นช่วงฤดูกาลที่จะต้องมีการจับจ่ายใช้สอย และยังมีปัจจัยเรื่องการลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีอย่างการซื้อประกัน กองทุนแอลทีเอฟและอาร์เอ็มเอฟที่จะหนุนการเติบโจของธุรกิจรายย่อยในไตรมาสสุดท้ายให้ฟื้นตัวขึ้นและทำให้ภาพรวมธุรกิจรายย่อยในปีนี้น่าจะเติบโตได้ประมาณ 12% โดยปัจจุบันธนาคารมีพอร์ตสินเชื่อรายย่อย 5.2 แสนล้านบาท ในส่วนของหนี้เสียกลุ่มลูกค้ารายย่อยยังอยู่ในระดับที่ดี เช่นสินเชื่อรถยนต์อยู่ในระดับต่ำกว่า 2% สินเชื่อบ้านอยูที่ 2.6% 

นายแดนยังกล่าวว่ากลุ่มลูกค้าบุคคลที่มีเงินฝากและ/หรือเงินลงทุนตั้งแต่ 1-5 ล้านบาท(Mass Affluent) เป็นกลุ่มที่มีการเติบโตในระดับสูงหรือ10-12% ต่อปี   มีแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่องในระบบธนาคารและสามารถยกระดับขึ้นเป็นลูกค้ากลุ่ม Exclusive ได้ปีละประมาณ 1.5-2 หมื่นรายต่อปี ธนาคารจึงกำหนดกลุ่มลูกค้านี้ภายใต้ชื่อ “กรุงศรีไพรม์” (KRUNGSRI PRIME) เพื่อให้ได้รับการดูแลทางการเงินเฉพาะกลุ่มมากขึ้น

ที่ผ่านมาธนาคารได้ศึกษาลูกค้ากลุ่มนี้ พบว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่เริ่มทำงานและสร้างฐานขึ้นมาด้วยตัวเอง จนมีสินทรัพย์หลักล้านบาทได้ ส่วนใหญ่อายุราว 30-35 ปีขึ้นไป  มีความต้องการเพิ่มความมั่งคั่งและมีความรอบคอบในการใช้เงิน  ซึ่งคาดว่าทั้งระบบเศรษฐกิจมีลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 6 แสนราย 

ในส่วนของธนาคารมีฐานลูกค้ากลุ่มนี้ประมาณ 1 แสนราย แต่หากคิดในแง่ของสินทรัพย์ใต้การบริหาร(เอยูเอ็ม)แล้วมีประมาณ 1.8 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของเอยูเอ็มรวม และมีฐานลูกค้า KrungsriExclusive ราว 4-5 หมื่นราย มีเอยูเอ็มประมาณ 4-5แสนล้านบาท หรือสัดส่วนเอยูเอ็ม50% ทั้งนี้ธนาคารตั้งเป้าหมายว่า ใน 3 ปีข้างหน้าการเติบโตของลูกค้าKRUNGSRI PRIME จะเพิ่มขึ้น 50% และมีเอยูเอ็มเพิ่มขึ้น60% แต่สัดส่วนของเอยูเอ็มรวมอาจจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก หรือประมาณ 22-23% เนื่องจากลูกค้ากลุ่มอื่นก็ยังเติบโตเช่นเดียวกัน

“ก่อนหน้านี้สถาบันการเงินจะจับลูกค้าเวลท์ที่มีความมั่งคั่งในระดับสูงก่อนเพราะต้องเลือกลูกค้าที่มีศักยภาพและสร้างผลตอบแทนสูงสุดก่อน ค่อยลงมาที่กลุ่มแมส ซึ่งเป็นกลุ่มถัดไปที่จะมีการเติบโตของความมั่งคั่ง เป็นแนวโน้มที่ตลาดจะต้องเดินไปทางนั้น  โดยการแข่งขันในกลุ่มลูกค้าMass Affluent ขณะนี้ยังไม่สูงมากนัก และที่ผ่านมาจะเห็นว่าธนาคารพาณิชย์ส่วนใหญ่ยังไม่ได้โฟกัสลูกค้ากลุ่มที่มีเอยูเอ็ม 1 ล้านบาทอย่างชัดเจน ก็เป็นโอกาสที่แบงก์จะเข้าไปดูแลและเชื่อว่าจะช่วยรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ ช่วยให้สินทรัพย์ลูกค้าเติบโต ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้เข้ามามากขึ้น”

สำหรับการดูแลลูกค้ากลุ่มนี้จะแตกต่างจากลูกค้าทั่วไป และKrungsri Exclusive โดยจะใช้เทคโนโลยีในการอำนวยความสะดวกให้กับลูกค้า เช่น คอลเซ็นเตอร์ เวปไซด์   รวมไปถึง แอพพลิเคชั่น “KRUNGSRI PRIME”   ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการที่ตรงกับความต้องการ และสามารถรับสิทธิพิเศษที่ผ่านการคัดสรรได้ทุกที่ทุกเวลา รวมถึงรับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่างๆ จากธนาคาร