'ทีพีซี' ขอเพิกถอนจากตลาดหุ้น

'ทีพีซี' ขอเพิกถอนจากตลาดหุ้น

“ทีพีซี” ขอเพิกถอนหุ้นจากตลาดหลักทรัพย์ หลังฟรีโฟลตต่ำกว่าเกณฑ์ "เหลือ8.99%" เผยมีรายย่อยถือหุ้น 2,129 ราย

นายสุชัย อัศวถาวรวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ จำกัด (มหาชน) TPC กล่าวว่าตามข้อมูลรายงานการถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียน เพื่อเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจาปี 2559 (วันที่ 11 ก.พ. 2559) บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัท 2,129 ราย ถือหุ้นรวมกันคิดเป็น 8.99% ของทุนชาระแล้ว ซึ่งไม่ครบถ้วนตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยนั้น

บริษัทรายงานความคืบหน้าการแก้ไขเรื่องการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยของบริษัทว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ขณะเดียวกันบริษัทไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์ รายงานผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2559 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย มีกําไรสุทธิ 979 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 290 ล้านบาท คิดเป็น 42% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆมาจาก ส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบหลักของธุรกิจพีวีซีปรับตัวสูงขึ้นจากปีทีผ่านมา

บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 7,297 ล้านบาท ลดลง 3% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน โดยหลักๆ เป็นผลจากราคาพีวีซีทีลดต่ำลงจากไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ด้านสัดส่วนของรายได้จากการขาย มาจากธุรกิจพีวีซี 64% จากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับพีวีซี 34% และรายได้อื่นๆ 2% ของรายได้จากการขายรวม ตามลําดับ สัดส่วนรายได้จากการขายและจากการให้บริการรวม 78% เป็นการขายของบริษัทในประเทศไทย 22% เป็นการขายของบริษัทย่อยในต่างประเทศ

ทั้งนี้วันที 30ก.ย. 2559 บริษัทและบริษัทย่อย มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเท่ากับ 0.32 เท่า ลดลงจากปลายปีทีผ่านมา ซึ่งมีอัตราส่วนเท่ากับ 0.36 เท่า สาเหตุหลักเกิดจากเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินที่ลดลง

สำหรับงวด9เดือน บริษัทมีรายได้จากการขายและบริการรวม 22,169 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน 184 ล้านบาท คิดเป็น 1% จากราคาขยที่ปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณขายเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 2,342 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 749 ล้านบาท คิดเป็น 47%จากส่วนต่างของราคาขายกับราคาวัตถุดิบหลักของธุรกิจพีวีซีที่เพิ่มขึ้น ส่วนสินทรัพย์รวมของบริษํทอยู่ที่ 24,794 ล้านบาท โดยเพิ่มขึ้น 432 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา