วิถีธุรกิจ’สโลว์ไลฟ์’อดีตผู้บริหาร ‘วุฒิศักดิ์ คลินิก’

วิถีธุรกิจ’สโลว์ไลฟ์’อดีตผู้บริหาร ‘วุฒิศักดิ์ คลินิก’

ลงขันกับเพื่อนก่อตั้งวุฒิศักดิ์ คลินิก ปลุกปั้นคลินิกความงามชื่อดัง 14 ปีผ่านไป2 หุ้นส่วนหันหลังให้บริษัทสู่ ถนนนักลงทุนหน้าใหม่ในอสังหาฯ

นั่งบริหารธุรกิจ “แบบวันต่อวัน” มา 14 ปีเต็ม ก่อนผันตัวมาเป็น “นักลงทุน” เต็มตัว เพราะต้องการใช้ชีวิตแบบ “Slow life” เที่ยวท่องไปในโลกกว้าง ทำสิ่งที่รักอย่างเลี้ยงปลาคาร์ฟ เลี้ยงสุนัข เปิดบ้านหนังสือ สอนธรรมะ ควบคู่ไปกับการเป็นนักลงทุน 

วิธีคิดใหม่ของ “พลภัทร จันทร์วิเมลือง” หนึ่งในบอร์ดด้านการลงทุน บริษัท ดิแอตติจูด วัน จำกัด หรือที่รู้จักในฐานะอดีตผู้บริหาร และหนึ่งในสามผู้ก่อตั้ง “วุฒิศักดิ์ คลินิก” ที่ยอมขายหุ้นในวุฒิศักดิ์ฯ ให้กับกลุ่มทุนใหม่ “อี ฟอร์แอลเอ็ม” ทั้งที่ธุรกิจยังสดใส

  “ถ้าผมไม่เลิกทำ ผมคงหงอกเต็มหัว (หัวเราะ) ถึงจุดหนึ่งผมรู้สึกว่าจะทำงานหนักขนาดนั้นไปทำไม ?  ซึ่งก็แล้วแต่ใครจะคิดอย่างไร แต่ผมคิดแบบนี้ เป้าหมายชีวิตแต่ละคนคืออะไร สำหรับผมๆ มีเงินเท่านี้ พอแล้ว”  พลภัทร ย้อนเหตุการณ์ขายหุ้นทิ้งในขณะที่บริษัทยังทำรายได้ร่วม 4,000 ล้านบาทต่อปี

ก่อนจะเล่าต่อว่า เมื่อก่อนทำงานหนักมาก ไปเที่ยวต่างแดนเมื่อไหร่ เป็นต้องรับโทรศัพท์เป็นสิบสาย ประชุมข้ามโลกผ่านมือถือ day to day operation ยุ่งมาก ทำมา 10 กว่าปี เรารู้เลยว่า เป็นอะไรที่เหนื่อยมาก มีปัญหาให้แก้ทุกวัน สำหรับธุรกิจครั้งใหม่ของเขา คือการผันตัวเป็นนักลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในชื่อ บริษัทดิแอตติจูด 

เจ้าตัวเล่าว่า เป็นธุรกิจที่ "สนใจ" มานาน แม้จะไม่มีความรู้ในธุรกิจนี้มากนัก

  “จริงๆผมจบสถาปัตย์ฯ จบมาทำงานสถาปนิก 2 ปี หลังจากนั้นไม่ได้ทำอีกเลย”

จนมาเจอเพื่อนเก่า สมัยเรียนสถาปัตยกรรมศาสตร์ ที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ชักชวนให้เข้ามาลงทุนในธุรกิจนี้ 

ขณะที่เขาและเพื่อน มีเคมีตรงกัน คือ การไม่ลงทุน “เกินตัว” ทุกอย่างเลยไปได้สวย 

“ธุรกิจสวนใหญ่จะกู้เยอะ แต่ผู้ร่วมทุนของเราจะมีนโยบายชัดเจน ว่าจะไม่ทำอะไรเสี่ยง เพราะถ้ามีเหตุการณ์คาดไม่ถึง ต้องเสียที่ดิน เสียทรัพย์สินที่พัฒนาไปแล้ว ดังนั้นเงินหุ้นส่วนทั้งหมด จะต้องครอบคลุมหนี้สินที่มี"

กลายมาเป็นวิสัยทัศน์ธุรกิจใหม่ สเต็ปแรก คือ การตั้งบริษัท ซันแคปปิตอลวัน ซึ่งเป็นบริษัทรองรับการลงทุน และร่วมทุนกับ บริษัท ดิแอตติจูดคลับ ตั้ง บริษัท ดิแอตติจูดวัน ทุนจดทะเบียน 150 ล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 50% เท่ากัน เพื่อลุย 2 โปรเจคใหม่ “Saturday attitude one” คอนโดมิเนียมโลวไรซ์ 119 ยูนิต และโครงการบ้านเดี่ยว “โมโน พูลวิลล่า” จำนวน 39 ยูนิต โดยทั้ง 2 โครงการตั้งยู่ที่จังหวัดภูเก็ต มูลค่าโครงการราว 1,100 ล้านบาท 

“สำหรับโครงการ Saturday attitude one ยอดขายคืบหน้ากว่า 80% แล้ว ส่วนวิลล่า จะสร้างเมื่อยอดจองเข้ามา”

ขณะที่แผนการลงทุนระยะยาว เขาเล็งพัฒนาโครงการใหม่เจาะหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพทั้ง เชียงใหม่ เชียงราย อุดรธานี พัทยา ฯลฯ รวมถึงยังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการโรงแรมในแหล่งท่องเที่ยว ก่อนจะดึงเครือข่ายโรงแรมดัง(เชน)เข้ามาบริหารเพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจ

“ตามเป้าหมาย อยากเปลี่ยนตัวเองจากนักบริหารทำงานรายวัน มาเป็นนักลงทุน นี่คือความท้าทาย และในแง่นักลงทุน ต้องการผลตอบแทน ถ้าเงินที่ลงไปได้ผลตอบแทนกลับมา 15% ถือว่าแฮปปี้แล้ว และไม่ขอเสี่ยงมากด้วย”

อีกคนที่คอยเคียงข้าง พลภัทรมาตลอดเมื่อครั้งดูแลวุฒิศักดิ์ คลินิก มาด้วยกัน คือ “ปุญญาพร ธนัชชวลัย” กรรมการบริหาร บริษัท ดิแอตติจูด วัน จำกัด อดีตรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิกอินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด ที่สุดท้ายก็ผันตัวเองออกจากวุฒิศักดิ์ แม้ว่าธุรกิจในขณะนั้น จะมีสาขามากถึง 120 แห่งทั่วไทย และ 12 สาขา ใน 4 ประเทศ 

ถามว่าเสียดายโอกาสและศักยภาพในการทำเงินหรือไม่ เธอบอกว่า เหนื่อยแล้ว และภูมิใจที่ร่วมกันสร้างตำนานวุฒิศักดิ์ คลินิกที่ปฏิวัติวงการความงามในประเทศไทย

กับการออกมาทำธุรกิจอสังหาฯ เพราะเห็นว่าธุรกิจมี “มูลค่าเพิ่ม” อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นราคาที่ดิน หรือที่อยู่อาศัย แม้ว่าตลาดอสังหาฯเวลานี้ที่ค่อนข้าง “ชะลอตัว” แม้กระทั่งภูเก็ตเองแต่เธอยังมั่นใจใน “ไข่มุกอันดามัน” แห่งนี้ ยังเป็นตลาดที่น่าสนใจของนักลงทุน และขายได้ด้วยตัวเอง

ขณะที่การพัฒนาอสังหาฯ เธอไม่ได้รุกขยายโครงการมากนัก แต่พัฒนาเป็นขั้นๆ เลือกลงทุนในโครงการที่น่าสนใจจริงๆ จากนั้นให้มืออาชีพมาขับเคลื่อนธุรกิจ โดยเธอและพลภัทร จะคอยกุมบังเหียนอยู่เบื้องหลัง

"จากทำธุรกิจความงามจนประสบความสำเร็จ เมื่อลุยธุรกิจใหม่ ความท้าทายต่างกันมาก ยุคเริ่มวุฒิศักดิ์บริษัทไม่มีอะไรเลย หัวใจต้องเต้น ลุ้นเต็มที่ให้เติบโต แต่วันนี้เป้าหมายใหม่ต้องการความมั่นคง” ปุญญาพร ทิ้งท้าย