นายกฯกดปุ่มเปิดอาคารผู้โดยสารใหม่สนามบินภูเก็ต

“ประยุทธ์” เปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่สนามบินภูเก็ต ทอท.หวังขยายการรองรับผู้โดยสารเพิ่มขึ้นเป็น 12.5 ล้านคนต่อปี
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยถึงการขยายขีดความสามารถรองรับผู้โดยสารของท่าอากาศยานภูเก็ต โดยระบุว่า เมื่อวันนี้ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต ที่มีการก่อสร้างอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศหลังใหม่ การปรับปรุงอาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน การก่อสร้างขยายลานจอดอากาศยาน และการปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจากเดิม 6.5 ล้านคนต่อปีเป็น 12.5 ล้านคนต่อปี
“การขยายศักยภาพของท่าอากาศยานภูเก็ตครั้งนี้ จะเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญที่ผลักดันแผนงานของ ทอท.ในการกำหนดบทบาทให้ท่าอากาศยานภูเก็ตก้าวขึ้นเป็น Gateway to the Andaman และในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2556 – 2558 ยังพบว่ามีจำนวนผู้โดยสารเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.5% และมีจำนวนเที่ยวบินเติบโตเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 8.06% และช่วง 11 เดือนของปีงบประมาณ 2559 (ต.ค.2558 – ส.ค.2559) ท่าอากาศยานภูเก็ตได้ให้บริการผู้โดยสารจำนวน 13,663,752 คน เพิ่มขึ้น 17.01% และมีเที่ยวบิน 87,409 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 15.99% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายนิตินัย ยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันท่าอากาศยานภูเก็ตมีสายการบินให้บริการ 46 สายการบิน และเชื่อมต่อจุดหมายปลายทางกว่า 37 จุดบิน ดังนั้น การพัฒนาอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศและเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันนี้จะทำให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านของสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน การออกแบบอาคารให้มีความทันสมัยภายในตัวอาคารผู้โดยสารยังมีความยาว 297 เมตร กว้าง 117 เมตร มีพื้นที่ทั้งหมด 73,103 ตารางเมตร ซึ่งแน่นอนว่าภายในตัวอาคารยังมีร้านอาหาร ศูนย์อาหารและภัตตาคาร ห้องน้ำให้บริการ 8 จุด และห้องน้ำสำหรับคนพิการ 4 จุด ซึ่งตกแต่งเป็นรูปภาพวิวสวยงามของสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลของ 5 จังหวัดอันดามัน คือ ภูเก็ต ตรัง พังงา กระบี่ และระนอง
ทั้งนี้ ในการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ท่าอากาศยานภูเก็ตนั้น ทอท.ได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อให้การให้บริการเกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยที่ผ่านมาได้ทำการทดสอบระบบเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร การทดสอบระบบสายพานลำเลียงกระเป๋า และระบบด้านความปลอดภัยต่างๆ อีกทั้งยังทำการย้ายเที่ยวบินและผู้โดยสารระหว่างประเทศที่ให้บริการ ณ อาคารผู้โดยสารหลังปัจจุบัน และอาคาร X-Terminal มายังอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ตั้งแต่ช่วงเวลา 00.01 น.ของวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยมีสายการบินระหว่างประเทศเข้าใช้พื้นที่จำนวน 36 สายการบิน







