Daily Market Outlook (30 ก.ย.59)

Daily Market Outlook (30 ก.ย.59)

ปัญหาในต่างประเทศกับมุมมองบวกมากขึ้นในประเทศ

คาดหุ้นไทยวันนี้ไม่ไปไหนไกลในต่างประเทศความกังวลเกี่ยวกับDeutsche Bank ปะทุขึ้นมาอีกหลังมีข่าวว่ากองทุนเก็งกำไรถอนเงินออกจากธนาคารเยอรมันแห่งนี้แต่ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นใกล้ 50 ดอลลาร์หลังจากOPEC บรรลุข้อตกลงลดกำลังการผลิตก็เป็นบวกต่อหุ้นพลังงานทั้งโลกจริงๆแล้วนักลงทุนในยุโรปไม่ได้กลัวเรื่องDeutsche Bank สักเท่าใดสะท้อนจากค่าเงินยุโรปที่ทรงตัวและรัฐบาลเยอรมันที่ไม่ได้แสดงท่าทีวิตกแต่อย่างใดกลับเป็นว่าถ้ากังวลกันจริงๆอาจเป็นบวกต่อหุ้นเอเชียหากเงินทุนไหลออกจากยุโรปเข้าเอเชียอีกรอบภายในประเทศมุมมองบวกมากขึ้นภายในภาคอสังหาริมทรัพย์สะท้อนสภาพเศรษฐกิจมหภาคของประเทศที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง


หุ้นเด่นวันนี้: KCE (104 บาท; ซื้อ; ราคาเป้าหมาย 117 บาท)

บมจ.เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ เป็นผู้ผลิตแผ่นพิมพ์วงจรอิเล็กทรอนิกส์ (PCB) ชั้นนำของโลกซึ่งมีจุดแข็งด้านยานยนต์ น่าจะได้รับประโยชน์อย่างมากจากอุปสงค์ต่อผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นสูงในอุตสาหกรรมยานยนต์ จากการมาของเทคโนโลยีรถยนต์ไฮบริด รถยนต์ไฟฟ้าและรถขับเคลื่อนอัตโนมัติ ซึ่งนวัตกรรมใหม่ต่างๆเหล่านี้จะเพิ่มความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มขึ้นอย่างมาก ความเป็นผู้นำในตลาด PCB โลกทำให้ KCE ได้อัตรากำไรระดับสูงโดยที่มีกำแพงกั้นคู่แข่งออกไปเพราะผลิตภัณฑ์มีความต่างชั้นโดยจะต้องใช้เทคโนโลยีระดับสูงและเฉพาะตัวในการผลิตและผ่านการทดสอบเป็นเวลาหลายปี ฐานะอันโดดเด่นในตลาด PCB โลกและประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นรวมถึงกำลังการผลิตที่มากขึ้น (เพิ่มอีก 60%) จากโรงงานใหม่น่าจะช่วยหนุนของบริษัทได้เป็นอย่างดี โรงงานใหม่นั้นมีเครื่องจักรที่ทันสมัยกว่าเดิมซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและอัตราของเสียอย่างมาก บริษัทยังลงทุน 250 ลบ. เพื่อเปลี่ยนเครื่องจักรสำหรับโรงงาน เคซีอีเทคโนโลยีในอยุธยาซึ่งจะช่วงเพิ่มกำลังการผลิตจาก 1.1 ล้านเป็น 1.2 ล้านตารางฟุตต่อเดือน ในระยะยาวการอ่อนค่าของเงินบาทเทียบดอลลาร์ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยบวกแก่บริษัทเพราะธนาคารกลางสหรัฐเตรียมขึ้นดอกเบี้ยแค่รอเวลาเท่านั้น เราคาดว่ายอดขายจะเติบโตดี 18% ในปี 59 และ 15% ในปี 60 บริษัทยังได้รับประโยชน์จากราคาโลหะอุตสาหกรรมที่ตกต่ำในตลาดโลก โดยเฉพาะทองแดงซึ่งจะช่วยผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นให้ดียิ่งขึ้นอีก เราคาดว่ากำไรสุทธิจะเติบโตแข็งแกร่งที่ 43% ปี 59 และ 19% ในปี 60 ตามลำดับ Price Pattern ของ KCE มีความแข็งแกร่งอย่างมากในแนวโน้มขาขึ้น (Uptrend) จากการเกิดทั้ง Daily, Weekly, & Monthly Buy Signal โดยเมื่อพิจารณา Price Pattern ของ KCE นั้นบ่งบอกถึงการทำ New High อีกรอบ โดยมีเป้าหมายแรกของการทำ New High อยู่ที่ 106.50 บาท และมีเป้าหมายสำคัญของการทำ New High อยู่ที่ 111 บาท ตามลำดับ ทั้งนี้ KCE มี Stop Loss ระยะสั้นรอบนี้อยู่ที่ 100.50 บาท (แนวต้าน: 104.50, 105.50, 106.50; แนวรับ: 103.00, 102.00, 101.00)

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• สั่งรฟท. พัฒนาแผน Master Plan ระยะยาว เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจและการรถไฟฯ ทำแผนยุทธศาสตร์ระยะยาว หรือแผนแม่บทระยะ 10-15 ปีของ รฟท. เพื่อบริหารจัดการสินทรัพย์ที่มีอยู่ปัจจุบันให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะที่ดินราว 6 แสนล้านบาทที่ไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ ซึ่งมีศักยภาพที่จะพัฒนาในเชิงพาณิชย์ นอกจากนี้นายสมคิดยังกระตุ้นให้รฟท. เร่งเดินหน้าโครงการรถไฟส่วนที่เหลือต่างๆ หลังจากครม. ล่าสุดอนุมัติโครงการรถไฟทางคู่ 2 โครงการไปเมื่อต้นสัปดาห์นี้ โดยตั้งเป้าให้โครงการรถไฟทางคู่ทั้งระยะที่ 1 และ 2 สามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2560 รวมไปถึงการลงทุนร่วมกับภาคเอกชน (PPP) ในโครงการรรถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และ PPP โครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพ- ระยอง และ กรุงเทพ-หัวหิน (Bangkok Post/InfoQuest)

• คาดว่าจะมีการเร่งเปิดตัวที่อยู่อาศัยใหม่ในช่วงปลายปีนายกสมาคมอาคารชุดไทยคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์จะมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่เป็นมูลค่ารวมถึง150,000 ล้านบาทในไตรมาส4/59 เพิ่มความเชื่อมั่นตลาดในช่วงปลายปีในขณะที่ช่วง1H59 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น86 โครงการมูลค่าประมาณ100,000 ล้านบาทจากแผนที่วางไว้ว่าจะเปิดตัวทั้งหมด220 โครงการมูลค่า300,000 ล้านบาทในปี2559 (Bangkok Post)ความเห็น: เราคาดว่าผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่จะเร่งทั้งการเปิดตัวโครงการใหม่เพื่อเพิ่มยอดBacklog ในอนาคตและเร่งการโอนกรรมสิทธิ์เพื่อเพิ่มยอดขายและกำไรในช่วงไตรมาส4/59 เราOverweight กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ในช่วงไตรมาส4/59 โดยTop Pick ของเราคือANAN (AWS TP 7.50 บาท) และSPALI (AWS TP 29 บาท)

• พิจารณากองทุนภาษีบาปเพื่อผู้สูงอายุก.คลังอยู่ระหว่างพิจารณาจัดสรรรายได้ภาษีบาปไปให้องค์กรอิสระเพื่อจัดตั้งกองทุนใหม่เพื่อช่วยเหลือผู้สูงอายุได้แก่สร้างที่อยู่อาศัยหรือเพิ่มเงินผู้สูงอายุรายเดือน (Bangkok Post)

ต่างประเทศ

• อัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวปรับตัวลงเมื่อวันพฤหัสเนื่องจากความต้องการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงลดลงจากความกังวลที่กลับมาอีกครั้งเกี่ยวกับธนาคารดอยช์แบงก์เนื่องจากมีรายงานข่าวว่ามีกองทุนบางส่วนได้ถอนเงินสดส่วนเกินและสถานะต่างๆที่ถือครองในดอยช์แบงก์ราคาพันธบัตรอ้างอิงอายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 21/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 1.558% ลดลงจากที่ระดับ 1.567% เมื่อวันพุธส่วนราคาพันธบัตรสหรัฐอายุ 30 ปีเพิ่มขึ้น 7/32 อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ระดับ 2.277% ลดลงจากเมื่อวันพุธที่ระดับ 2.288% (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือนเทียบกับสวิสฟรังก์แข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนและอยู่ในระดับทรงตัวเทียบกับเงินยูโรดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเทียบกับเงินเยนเมื่อวันพฤหัสจากความกังวลเกี่ยวกับธนาคารดอยช์แบงก์ในขณะที่ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. ของเฟดทำให้ดอลลาร์สหรัฐยังประคองตัวอยู่ได้ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับสวิสฟรังก์ที่ระดับ 0.9641 สวิสฟรังก์ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับแต่วันที่ 26 ส.ค. เมื่อเทียบกับเงินเยนดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นกว่า 1% และแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 วันที่ 101.84 เยนและล่าสุดแข็งค่าขึ้น 0.41% ที่ระดับ 101.06 เยนส่วนเงินยูโรนั้นล่าสุดทรงตัวที่ระดับ 1.1216 ดอลลาร์สหรัฐจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับประเด็นที่เกี่ยวกับธนาคารดอยช์แบงก์จะส่งผลไปถึงธนาคารอื่นๆของยุโรปหรือก่อให้เกิดวิกฤตในระบบธนาคารของยุโรป (Reuters)

สหรัฐ:

• ตลาดหุ้นสหรัฐปิดร่วงลงเมื่อวันพฤหัสจากความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินของธนาคารดอยช์แบงก์หลังจากบลูมเบิร์กได้รายงานว่ามีกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางส่วนได้ถอนเงินสดส่วนเกินและสถานะต่างๆที่ถือครองในดอยช์แบงก์ขณะที่หุ้นธนาคารเวลส์ฟาร์โกและหุ้นธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆร่วงลงเช่นกันหลังจากทางการสหรัฐกล่าวประนามนายจอห์นสตัมฟ์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเวลส์ฟาร์โกเกี่ยวกับการกระทำผิดเพื่อเพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินอย่างไรก็ตามหุ้นแอปเปิลเป็นตัวฉุดตลาดมากที่สุดหลังจากบาร์เคลย์ปรับลดราคาเป้าหมาย (Reuters)

• การขยายตัวเศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวน้อยกว่าที่คาดในไตรมาส 2/59 เนื่องจากยอดสินค้าส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่าสินค้านำเข้าและมีการลงทุนเพิ่มในธุรกิจต่างๆซึ่งเป็นสัญญาณแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีจีดีพีขยายตัวในอัตรา 1.4% YoYในการประมาณการตัวเลขจีดีพีเป็นครั้งที่ 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากอัตรา 1.1% ในช่วงก่อนหน้านี้และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้การใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็น 2 ใน 3 ของจีดีพีสหรัฐเพิ่มขึ้นในอัตรา 4.3% ต่อปีอย่างไรก็ตามบริษัทต่างๆปรับลดสต็อกสินค้าลงอย่างมากโดยลดลง 5.02 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐและส่งผลให้การขยายตัวของจีดีพีลดลง (Reuters)

• ตลาดหุ้นสหรัฐมีมูลค่าตึงตัว (Stretched valuation) โดยในปีนี้เพิ่มขึ้น 5% แล้วดัชนีS&P500 มีการเทรดใกล้ค่าพีอีที่ 16 เท่าสูงกว่าค่าพีอีเฉลี่ย 10 ปีที่ 14 เท่าจากข้อมูลของทอมสันรอยเตอร์ส (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปเมื่อวันพฤหัสบดีทรงตัว โดยการปรับตัวลดลงของหุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาชดเชยกับแรงหนุนจากการปรับตัวสูงขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน ตามราคาน้ำมันดิบโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นหลัง OPEC มีมติที่จะลดกำลังการผลิตน้ำมันของกลุ่มฯ ลง ทั้งนี้หุ้นCommerzbankปรับตัวลดลงหลังไม่ได้ประกาศจ่ายเงินปันผล (Reuters)

เอเชีย:

• เศรษฐกิจญี่ปุ่นขยายตัว 0.7% YoYในไตรมาส 2/59 ชะลอตัวลงอย่างมากจากการเติบโตในไตรมาสก่อนซึ่งนำโดยผลกระทบของเดือนก.พ. ที่มี 29 วันในขณะที่การส่งออกและการใช้จ่ายเงินลงทุนลดลงนักวิเคราะห์คาดว่าการเติบโตจะยังคงอยู่ในระดับปานกลางในช่วงที่เหลือของปี (Reuters)

• เงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นลดลงตั้งแต่ต้นปีถึงเดือนสิงหาคมโดยลดลง 0.5% YoYซึ่งรวมปัจจัยเรื่องราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่ไม่รวมราคาอาหารสดที่มีความผันผวนเป็นอัตราลดลงที่มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.4% เป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2556 แต่ถ้าไม่รวมราคาน้ำมันและอาหารพบว่าเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 0.2% นับจากต้นปีถึงเดือนสิงหาคมต่ำที่สุดนับตั้งแต่กันยายน 2556 (Reuters)

• การใช้จ่ายในครัวเรือนของญี่ปุ่นลดลง4.6% YoYในเดือนสิงหาคมลดลงมากกว่า2.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดเป็นอัตราการลดลงที่มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม (Reuters)

• ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น1.5% YoYในเดือนสิงหาคมมากกว่า0.5% ที่นักเศรษฐศาสตร์คาดนำโดยอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (Reuters)

• ผู้ผลิตญี่ปุ่นคาดว่าการส่งออกจะเพิ่มขึ้น2.2% ในเดือนกันยายนและเพิ่ม1.2% ในเดือนตุลาคม (Reuters)

• อัตราการว่างงานของญี่ปุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนสิงหาคมอัตราการว่างงานที่ปรับฤดูกาลเพิ่มขึ้นเป็น3.1% จาก3.0% ในเดือนกรกฎาคมซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปี2538 สอดคล้องกับการคาดการณ์ของนักเศรษฐศาสตร์ (Reuters)

• ตลาดหุ้นจีนปิดให้บริการตั้งแต่วันเสาร์ที่1 ต.ค. ถึงวันอาทิตย์ที่9 ต.ค. สำหรับวันหยุดวันชาติจีนตลาดจะกลับมาเปิดวันที่10 ต.ค. ตลาดฮ่องกง-เซี่ยงไฮ้ส่วนใต้ปิดตั้งแต่29 ก.ย.- 10 ต.ค. ส่วนทางเหนือปิดตั้งแต่30 ก.ย.- 10 ต.ค. (Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาน้ำมันบวกกว่า 1% วันพฤหัส Brent ขึ้นไปใกล้ 50 ดอลลาร์เพราะมุมมองบวกจาก OPEC ตกลงจะลดกำลังผลิตได้ในการประชุมนโยบายใน พ.ย. เป็นการตกลงได้ครั้งแรกรอบแปดปี แม้จะยังสงสัยกันว่าการลดกำลังการผลิตเท่านี้จะลดอุปทานน้ำมันโลกที่ล้นเกินได้มากสักเท่าไหร่ Brent บวก 55 เซนต์ (+1.1%) ปิดที่ 49.24 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากขึ้นไปแตะจุดสูงสุดรอบสามสัปดาห์ที่ 49.81 ดอลลาร์ น้ำมันดิบสหรัฐล่วงหน้าบวก 78 เซนต์ (+1.7%) ปิดที่ 47.83 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากแตะจุดสูงสุดรอบหนึ่งเดือนที่ 48.32 ดอลลาร์ (Reuters)

• ทองคำบวกวันพฤหัส หลังจากเงินดอลลาร์ขึ้นๆลงๆ เพราะตัวเลขสหรัฐออกมาทั้งบวกและลบ รวมถึงความสงสัยว่าการลดกำลังการผลิตของ OPEC จะดันเงินเฟ้อขึ้น ราคาทองคำตลาดจรบวก 0.18% ไปอยู่ที่ 1,323.61 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยขึ้นไปแตะจุดสูงสุดข้ามคืนที่ 1,325.80 ดอลลาร์ (Reuters)