บิ๊กสเต็ป 'ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้'

บิ๊กสเต็ป 'ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้'

"ฟิวเจอร์พาร์ค" ประกาศความพร้อมเดินหน้าลงทุนเ "สร้างเมือง" ต่อเนื่อง ต่อยอดความแข็งแกร่งของ "ริจินอลมอลล์" รับโอกาสธุรกิจมหาศาลในอนาคต

           ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้ เมกะโปรเจคของตระกูลหวั่งหลี ปักหลักหัวเมืองทางเหนือของกรุงเทพฯ มากว่า 20 ปี ภายใต้วิสัยทัศน์การลงทุนในรูปแบบ "ริจินัลมอลล์" ศูนย์การค้ายักษ์ 4.5 แสนตร.ม. นับว่าเสี่ยงไม่น้อยในยุคนั้น มาถึงวันนี้โมเดล "ริจินัลมอลล์" กลายเป็นยุทธศาสตร์หลักของกลุ่มทุนค้าปลีกที่ล้วนแข่งกันขายความยิ่งใหญ่  และนับเป็นความได้เปรียบของกตระกูลหวั่งหลีที่ถือครองที่ดินจำนวนมาก โดยเฉพาะ "ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้" 4 แปลง 4 ฝั่ง ขนานสองฝั่งถนนวิภาวดี-รังสิต, พหลโยธิน และ รังสิต-นครนายก รวมกว่า 600 ไร่ ทำให้มั่นใจว่าจะยังรักษาสถานะ "ใหญ่สุด" ต่อไปอีกยาวไกล 

            พิมพ์ผกา หวั่งหลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท รังสิต พลาซ่า จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค กล่าวถึงยุทธศาสตร์ธุรกิจว่า สเต็ปต่อไปของ ฟิวเจอร์พาร์ค  คือ "การสร้างเมือง"  โดยเปิดกว้างการลงทุนทุกรูปแบบ ซึ่งมีนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติสนใจร่วมเป็นพันธมิตร

            โดยได้วางแผนพัฒนา ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้ ในลักษณะที่เรียกว่า "ไม่มีที่สิ้นสุด" พร้อมปรับเปลี่ยนไปตามเทรนด์และความต้องการของผู้บริโภคในแต่ละยุคสมัย หากประเมินระยะยาวการพัฒนาครบทั้งแปลงกว่า 600 ไร่ คาดลงทุนนับ "แสนล้านบาท"

            "เราพร้อมและกล้าลงทุนเพื่อทำฟิวเจอร์พาร์คให้เป็นมอลล์แห่งอนาคต ใครจะแข่งกับเราก็แข่งยาก"

          ปัจจุบัน  ศูนย์การค้าฟิวเจอร์พาร์ค มีพื้นที่บริการ 5.8 แสนตร.ม. บนที่ดิน 108 ไร่ หากรวมบรรดาแม่เหล็กอย่าง โฮมโปร อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์  เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ และ เทสโก้ โลตัส ที่เรียกว่า "ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้"  ใช้พื้นที่รวม 154 ไร่   โดยมีลูกค้าหมุนเวียน  2 แสนคนช่วงวันหยุด  และ 1.67 แสนคนในวันธรรมดา หรือเฉลี่ยมีลูกค้าใช้บริการ 1.8 แสนคนต่อวัน เป็นไปตามเป้าหมายด้วยความสมบูรณ์ของ ฟิวเจอร์พาร์ค และ "สเปลล์"  ที่มาเสริมทัพดักลูกค้ากำลังซื้อสูงโดยเฉพาะ

            ดังนั้น ในเชิงการแข่งขัน หากจะมีคู่แข่งรายใหม่ หรือการเกิดขึ้นของ "ริจินัลมอลล์"  อีกแห่ง อาจไม่ใช่ไม่ยาก!! แต่เชื่อว่ากว่าจะสร้างความเคยชินให้ลูกค้าอย่างที่ฟิวเจอร์พาร์คทำมา 20 ปี ไม่ใช่เรื่องง่าย

            กว่าคู่แข่งจะก้าว ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้ ซึ่งมีที่ดินอีกกว่า 400 ไร่ ยังขยับไม่หยุด เบื้องต้นวางแผนระยะสั้น ปี 2559-2561 มุ่งเติมองค์ประกอบของเมืองให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น รองรับโอกาสมหาศาลที่จะเกิดขึ้นจากการมาของ รถไฟฟ้าสายสีแดง "บางซื่อ-รังสิต" ที่กำลังเร่งสร้าง เพื่อเปิดใช้งานในปี 2562

          "รถไฟฟ้ามาทุกอย่างก็จะมาหมด เป็นจังหวะน่าลงทุน ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้ ยังขาด ที่อยู่อาศัย โรงแรม ออฟฟิศ พาร์ค เป็นแผนพัฒนาจากนี้  ซึ่งแม่เหล็กค้าปลีกของเราค่อนข้างครบถ้วน มีโรงพยาบาลแล้ว ภาพความเป็นเมือง คือ ไม่ต้องขับรถไปไหนเลย" 

            พิมพ์ผกา กล่าวต่อว่า ได้ศึกษาแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ พบว่า มีไลฟ์สไตล์ชอบออกกำลังกาย เป็นเทรนด์ของโลก ซึ่งดูแลสุขภาพ ตั้งแต่ อาหารการกิน ให้ความสำคัญกับการออกกำลังกายมากขึ้น จะเห็นว่า มีงานวิ่ง การแข่งขันไตรกีฬา เกิดขึ้นจำนวนมาก เป็นที่มาของแนวคิดสร้างเมืองกีฬา  ภายใต้ชื่อ "ฟิวเจอร์ อารีน่า" ลงทุนกว่า 100 ล้านบาท  บนพื้นที่ 10 ไร่ บริเวณด้านหลังอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์  ปัจจุบันมีสนามฟุตบอล 4 สนาม จะขยายเป็น 6 สนาม พร้อมสนามแบดมินตัน 20 สนาม รวมทั้งฟิตเนสเซ็นเตอร์  ที่มีฟิตเนสเฟิร์ส ให้บริการอยู่แล้ว จะเพิ่มอีก 1 ราย  นอกจากนี้จะเปิดศูนย์เรียนรู้ หรือ อะคาเดมี เกี่ยวกับ ฟุตบอล  ทั้งหมดจะมีความสมบูรณ์ต้นปี 2560  ให้บริการตั้งแต่ 08.00-01.00 น.ของทุกวัน เป็นการ "ต่อยอด" ศูนย์จำหน่ายเครื่องกีฬาครบวงจรกว่า 1 หมื่นตร.ม. ในฟิวเจอร์พาร์ค

            สำหรับโครงการที่อยู่อาศัย คาดลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท  และ โรงแรม ลงทุนราว 200-300 ล้านบาท  อยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน ขณะที่ "ออฟฟิศ พาร์ค" แนวทางพัฒนาของฟิวเจอร์พาร์ค  จะ "คัสเตอร์เมด" รองรับผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจรุ่นใหม่ที่ไม่นิยมสำนักงานในอาคารสูง เน้นความเป็นเอกลักษณ์ ส่วนตัว และใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้น

            การแข่งขันย่านรังสิต ด้วยความเป็น "ฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้" มีความพร้อมรองรับลูกค้าทุกระดับ โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มเอ ที่เคยเป็น "จุดอ่อน" ต้องปล่อยลูกค้ากำลังซื้อสูงหลุดเข้าเมืองไปก่อนหน้านี้ หลังเปิดบริการ "สเปลล์"  ศูนย์รวมไลฟ์สไตล์แฟชั่นและอาหารกว่า 200 ร้านค้า ทำให้ลูกค้าเหล่านี้มุ่งตรงฟิวเจอร์พาร์ค และทำให้สเกลของฟิวเจอร์พาร์ค "หนีคู่แข่งขาด" ด้วยขนาดความใหญ่ที่ทิ้งห่างคู่แข่งเป็น แสนตารางเมตร!!   

           

พลิกทุ่งรังสิต08.00สู่เมืองไลฟ์สไตล์ทันสมัย

            รั้งตำแหน่งซีอีโอฟิวเจอร์พาร์คมากว่า 2 ทศวรรษ ปลุกปั้นธุรกิจตั้งแต่ "ทุกอย่างอยู่ในกระดาษ" เพื่อกางทับทุ่งนารังสิต ที่มีหลายเสียงปรามาสว่าจะสร้างมอลล์ให้ใครเดิน? เป็นความท้าทายของ พิมพ์ผกา ที่บอกตัวเองว่าต้องทำทุกอย่างให้ดี!! ยอมทุ่มทุนสั่งแกรนิตมาปูพื้นสร้างความขลังให้กับโครงการไม่น้อยหน้าศูนย์การค้าทันสมัยในเมืองเลยทีเดียว

            จากวิสัยทัศน์แรกฟิวเจอร์พาร์ค "ต้องเป็นเมือง" จึงปักหลักเมืองเริ่มด้วย "ศูนย์การค้า"  เพราะเป็นแม่เหล็กที่สามารถดึงดูดผู้คนมาเยี่ยมเยือนได้มากที่สุด ประการสำคัญ ศูนย์การค้าแบบ  "ริจินัลมอลล์" เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ง่ายๆ เทียบการพัฒนาโครงการอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ที่อยู่อาศัย โรงแรม "ใครก็ทำได้" ฉะนั้นเป็นโจทย์ตั้งว่า ต้องทำชอปปิงมอลล์ก่อน เลี่ยงการแข่งขันในสเกลเดียวกันไปด้วยในตัว

            ท่ามกลางพฤติกรรมและโลกที่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก ฟิวเจอร์พาร์ค ต้องมองและสร้างสิ่งใหม่ๆ ตลอดเวลา เมื่อเข้าสู่ยุคไลฟ์สไตล์ที่กระแสบริโภคเฟ้นประสบการณ์แปลกใหม่ ไม่เหมือนใคร คือโจทย์ใหญ่อีกครั้งของฟิวเจอร์พาร์ค และนำสู่การลงทุนส่วนต่อขยาย "สเปลล์" มูลค่า 4,000 ล้านบาท รองรับลูกค้ากลุ่มเอโดยเฉพาะ ซึ่งมีสัดส่วนถึง 40%  เป็นคนที่อาศัยอยู่ในแถบนี้ แต่ใช้ชีวิตการทำงานในเมือง และมีไลฟ์สไตล์แบบคนเมือง  ...ไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่มนี้ ต้องการความสะดวกสบาย ไม่ต้องการฟันฝ่าการจราจรไปชอปปิงในเมือง ชอบรูปแบบการบริการวันสต็อปเซอร์วิส อัพเดทเทรนด์ใหม่ตลอดเวลา ค้นหาสิ่งใหม่ๆ ที่มีความพิเศษที่ไม่ธรรมดาให้กับชีวิต และชอบสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติแบบทันสมัย

          "พอมาทำสเปลล์คนก็มีคำถามอีกว่า...จะทำได้หรือ แต่เรากล้าลงทุน ทำฟิวเจอร์พาร์ค ให้เป็นมอลล์แห่งอนาคต  สเปลล์ คือ หนึ่งในกลยุทธ์ของเราที่คงเดิมแต่เปลี่ยนแปลงองค์ประกอบไปตามยุคสมัย อัพสเกลอย่างที่ควรจะเป็น อนาคตอาจจะถูกอัพสเกลให้ไฮขึ้นไปอีกก็ได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลา แล้วแต่ตลาดว่าพร้อมเมื่อไหร่"

            ความสำเร็จของฟิวเจอร์พาร์ค ซิตี้ สะท้อนจากปริมาณลูกค้าหมุนเวียนจากเปิดบริการวันแรก 17 มี.ค.2538 เพียง 5 หมื่นคนต่อวัน  วันนี้ทะลุ 2 แสนคนต่อวัน โดยร้านค้า 80% ยังคงอยู่คู่ฟิวเจอร์พาร์คมาตลอด