'LH Bank' ดึง 'CTBC Bank' เสริมความแข็งแกร่ง

'LH Bank' ดึง 'CTBC Bank' เสริมความแข็งแกร่ง

"ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์" ดึง "CTBC Bank" ร่วมธุรกิจเสริมทัพความแข็งแกร่งด้านเงินทุน พร้อมเจาะตลาดเทรดไฟแนนซ์

นางศศิธร พงศธร (ฉัตรศิริวิชัยกุล) กรรมการผู้จัดการธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด ( มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารได้ลงนามข้อตกลงร่วมกับ CTBC Bank สถาบันการเงินจากไต้หวัน โดยทาง CTBC Bank ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายบุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 2.20 บาท คิดเป็นมูลค่า 16,599 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 35.6 โดยเป็นสัดส่วนการถือหุ้นเท่ากับบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด ( มหาชน) และ ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน )โดยคาดว่าความร่วมมือเป็นพันธมิตรร่วมทุนในครั้งนี้จะแล้วเสร็จปลายไตรมาส 3 ของปีนี้ หลังจากนั้น ทางCTBC Bank จะมีผู้บริหาร 3-4 คน เข้ามาร่วมเป็นกรรมการเพื่อดูแลธุรกิจด้านการบริหารการเงินส่วนบุคคล ดิจิตอลแบงก์กิ้ง และ สินเชื่อธุรกิจการค้าขนาดใหญ่ (เทรดไฟแนนซ์) ซึ่ง CTBC Bank ให้ความสนใจเข้ามาลงทุนในไทย เพื่อเข้ามาดูแลด้านเงินทุนให้กับบริษัทไต้หวันที่ทำธุรกิจในไทยกว่า 3,000 แห่ง

สำหรับ CTBC Bank เป็นธนาคารเอกชนขนาดใหญ่อันดับที่ 1 ของไต้หวัน มีสินทรัพย์ 3.83 ล้านล้านบาท เป็นธนาคารที่มีเครือข่ายและตัวแทน 106 แห่ง ครอบคลุม 14 ประเทศ มีความเชี่ยวชาญด้านคอนซูมเมอร์ไฟแนนซ์ การร่วมมือเป็นพันธมิตรกันในครั้งนี้ ทำให้ฐานเงินทุนของธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ โตมากกว่าเท่าตัว หรือ กว่า 32,000 ล้านบาทโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.2 ณ สิ้นปี 2558 เป็น 21.3 สูงสุดในระบบธนาคารพาณิชย์ ซึ่งจะรองรับการปล่อยสินเชื่อให้โครงการขนาดใหญ่มากขึ้น และยังเป็นการรองรับการเติบโตและขยายกิจการของธนาคารไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นใหญ่ทั้ง 3 ราย ตกลงร่วมกันจะไม่มีการขายหุ้นออกในช่วงเวลา 3 ปี

นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แอล เอชไฟแนนซ์เชียน กรุ๊ป จำกัด มหาชน กล่าวว่า ธนาคารยังตั้งเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อในปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 10-15 โดยการปล่อยสินเชื่อเป็นไปอย่างระมัดระวัง ภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ยังชะลอตัว โดยเน้นการขยายตัวของสินเชื่อผู้ประกอบการใหญ่ที่ธนาคารตั้งเป้าเติบโตร้อยละ 15-20 จากแนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐที่คาดว่าจะเห็นความชัดเจนมากขึ้นในปีนี้ รวมทั้งควบคุมหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ไม่เกินร้อยละ 2 ในปีนี้