กสิกรชี้ยอดจ่ายผ่านบัตรเดบิตปีนี้โต25%

กสิกรชี้ยอดจ่ายผ่านบัตรเดบิตปีนี้โต25%

กสิกรไทย" กวาดยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตครึ่งปีแรก 25,000 ล้าน โต 20% ทั้งปีนี้แตะ 55,000 ล้าน โต25% และมีฐานบัตรใหม่มากกว่า 11 ล้านใบ

" ยังรักษาแชมป์ ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมโต 10% เผยลูกค้ารอบัตรหมดอายุ ล่าสุดลุยกระแสเชียร์บอลไทย จับมือสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ออกบัตรเดบิตช้างศึกไทย คาดปีแรกเพิ่มยอดบัตรใหม่กว่า 300,000 ใบ

นางนพวรรณ เจิมหรรษา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจบัตรเดบิตปัจจุบัน มีจำนวนผู้ถือบัตรเอทีเอ็มและบัตรเดบิตทุกธนาคารประมาณ 61 ล้านใบ แบ่งเป็นบัตรเดบิต 48 ล้านใบ และบัตรเอทีเอ็ม 13 ล้านใบ โดยมีแนวโน้มผู้ถือบัตรเอทีเอ็มลดลง เนื่องจากธนาคารมีการผลักดันการใช้บัตรเดบิตเพิ่มมากขึ้น เพื่อตอบรับแนวนโยบายของภาครัฐ ภายใต้โครงการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (National e-Payment)

ส่วนของธนาคารช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ มีฐานลูกค้าบัตรเดบิต 10.5 ล้านใบ หรือประมาณ 17.5% ของทั้งตลาด  และภายในสิ้นปีนี้คาดเติบโตมากกว่า 11 ล้านใบ หรือตั้งเป้าออกบัตรเดบิตใหม่กว่า 4 ล้านใบ

ขณะที่มียอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตของธนาคารมีประมาณ 25,000 ล้านบาท เติบโต 20% จากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตภาพรวมที่ 66,800 ล้านบาท ซึ่งธนาคารยังครองส่วนแบ่งตลาดอันดันหนึ่ง หรือมีส่วนแบ่งตลาด 38% และคาดปีนี้ จะมียอดใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตเติบโต 25% หรือประมาณ 55,000 ล้านบาท เป็นการใช้จ่ายผ่านเครื่องรับชำระบัตรอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) สัดส่วน 83% และออนไลน์ 17% ทั้งนี้ชอปปิงออนไลน์ เติบโตถึง 30% เช่น เสื้อผ้า และตั๋วเครื่องบิน

ประกอบกับอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 เติบโตดีกว่าไตรมาสแรกปีนี้ การจับจ่ายใช้สอยรายย่อย น่าจะปรับตัวดีขึ้น และทำให้เกิดการหมุนเวียนของเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจดีขึ้นต่อเนื่องทั้งปีนี้ ดังนั้นธนาคารยังคงเป้าการเติบโตของธุรกิจรายย่อยไว้เช่นเดิม

ส่วนรายได้ค่าธรรมเนียมของบัตรเดบิต ของธนาคารปีนี้คาดเติบโต 10% จากลูกค้าบัตรเดบิตภาพรวมและของธนาคาร ที่จะเปลี่ยนเป็นบัตรชิปการ์ดรุ่นใหม่ เมื่อบัตรหมดอายุ ทำให้อัตราการเติบโตอาจจะน้อย ในช่วงครึ่งแรกปีนี้มีฐานลูกค้าของธนาคารมาเปลี่ยนบัตรรุ่นใหม่ 750,000 ใบ ซึ่งส่วนใหญ่บัตรยังไม่หมดอายุ และลูกค้าจะเลือกบัตรที่มีสิทธิประโยชน์ที่เหมาะกับความต้องการของตัวเองก่อน 

ทั้งนี้ธนาคารจะบอกถึงประโยชน์ของบัตรแต่ละประเภท และให้ความมั่นใจในการใช้บัตรกับลูกค้ามุ่งคำนึงถึงความปลอดภัยของการใช้บัตร เช่น กำหนดวงเงินในการใช้บัตรได้เองและสามารถอายัดบัตรอัตโนมัติเพียงสมัครโมบายแบงก์กิ้งทัช เพื่อสนับสนุนตามแนวทางของรัฐบาลที่วางโครงสร้างอีเพลย์เม้นและลดการใช้เงินสดในอนาคต ปัจจุบันบัตรเดบิตของธนาคารมี3ประเภท เป็นบัตรแบบเบสิคสัดส่วน 40% บัตรเคมายเพลย์สัดส่วน40%และบัตรพ่วประกันสัดส่วนกว่า10%

ปัจจุบันคนไทยยังใช้จ่ายด้วยเงินสดอยู่มากมูลค่าถึงล้านล้านบาท ในขณะที่การใช้จ่ายเงินผ่านบัตรเดบิตคิดเป็นสัดส่วนเพียง5% และฐานลูกค้าของธนาคารใช้จ่ายผ่านบัตรไม่ถึง10%

ดังนั้นโอกาสที่คนไทยจะหยิบบัตรเดบิตมาใช้จ่ายยังมีอยู่มาก เชื่อว่าแนวโน้มยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเดบิตยังคงเติบโตเป็นเลขสองหลักอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเปลี่ยนบัตรรุ่นใหม่เป็นชิปการ์ดภายในปี2561 และการเพิ่มจุดรับชำระด้วยบัตรให้มากขึ้น 

ปัจจุบันธนาคารมีฐานจำนวนเครื่อง EDC เป็นอันดับหนึ่งมีทั้งสิ้น 200,000 เครื่องทั่วประเทศ และจะติดตั้งเครื่องเพิ่มเติมอีกในปีนี้ ตามโครงการ National e-Paymen โดยไตรมาส 3 นี้ ภาครัฐจะชัดเจนว่า ธนาคารต้องติดตั้งเพิ่มอีกเท่าไหร่ พร้อมกับจัดกิจกรรมกระตุ้ยการใช้บัตรที่จะออกตามมาเพื่อตอบรับกับแนวนโยบายของภาครัฐ และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในปัจจุบัน อีกทั้งเป็นธนาคารแรกที่ได้เริ่มใช้เครื่องรูดบัตรเคดินแบบพกพา (mPOS) ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 40,000 เครื่องทั่วประเทศ ทำให้ธุรกิจเอสเอ็มอีสามารถขายสินค้าได้จากทุกที

นอกจากนี้ล่าสุด ธนาคารร่วมกับสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ออก “บัตรเดบิตช้างศึกกสิกรไทย” รับสิทธิประโยชน์มากมาย และมีส่วนร่วมช่วยฟุตบอลไทยจากการสมัครบัตรช้างศึกทุก 1 ใบ ธนาคารมอบเงิน 100 บาท คาดปีแรกให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ 30 ล้านบาท และมียอดออกบัตรไม่ต่ำวกว่า 300,000 ใบ

สำหรับบัตรเดบิตช้างศึกกสิกรไทย เป็นการต่อยอดการออกบัตรเดบิตสโมสรฟุตบอลที่ธนาคารได้ร่วมกับสโมสร ต่าง ๆ จำนวน 49 แห่ง ทั้งไทยพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 และดิวิชั่น 2 ออกมาให้บริการกับลูกค้าตั้งแต่ปี 2557  เป็นต้นมา พบว่าบัตรเดบิตดังกล่าวเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าที่เป็นแฟนคลับของแต่ละสโมสร มียอดการออกบัตรกว่า 200,000 ใบ