QTC - ซื้อ

4Q58 คาดบริษัทมีกำไรสุทธิ New High รอบ 2 ปี
ประเด็นสำคัญในการลงทุน :
- 4Q58 คาดบริษัทมีกำไรสุทธิ New High รอบ 2 ปี : 3Q58 บริษัทมีกำไรสุทธิ 46 ล้านบาทพลิกจากขาดทุน 17 ล้านบาทใน 3Q57 ฝ่ายวิจัยคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทยังคงเติบโตต่อเนื่องจากการเร่งซื้อสินค้าให้ทันช่วงปลายปีจากกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ต้องดำเนินการเชิงพาณิชย์ให้แล้วเสร็จภายในปีนี้รวมถึงบริษัทได้รับงานจากภาครัฐที่เพิ่มเข้ามาหลังจากความไม่สงบทางการเมืองคลี่คลาย นอกจากนี้ในปีนี้บริษัทยังคงได้รับผลบวกจากต้นทุนวัตถุดิบที่มีราคาถูกลงหลังจากราคาน้ำมันปรับลดลงส่งผลให้สินค้าหลายอย่างปรับตัวลงเช่นกัน ทำให้คาดว่าบริษัทจะมีกำไรสุทธิปีนี้ราว 99 ล้านบาทเติบโต 80%YoY
- ปี 59 ผู้บริหารตั้งเป้าสร้างรายได้ 1,200 ล้านบาท : ผู้บริหารคาดว่าปี 59 บริษัทจะสร้างรายได้ราว 1,200 ล้านบาทซึ่งใกล้เคียงกับประมาณการของฝ่ายวิจัยที่ 1,250 ล้านบาท แม้ว่ารายได้รอการรับรู้ ณ สิ้นเดือนพฤศจิกายนจะมีเพียง 385 ล้านบาทและคาดว่าจะเหลือเพียง 100 ล้านบาท ณ สิ้นปี โดย 1H59 คาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญตามฤดูกาลเนื่องจากการไฟฟ้าภูมิภาคจะเปิดประมูลช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค.มูลค่าราว 2,000 ล้านบาทและการไฟฟ้านครหลวงจะเปิดประมูลช่วงมี.ค.-พ.ค.มูลค่าราว 1,500 ล้านบาท ซึ่งทำให้ 1H59 บริษัทจะยังไม่มีการส่งมอบสินค้าใดๆมากนัก โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถได้รับงานราว 10% จากมูลค่าทั้งหมด ฝ่ายวิจัยคาดว่าบริษัทจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งอีกครั้งในช่วง 2H59 จากแรงหนุนออเดอร์จากประเทศญี่ปุ่นหลังมาตรฐานสินค้าเข้าเกณฑ์การจัดซื้อและคาดว่าจะสามารถส่งออกไปยังต่างประเทศได้มากขึ้นจากการเปิด AEC ที่ช่วยลดข้อกำจำกัดต่างๆ รวมถึงงานจากภาคเอกชนที่ผู้บริหารมองว่ากลุ่มคอนโดมิเนียมและโรงงานยังคงมีการเติบโตรวมถึงการส่งมอบงานหลังจากการประมูลในช่วงต้นปีซึ่งจะช่วยให้รายได้เป็นไปตามเป้าโดยคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59 เท่ากับ 116 ล้านบาทเติบโต 17%
- ยังไม่มีความชัดเจนในการเพิ่มสภาพคล่องหลักทรัพย์ : ปัญหาในเรื่องหลักทรัพย์ไม่มีสภาพคล่องนั้นผู้บริหารยังไม่มีความชัดเจนและอยู่ระหว่างการศึกษาวิธีการเพิ่มสภาพคล่อง ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ที่จะใช้การเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น หรือการจ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญ ซึ่งคาดว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้นมากนัก
- คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 59 เท่ากับ 7.00 บาท : แม้ว่าในปี 59 บริษัทจะเผชิญความเสี่ยงหากราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นตาม แต่การใช้กลยุทธ์ Cost Plus ทำให้มองว่าบริษัทจะสามารถทำกำไรได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยราคาเหมาะสมสำหรับปี 59 ซึ่งประเมินจากวิธี PER ที่ 12 เท่าและ EPS ปี 59 ที่ 0.58 ได้เท่ากับ 6.95 บาทสูงกว่าราคาปิดปัจจุบัน ฝ่ายวิจัยจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”







