เซ็นทรัลดัน'7คอลเลคชั่น'ห้างหรู ยึดโกลบอลทัวริสต์เดสทิเนชั่น

เซ็นทรัลดัน'7คอลเลคชั่น'ห้างหรู ยึดโกลบอลทัวริสต์เดสทิเนชั่น

ทุนสัญชาติไทย "เซ็นทรัล" ใช้เวลา 5 ปี เดินหน้าเปิดตลาดค้าปลีกในภาคพื้นยุโรป

มุ่งปักธง "เมืองท่องเที่ยวหลัก" ที่เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต  วันนี้กลุ่มเซ็นทรัลมีเครือข่าย 5 ห้างสรรพสินค้าหรู ใน "คอลเลคชั่น ลักชัวรี รีเทล" ครอบคลุมทำเลยุทธศาสตร์ในยุโรป รวมกับอีก 2 ห้างสรรพสินค้าลักชัวรีในประเทศไทย  พร้อมขับเคลื่อนอาณาจักรห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรีของกลุ่มเซ็นทรัล หรือ Central One World of Luxury เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ "นักช้อป" ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิตเช่นกัน

          "ความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจค้าปลีกที่กลุ่มเซ็นทรัลสั่งสมมากว่า 69 ปี เราต้องการสร้างเซ็กเมนท์ที่ชัดเจนของกลุ่มห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรี ให้เป็นลักชัวรี เดสทิเนชั่น ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกที่ต้องมาเยือน เรียกว่า Central One World of Luxury ประกอบด้วย  7 ห้างสรรพสินค้า ได้แก่ ลา รีนาเชนเต (La Rinascente)  อิลลุม (Illum)  คาเดเว (KaDeWe)  อัลสแตร์เฮ้าส์ (Alsterhaus) โอเบอร์โพลลิงเกอร์ (Oberpollinger) เซ็นทรัล ชิดลม และ เซ็นทรัล เอ็มบาสซี"

            ทศ จิราธิวัฒน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท กลุ่มเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า การเติบโตของธุรกิจกลุ่มเซ็นทรัลในอัตรา 13.5% ปีที่ผ่านมา และเป้าหมายเติบโต 18.9% ในปีนี้  เป็นผลจากความสำเร็จของตลาดต่างประเทศ!!

            ในปี 2558 ยอดขายจากห้างสรรพสินค้าในยุโรป เทียบเท่ากับ 30% ของยอดขายรวมของกลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้า ปี 2559 จะมียอดขาย 51,000 ล้านบาท คาดว่ายอดขายของห้างสรรพสินค้าในยุโรปจะเติบโตฉลี่ย 20% ต่อปีต่อเนื่อง มียอดขายเพิ่มขึ้น "เท่าตัว" หรือไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาทในปี 2563

            กุญแจแห่งความสำเร็จมาจากการวางเป้าหมายชัดเจนของเซ็นทรัลมุ่งซื้อกิจการห้างสรรพสินค้าที่โดดเด่นในแต่ละเมือง เป็นสถาปัตยกรรมคู่บ้านคู่เมือง และทัวริสต์เดสทิเนชั่น  แต่ละห้างสรรพสินค้ามีประวัติศาสตร์ยาวนาน อายุมากกว่า 100 ปี โดยลูกค้าหลักที่มาใช้บริการเป็นลูกค้าท้องถิ่น 50% อีก 50% เป็นนักท่องเที่ยวที่แวะมาชอปปิง

            ทั้งนี้ ในปี 2554 กลุ่มเซ็นทรัลเข้าซื้อกิจการ ลา รีนาเชนเต ปีที่่ผ่านมา ได้ฉลองธุรกิจครบรอบ 150 ปี  ซึ่งเป็นปีที่ ลา รีนาเชนเต ได้รับการขนานนามให้เป็น 1 ใน 13 ห้างสรรพสินค้าของโลกที่ทุกคนควรต้องไปเยือน โดย UK Business Insider เว็บไซต์ที่ทรงอิทธิพลด้านข่าวสารระดับโลกจากอังกฤษ  

            ลา รีนาเชนเต ตั้งตระหง่านใจกลางเมืองมิลาน นครเอกแห่งแฟชั่นของโลก อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นห้างสรรพสินค้าหรูที่สุดของมิลานอีกด้วย มีลูกค้ามาเยือน 9.5 ล้านคนต่อปี หรือ 25,000-35,000 ต่อวัน  เป็นศูนย์รวมแฟชั่นรองเท้านานาชนิดใหญ่ที่สุดของอิตาลี  มีสินค้าระดับไฮเอนด์สำหรับสุภาพสตรี มากถึง 280 แบรนด์ สำหรับสุภาพบุรุษ 300 แบรนด์  สำหรับเด็ก 80 แบรนด์ สินค้าดีไซน์โดดเด่นและสินค้าตกแต่งบ้าน 400 แบรนด์ และมีสินค้ากูร์เมต์  อีกกว่า 1,300 ชนิด

            ปัจจุบันลา รีนาเชนเต มีทั้งสิ้น 11 สาขาในอิตาลี ตามเมืองต่างๆ ได้แก่ มิลาน, โรม 2 สาขา, ฟลอเรนซ์, คาตาเนีย, กาลยารี, พาเลอร์โม, เจนัว, แพดัว, มอนซ่า และ ตูริน

            โดย ลา รีนาเชนเต ที่กรุงโรม เป็นหนึ่งใน "แฟลกชิพ" ที่จะเปิดบริการเดือน ก.พ.-มี.ค. 2560 สถาปัตยกรรมยังคงความเป็นยุค1854  เพื่อให้กลมกลืนกับใจกลางเมืองแห่งประวัติศาสตร์  ขณะที่ก่อสร้างอาคารได้ค้นพบ Aquedotto Vergine ซึ่งเป็นสะพานส่งน้ำโรมันที่มีอายุกว่า 2,000 ปี ดังนั้น ชั้นใต้ดินของ  ลา รีนาเชนเต กรุงโรม จึงไม่ได้เป็นเพียงแค่ซูปเปอร์มาร์เก็ต แต่ยังเป็นพิพิธภัณฑ์และบริเวณจัดงานนิทรรศการต่างๆ อีกด้วย

            สำหรับ ห้างสรรพสินค้าคาเดเว  KaDeWe  มาจากคำว่า  Kaufhaus des Westen”  หมายถึงห้างสรรพสินค้าแห่งตะวันตก เป็นห้างสรรพสินค้าใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป อายุ 109 ปี ตั้งอยู่บนถนน โทเอนซีนสตราสเซอ (Tauentzienstrasse) ซึ่งเป็นถนนหลักสำหรับนักช้อป ใจกลางเบอร์ลินตะวันตก มีพื้นที่ 60,000 ตร.ม. ลูกค้ามาเยือนมากกว่า 10 ล้านคนต่อปี หรือ 40,000-50,000 คนต่อวัน มีสินค้าให้เลือกกว่า 3.8 แสนรายการ

            คาเดเว มีฟู้ดฮอลล์หรูขนาดเทียบเท่าสนามฟุตบอลถึง 2 สนาม และ "ลักชัวรี โกรเซอรี สโตร์" ขนาด 7,000 ตร.ม. ใหญ่ที่สุดในยุโรป  ได้รับการจัดอันดับจาก Trip Advisor ให้ห้างคาเดเวได้ 4.5 ดาว ซึ่งมากกว่า ห้างแฮรอดส์ (Harrods) ในลอนดอน และห้างลาฟาแยตในปารีส (Lafayette) ที่ได้  4 ดาว และได้รับการขนานนามให้เป็น 1 ใน 13 ห้างสรรพสินค้าของโลกที่ทุกคนควรต้องไปเยือน โดย UK Business Insider เช่นเดียวกับ ลา รีนาเชนเต  ทั้งได้รับการจัดอันดับให้เป็นห้างสรรพสินค้าที่งดงามและน่าหลงใหลมากที่สุดในโลก (World’s Most Spectacular Department Store)  จาก Travel+Leisure 2016 นิตยสารท่องเที่ยวชื่อดังจากสหรัฐอีกด้วย

          ในพระนิพนธ์เรื่อง “ไกลบ้าน” ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ทรงเล่าถึงครั้งหนึ่งได้เสด็จเยือนห้างคาเดเว เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปครั้งหลังพุทธศักราช 2450 โดยทรงบรรยายถึงความโอ่อ่าของสถานที่ สินค้าที่มีมากมาย พร้อมทั้งการบริการของพนักงาน ซึ่งนับเป็นเกียรติสูงสุดและความภาคภูมิใจของคนไทย ที่ในปัจจุบันห้างสรรพสินค้าคาเดเว กลายเป็นห้างสรรพสินค้าของคนไทยภายใต้การบริหารของกลุ่มเซ็นทรัล

            ทางด้าน อัลสแตร์เฮ้าส์ เป็นห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮัมบูร์ก อายุ 104 ปี ตั้งอยู่บนนถนจังเฟิร์นสตีค (Jungfernstieg)  ถนนหลักที่มีชื่อเสียงในฮัมบูร์กเช่นกัน ด้านหน้าของห้างหันเข้าหาบินเนเอ้าสแตร์ (Binnen alster)  ทะเลสาบสำคัญของเมือง จึงเป็นที่มาของชื่อ “อัลสแตร์เฮ้าส์” (Alster แปลว่า ทะเลสาป, haus แปลว่า บ้าน) ด้วยพื้นที่ขนาด 24,000 ตร.ม.  มีลูกค้ามาเยือน 5 ล้านคนต่อปี หรือ 30,000-40,000 คนต่อวัน

            โดยสินค้าที่ขึ้นชื่อและทำชื่อเสียงให้อัลสแตร์เฮ้าส์มายาวนาน ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันในฐานะที่เป็นผู้จัดจำหน่ายสินค้าลักชัวรี่ คือ เปลอเครอส (pleureuse) ขนนกกระจอกเทศสำหรับประดับบนหมวกของสุภาพสตรี พัด และ ร่มที่ทำจากผ้าไหม 

            ขณะที่  ห้างสรรพสินค้าโอเบอร์โพลลิงเกอร์ ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองมิวนิค บนถนนนอยเฮ้าเซอร์ (Neuhauser Straße) เป็นถนนชอปปิงที่ผู้คนเลือกมาบ่อยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในเยอรมนี นับเป็นห้างสรรพสินค้าที่หรูหราแห่งแรกของเมืองมิวนิค มีอายุ 111 ปี ขนาดพื้นที่ 40,000 ตร.ม. มีคนมาเยือน 30,000 คนต่อวัน

            ห้างสรรพสินค้า อิลลุม  ตั้งอยู่กลางกรุงโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก บนถนน สตรอยก์ (Stroget) เป็นแหล่งชอปปิงยาวที่สุดของยุโรป  ห้างอิลลุม มีอายุ125 ปี มีพื้นที่ 20,000 ตร.ม. ยังคงรักษามนต์เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมอันเก่าแก่ภายนอก ซึ่งกลมกลืนกับตึกประวัติศาสตร์ในบริเวณโดยรอบ ภายในตกแต่งอย่างทันสมัยงดงาม มีคนมาเยือน 6.5 ล้านคนต่อปี

            ห้างอิลลุม ได้คัดสรรสินค้าจากแบรนด์หรูระดับโลกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักที่สุด เช่น Salvatore Ferragamo, Celine, Balenciaga, Valentino และ Saint Laurent รวมทั้งยังถูกเสนอชื่อให้เป็น "Retail Destination of the year"  ในปี 2551 ในงาน World Retail congress ที่ประเทศบาเซโลน่า และติดอันดับห้างสรรพสินค้าที่งดงามและน่าหลงใหลมากที่สุดในโลก โดย Travel+Leisure 2016

          "เป็นโชคของเราที่ได้ซื้อหุ้นใหญ่และซื้อกิจการเป็นเจ้าของสถาปัตยกรรมเหล่านี้ ทุกสาขาที่มีการปรับปรุงจะมีการใช้สถาปนิกระดับท็อปของโลก เป็นไปตามยุทธศาสตร์การสร้าง iconic buildings ให้ทุกคนภูมิใจว่าห้างเราเป็น icons ของแต่ละเมือง"

            ในอีก 5 ปีข้างหน้าธุรกิจในยุโรปจะเข้าสู่โปรแกรมปรับปรุง ซึ่งเตรียมงบประมาณ 10,400 ล้านบาท บาท แบ่งเป็น ลา รีนาเชนเต 3,600 ล้านบาท  อิลลุม 2,400 ล้านบาท กลุ่มห้างสรรพค้าคาเดเวกรุ๊ปในเยอรมนี 4,400 ล้านบาท คาดหวังว่าเมื่อสิ้นสุดการปรับปรุงห้างสรรพสินค้าทุกแห่งมีความพร้อมสมบูรณ์จะทำให้อาณาจักรห้างสรรพสินค้าระดับลักชัวรีของกลุ่มเซ็นทรัล คว้ารางวัลระดับท็อปของโลกมากขึ้น จาก 3 เป็น 5 ในอนาคต

          ทศ กล่าวต่อว่า การขยายกิจการในภูมิภาคยุโรปขณะนี้ค่อนข้าง "นิ่ง" และครอบคลุมพื้นที่เป้าหมาย!!  ภารกิจและความท้าทายจากนี้ ไม่ต่างจากการทำตลาดในประเทศ นั่นคือ เม็ดเงินที่ลงทุนจะสร้างยอดขายเติบโตตามเป้า...แต่ละปีสามารถดึงดูดลูกค้ามาจับจ่ายมากขึ้นต่อเนื่องอย่างไร