'หมอเสริฐ' รุกธุรกิจยา 1.4 แสนล. เสริมแกร่งรพ.

'หมอเสริฐ' รุกธุรกิจยา 1.4 แสนล. เสริมแกร่งรพ.

เครือรพ.กรุงเทพ ทุ่ม 920 ล้านบาท เปิดโรงงานยาแห่งที่ 2 รองรับตลาดในและต่างประเทศ มองโอกาสตลาดธุรกิจยาในประเทศ มูลค่าตลาดกว่า 1.4 แสนล้านบาท

เครือรพ.กรุงเทพ ทุ่ม 920 ล้านบาท เปิดโรงงานยาแห่งที่ 2 รองรับตลาดในและต่างประเทศ รุกส่งออกยาอาเซียน เล็งตลาดยุโรป มองโอกาสตลาดธุรกิจยาในประเทศ มูลค่าตลาดรวมกว่า 1.4 แสนล้าน เสริมแกร่งธุรกิจรพ.-บริการสุขภาพรายใหญ่สุดในไทย มั่นใจดันรายได้แตะแสนล้านในปี 61

หลังบริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ หรือ บีดีเอ็มเอส เครือโรงพยาบาลที่ใหญ่ที่สุดในไทย ธุรกิจของนายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เดินเกมรุกธุรกิจศูนย์บริการสุขภาพ เมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา โดยทุ่มเงิน 10,800 ล้านบาท เข้าซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 15 ไร่ ประกอบด้วย โรงแรมสวิสโฮเต็ล ปาร์คนายเลิศ และอาคารสำนักงานบางส่วน บนถนนวิทยุ เพื่อพัฒนาเป็นศูนย์สุขภาพครบวงจร “BDMS Wellness Clinic” แห่งแรกในเอเชีย โดยประกาศผุดโครงการยักษ์มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาทในพื้นที่ดังกล่าว

ในส่วนของธุรกิจโรงพยาบาล บีดีเอ็มเอส ยังทุ่มเงิน 1,395 ล้านบาท เข้าซื้อกิจการโรงพยาบาลเมโย สยายอาณาจักรโรงพยาบาลเพิ่มเติม นอกเหนือจากเครือโรงพยาบาลกรุงเทพ สมิติเวช บีเอ็นเอช พญาไท และเปาโล

อีกจิ๊กซอว์สำคัญของ นพ.ปราเสริฐ คือการขยายธุรกิจที่ไม่ใช่โรงพยาบาล ด้วยการรุก “ธุรกิจประกันสุขภาพ-ยา” เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจโรงพยาบาลและบริการสุขภาพ โดยตั้งเป้าดันรายได้เพิ่มเป็น 5-10% ภายใน 3-5 ปีจากนี้

ล่าสุดได้ทุ่มเงิน920 ล้านบาท เปิดตัวโรงงานยาแห่งที่ 2 ในนิคมอุตสาหกรรมสินสาคร จังหวัดสมุทรสาคร วานนี้ (2พ.ย.)

เป้าติดท็อป5รพ.-บริการสุขภาพเอเชีย

นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ประธานคณะผู้บริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทกรุงเทพดุสิตเวชการ และประธานกรรมการบริษัท สหแพทย์เภสัช จำกัด เปิดเผยว่า ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาลและบริการด้านสุขภาพ เพื่อผลักดันสู่เป้าหมายรายได้ในเครือรวมกว่า 1 แสนล้านบาทภายในปี2561

โดยสัดส่วนรายได้หลักของเครือยังคงมาจากธุรกิจโรงพยาบาล รวมถึงยังตั้งเป้าหมายขยายธุรกิจโรงพยาบาลในเครือให้ครบ 50 แห่งภายในปี 2560 จากปัจจุบันมีประมาณ 45 แห่ง โดยต้องการผลักดันให้กลุ่มธุรกิจโรงพยาบาลและบริการสุขภาพในเครือ ติดท็อป5ในเอเชีย ทั้งในด้านรายได้รวม กำไร และจำนวนเตียง

เปิดรง.ยารับดีมานด์ใน-นอก

ล่าสุด บริษัทสหแพทย์เภสัช ได้ใช้งบลงทุนประมาณ 920 ล้านบาท เปิดตัวโรงงานผลิตยาแผนปัจจุบันแห่งที่ 2 ขนาดพื้นที่ 15 ไร่ ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมสินสาคร จ.สมุทรสาคร รองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยโรงงานแห่งนี้ ใช้ระยะเวลาก่อสร้างราว 16 เดือน คาดว่าโรงงานแห่งใหม่จะผลักดันการเติบโตของ สหแพทย์เภสัช ปีละกว่า 30% และจะคุ้มทุนภายในระยะเวลา 7 ปี

โอกาสตลาดยาในปท.1.4 แสนล้าน

ทั้งนี้ มองว่าตลาดยาในไทย เป็นตลาดใหญ่และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.4 แสนล้านบาท โดยโรงงานผลิตยาจะเป็นส่วนหนึ่งที่เข้ามาเสริมให้ธุรกิจโรงพยาบาล และบริการเพื่อสุขภาพในเครือเติบโต ช่วยให้ต้นทุนของธุรกิจโรงพยาบาลและบริการสุขภาพดีขึ้น

ปัจจุบัน สหแพทย์เภสัช ผลิตยาส่งโรงพยาบาลในเครือบีดีเอ็มเอส คิดเป็นสัดส่วน 10% ของยอดขายรวม

สำหรับโรงงานแห่งนี้ จะใช้กำลังการผลิตเต็มที่ในอีก 1-2 เดือนจากนี้ รองรับการผลิตยาได้อีก 8-10 ปี และยังสามารถขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 4 เท่าตัว แบ่งเป็น การผลิตยาเม็ด 6,700 ล้านเม็ดต่อปี ยาแคปซูล 1,000 ล้านแคปซูลต่อปี ยาน้ำ 2.8 ล้านลิตรต่อปี ยาผง 175 ตันต่อปี และยากึ่งแข็ง เช่น ขี้ผึ้ง ครีม เจล อยู่ที่ 140 ตันต่อปี

รง.ยาเดิมหันรับจ้างผลิตอาหารเสริม

ส่วนการผลิตยาในโรงงานแห่งแรกที่พระราม 2 จะย้ายการผลิตยามาโรงงานแห่งใหม่ และจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 10 ล้านบาท ปรับเปลี่ยนโรงงานเดิมให้เป็นโรงงานรับจ้างผลิต (โออีเอ็ม) ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และเครื่องสำอางแทน หลังจากเห็นถึงโอกาสการขยายตัวของตลาดกลุ่มสินค้าดังกล่าวที่เติบโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะเริ่มผลิตอาหารเสริมและเครื่องสำอางภายในช่วงไตรมาสแรกของปีหน้า

นอกจากนี้ ในอนาคต ยังมีแผนจะเพิ่มไลน์ผลิตยาชนิดซอฟต์เจล รวมถึงอยู่ระหว่างการศึกษาแผนผลิต ผลิตภัณฑ์ต้นน้ำ โดยเฉพาะไบโอติค หรือชีววัตถุ เพื่อลดการนำเข้าจากต่างประเทศ หลังจากเห็นถึงข้อจำกัดของอุตสาหกรรมยาในไทย ที่ยังพึ่งพาต้นน้ำ หรือวัตถุดิบสารนำเข้าจากต่างประเทศอยู่มาก

รุกส่งออกยาอาเซียน-เล็งยุโรป

นายวิษณุ อัศเวศน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหแพทย์เภสัช จำกัด กล่าวว่า ที่ผ่านมาบริษัทผลิตยาเพื่อรองรับความต้องการของตลาดภายในประเทศเป็นหลัก แต่ได้เริ่มผลิตส่งออกยาไปในตลาดอาเซียน และยังตั้งเป้าหมายจะส่งออกยาเข้าไปทำตลาดยุโรป โดยคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีก 2-3 ปีจากนี้ ซึ่งคาดว่าหากเข้าไปขยายตลาดยุโรปได้สำเร็จจะส่งผลให้สัดส่วนส่งออกยาของสหแพทย์เภสัชเพิ่มขึ้นจาก 10% เป็น 20% ภายใน 2-3ปีข้างหน้า

ในปีนี้คาดว่า สหแพทย์เภสัช จะมีรายได้รวมประมาณ 800 ล้านบาท เติบโต 15% ซึ่งเป็นระดับอัตราการเติบโตสูงกว่าอัตราเติบโตเฉลี่ยทั่วไปในตลาด ที่เติบโตราว 5% โดยส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากสินค้าของบริษัทได้รับการยอมรับจากลูกค้า

นอกจากนี้ คาดว่าในปีหน้าบริษัทจะมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 1,080 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้จากโรงงานแห่งแรก30ล้านบาท และโรงงานแห่งที่2อีก 1,050 ล้านบาท

“ในอดีตไทยมีโรงงานผลิตยา รวมประมาณ 140 โรง แต่หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกการรับรองมาตรฐานการผลิตตามหลักเกณฑ์และวิธีการผลิตที่ดีในการผลิตยา (GMP PIC/S) ขึ้น ก็ส่งผลให้มีบางโรงงานปิดตัวไปบ้าง”

ขยายเวลาพำนักไทยหนุนเมดิคัลฮับ

นายแพทย์ปราเสริฐ ยังกล่าวถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้อนุมัติหลักการขยายเวลาให้กับผู้ป่วยและผู้ติดตามชาวต่างชาติ ที่เข้ามารักษาพยาบาลในไทย สามารถพำนักภายในประเทศได้นานขึ้นเป็นระยะเวลา 90 วัน ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่จะช่วยเอื้ออำนวยเมดิคัล ฮับไทย เนื่องจากในอดีตกลุ่มผู้ที่เข้ามาใช้บริการรักษาพยาบาลภายในประเทศก็จะเข้ามาในลักษณะของสถานะนักท่องเที่ยว ซึ่งอาจมีข้อจำกัดการพำนักที่ประเทศไทยในระยะเวลาสั้นๆ แต่เมื่อเรื่องนี้ได้รับการอนุมัติจาก ครม.ก็ช่วยให้ผู้ที่เข้ามารับบริการรักษากับโรงพยาบาลในไทยสามารถพำนักอยู่ได้นานมากขึ้น ซึ่งช่วยส่งเสริมอุตฯโรงพยาบาลและบริการเพื่อสุขภาพได้มาก