ยุทธการไต่ภูสูง“บางกอกแร้นช์” มือหนึ่งเป็ด Global

ยุทธการไต่ภูสูง“บางกอกแร้นช์” มือหนึ่งเป็ด Global

30 ปีล้มแล้วลุกของ “บางกอกแร้นช์”ผู้ส่งออกเป็ดแปรรูปไปอีกหลายสิบประเทศทั่วโลก วันนี้ธุรกิจมาผงาดอีกครั้งกับเป้าขอเป็นเบอร์นำธุรกิจเป็ดโลก

ขอเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจเป็ดครบวงจรโลก !!

คืออีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ ของ โจเซฟ สุเชาว์วณิช รองประธานกรรมการ และกรรมบริหารภาคพื้นเอเชีย และเอเชียแปซิฟิค บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) นักธุรกิจชาวฮ่องกงวัย 62 ปี ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมผลิตเป็ดพรีเมี่ยมป้อนให้กับแบรนด์ดัง อย่างร้านเป็ดย่าง โฟร์ซีซัน และร้านเอ็มเค สุกี้ ไม่นับการส่งออกเนื้อเป็ดแปรรูป ไปกว่า 20 ประเทศทั่วโลก

หลังอดีตเถ้าแก่ผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเป็ดครบวงจรผู้นี้ เคยเจ็บหนักจากพิษวิกฤติต้มยำกุ้งชามร้อน การลอยตัวค่าเงินในปี 2542 จนต้องผันตัวเองจากเจ้าของธุรกิจ มาอยู่ในฐานะ “มือปืนรับจ้าง”บริหารบริษัทให้แห่งนี้ ให้กับนาวิส เอเชีย ฟันด์ นานกว่า 12 ปี 

กระทั่งปี 2555 โจเซฟ และผู้บริหารอื่นๆ สามารถพลิกฟื้นธุรกิจ บวกกับได้รับแรงหนุนจากสถาบันการเงินและนักลงทุน จนซื้อคืนกิจการนี้จากกองทุนดังกล่าว ได้สำเร็จ  

ถือเป็น “ด่านแรก” ของชัยชนะ ที่ยังไม่จบแค่นั้น  

“แผนการ” ที่ใหญ่กว่าการทวงคืนกิจการ  นั่นคือ การกำลังขับเคลื่อนองค์กร สู่การเป็นผู้ผลิตเป็ดครบวงจรในระดับโลก (โกลบอล เพลย์เยอร์) ในระยะ 10 ปีจากนี้

บนเป้าหมายผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น “10 เท่า” จากยอดขาย 8,484 ล้านบาทในปี 2557  ถึงปี 2567 บริษัทแห่งนี้ต้องมียอดขายไม่ต่ำกว่า 8 หมื่นล้านบาท

เริ่มจาก การนำบริษัทกลับมา“ระดมทุน” ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดซื้อขายเมื่อ 15 ก.ค.2558 เพื่อขยายธุรกิจ 

ประเดิม ด้วยการสร้างโรงงานแห่งใหม่ที่จังหวัดสระแก้ว ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ ด้วยเงินลงทุน 1,400 ล้านบาท เพื่อดันกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น “เท่าตัว” จากโรงงานเดิมที่อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่ปัจจุบันเดินเครื่องเต็มกำลังการผลิตเป็ดที่ 22 ล้านตัวต่อปี

ตามแผนโรงงานแห่งใหม่พร้อมที่จะเดินเครื่องผลิตในปี 2559  

โจเซฟ ยังระบุว่า เหตุผลของการ “เลือกทำเล” ตั้งโรงงานครบวงจรแห่งใหม่ ในจังหวัดสระแก้ว ก็เพื่อดักความต้องการของตลาดอาเซียน 10 ประเทศ ที่จะรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี อย่างเป็นทางการในต้นปี 2559 

โดยเฉพาะตลาดซัพเซ็ทในอาเซียน อย่าง “ซีแอลเอ็มวี” เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งประเมินว่า ตลาดเออีซี จะปั้นความมั่งคั่งให้กับบริษัท จากยอดขายในตลาดนี้ที่จะเพิ่มขึ้นจากสัดส่วน 10% เป็น 30% ในอนาคต

นอกจากนี้ เขายังมองเลยไปถึงการขยายโอกาสตลาดใน “อินโดนีเซีย” ประเทศที่มีประชากรมากกว่า 300 ล้านคน มากกว่าประชากรในไทยเกือบ เกือบ 5 เท่า  ใน 2 ทางเลือก ระหว่าง การสร้างโรงงาน กับการส่งออกจากฐานการผลิตในไทย

“หากบางประเทศติดอุปสรรคการค้าก็ต้องมองข้ามช็อท ไปตั้งโรงงานประเทศนั้นๆ อย่าง อินโดนีเซีย ประชากรมีหลายร้อยล้านคน แต่ไม่น่าเชื่อว่ายังไม่มีโรงงานผลิตเป็ดครบวงจร โดยถ้าเราจะสร้างโรงงานที่นั่นกำลังการผลิตจะต้องมากกว่าในไทย 2 เท่าตัว” โจเซฟวาดหวัง

 ตลาดใหญ่ที่รอโอกาสเพิ่มยอดขายอีกหลายเท่าตัว หนีไม่พ้น “ตลาดจีน” จากขนาดประชากรกว่า 1,300 ล้านคน เป็นประเทศที่บริโภคเป็ดเป็นจำนวนมาก แต่ยังมีอุปสรรค จากมาตรการในจีนที่เน้นปกป้องผู้ผลิตในประเทศ โดยปัจจับันบริษัทอยู่ระหว่างหาเหลี่ยม มุม เพื่อเจาะเข้าไปทำตลาดนี้ 

ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ยังมีโอกาสเพิ่มตลาดได้ด้วยการส่งออก อาทิ ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่จะโฟกัสประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างดี โดยที่ผ่านมาจะเขาไปขยานตลาดในกลุ่ม “ร้านอาหาร และโรงแรม”

ขณะที่ลูกค้าตลาดเดิม ในทีวีปยุโรป จะเน้นไปที่ 3 ประเทศ ได้แก่ อังกฤษ เยอรมนี และญี่ปุ่น ที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ เช่นเดียวกับตลาดญี่ปุ่น ที่เป็นอีกหนึ่งตลาดหลักในการส่งออก โดยจะเพิ่มผลิตภัณฑ์ส่งออกมากขึ้ เช่น ผลิตภัณฑ์สินค้าปรุงสุก และพร้อมรับประทาน เป็นต้น 

ทั้งหมด คือการฉายภาพในการปักธงต่างแดน สานฝันผู้บริหารในระยะ 10 ปีจากนี้ ทั้งการบุกตลาดใหม่ และการขยายฐานในตลาดดั้งเดิม   

--------------------------------

จากขนเป็ด สู่ 30 ปี

ผู้บุกเบิกเป็ดครบวงจร

เรียกได้ว่าบริษัทบางกอกแร้นช์ คือผู้บุกเบิกอุตสาหกรรมเป็ดรายแรกในเมืองไทย ในยุคที่ยังไม่มีใครพัฒนาธุรกิจเป็ดครบวงจร

"โจเซฟ" เล่าว่า ธุรกิจเป็ดเนื้อครบวงจร เกิดขึ้นโดยความบังเอิญ หลังจากเขาเดินทางจากฮ่องกงมาเมืองไทยเพื่อต้องการฟาร์มเป็ดในไทย เพื่อส่ง “ขนเป็ด” ป้อนให้กับบริษัทผลิตเสื้อขนเป็ด ซึ่งเป็นกิจการของผู้พ่อ

ทว่า ไม่เพียงได้ขนเป็ดกลับไป แต่กลายเป็นการได้ “ไอเดีย” ต่อยอดธุรกิจ “รุก” สู่ธุรกิจเป็ดครบวงจรรายแรกในไทย เมื่อปี 2527 (30ปีที่แล้ว) 

จนปัจจุบันธุรกิจจำแนกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจอาหารสัตว์ (Feed) ได้แก่ การผลิตอาหารสัตว์เพื่อใช้ในการเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์เป็ด  

ธุรกิจฟาร์มพ่อแม่พันธุ์ (Parent Stock Farm) ได้แก่ การเลี้ยงและขยายพันธุ์เป็ดเนื้อจากไข่ของพ่อแม่พันธุ์เป็ด

ธุรกิจโรงฟัก (Hatchery) ได้แก่ การฟักไข่เป็ดเพื่อเลี้ยงเป็นเป็ดเนื้อของบริษัทฯ 

ธุรกิจฟาร์มเลี้ยงเป็ดเนื้อ (Commercial Farm and Contract Farm) ได้แก่ การเลี้ยงเป็ดเนื้อในฟาร์มเลี้ยงเป็ดของบริษัทฯ (Commercial Farm) และฟาร์มเลี้ยงเป็ดของเกษตรกรคู่สัญญาผ่านระบบเกษตรแบบพันธะสัญญา (Contract Farming) 

และธุรกิจโรงงานชำแหละและแปรรูป (Slaughterhouse and Food Processing)

เขา ยังเผยกลยุทธ์การบริหารธุรกิจตลอด 30 ปี ว่า ยึดไว้ 3 คำ คือ “ทำงานหนัก-อดทน และไม่ยอมแพ้” เพราะเชื่อว่าหลังวิกฤติจะมาพร้อมโอกาสที่มากกว่าเดิม ต้องใช้ปัญหาเป็นบทเรียนรู้ เพราะทุกธุรกิจต้องเผชิญปัญหาบางธุรกิจผ่านสถานการณ์วิกฤติไม่ได้ก็ต้องยอมล้ม       

หากเราไม่ต้องการล้มเราก็ต้องเรียนรู้ที่จะหลุดจากวิกฤติให้ได้ !

“เมื่อเจอวิกฤติอย่าพูดคำว่ายอมแพ้ ทำงานให้หนัก อยู่กับธุรกิจต่อเนื่อง ในหัวต้องคิดถึงแต่โอกาสที่คนอื่นมองไม่เห็น แต่เรามองเห็น”

เรียนรู้ และปรับปรุงวิธีการทำธุรกิจให้ดีขึ้น ที่สำคัญต้องอยู่กับ “สิ่งที่เราถนัด” สำหรับเขาคือ “เป็ด” แล้วทุกอย่างจะดีขึ้น เขาเชื่อเช่นนั้น 

--------------------------------------

คิดแบบนิช

ผลิตบนไลน์อุตสาหกรรม

ที่ผ่านมา โจเซฟ สุเชาว์วณิช รองประธานกรรมการและกรรมบริหารภาคพื้นเอเชีย และเอเชียแปซิฟิค บริษัท บางกอกแร้นช์ จำกัด (มหาชน) บอกเล่าถึงสไตล์การบริหารงานว่า จะบริหารงานเป็นขั้นเป็นตอน “สเต็ป บาย สเต็ป” ตลอด 30 ปีของการดำเนินธุรกิจ จากการผลิตเป็ด ต่อยอดไปสู่การตลาด และดึงพันธมิตรในอุตสาหกรรมเป็ด อันดับหนึ่งในยุโรป 

อุตสาหกรรมเป็ดของโจเซฟ จึงก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตระดับพรีเมี่ยม เขามองว่า เป็นไลน์การผลิตอุตสาหกรรมที่ทำสินค้าพิเศษ ขนาดมาตรฐานจากโรงงาน เป็นสินค้านิชมาร์เก็ต แบบพิเศษ ที่ชิ้นส่วนเป็ดจะมีขนาดเท่ากันทุกชิ้น หรือ ผลิตตามความต้องการลูกค้า หากลูกค้าต้องการสินค้าเฉพาะ อก ปีก สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามคำสั่งซื้อ

สำหรับอันดับในตลาดโลก “โจเซฟ” ระบุว่า บางกอกแร้นช์ ถือเป็น 1 ใน 5  ของกลุ่มประเทศที่มีกำลังการผลิตเป็ดในระดับโลก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา บราซิล จีน และฝรั่งเศส

โดยปัจจุบันคู่แข่งทั้ง 5 ประเทศ แข่งกันครองพื้นที่การตลาดของตัวเอง มีการกีดกันการค้ากันเอง ไทยจึงไม่สามารถส่งออกไปประเทศคู่แข่งได้ เช่นเดียวกันกับคู่แข่งในประเทศยักษ์ใหญ่ผลิตเป็ด ก็ไม่สามารถส่งสินค้ากลับมาจำหน่ายตลาดไทยได้เช่นกัน 

แต่ละประเทศจะมีกฎระเบียบที่ปกป้องอุตสาหกรรมของตัวเอง อาทิ มาตรการสุขอนามัย เป็นต้น

บางกอกแร้นช์ ถือว่าเป็นเบอร์หนึ่งในการผลิตเนื้อเป็ด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง และมีเครือข่ายทั่วโลก “โจเซฟ” บอกเช่นนั้น 

โดยสิ่งที่บางกอกแรนช์แตกต่างจากกลุ่มธุรกิจเป็ดทั่วไป คือ ความเป็นสินค้าพรีเมียม มีแบรนด์ กลายเป็นจุดแข็งในการป้อนสินค้าเป็ดจากโรงงานไปสู่กลุ่มธุรกิจร้านโฮเรก้า ทั้ง ภัตตาคาร ร้านอาหารและโรงแรม แบรนด์ดังระดับโลก เช่น โฟร์ซีซัน (Four Seasons) ในสาขาประเทศไทย สิงคโปร์ และอังกฤษ บางแห่ง

“มีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนซัพพลายจะบางกอกแร้นช์ ให้เติบโตไปพร้อมกับการขยายสาขาโฟร์ ซีซันส์ รวมถึงร้านโฟร์ซีซันส์ในจีนมีถึง 50 สาขา ที่ยังมีปกป้องผู้ผลิตเป็ดในประเทศ ทำให้ยังไม่สามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ โดยเชื่อว่าหากจีนเปิดกว้างในการนำเข้าเป็ดจากต่างประเทศมากขึ้น จะป็นโอกาสที่บางกอกแร้นช์จะเข้าไปเปิดตลาด”

นอกจากนี้ ยังมี ร้านเอ็มเคสุกี้ และ เชฟแมน ที่ใช้เป็ดจากบางกอกแร้นช์ ซึ่งเป็นกลุ่มภัตตาคารที่กำลังเติบโต จึงมีโอกาสที่ธุรกิจของบริษัทจะเติบโตตามไปด้วย เช่นเดียวกัน ตลาดในกลุ่มช่องทางการขายดั้งเดิม ที่มีสัดส่วน 30% ก็กำลังขยายไปในต่างจังหวัดมากขึ้น

โดยกลยุทธ์จะเน้นจำหน่ายผ่าน 3 ช่องทางหลัก คือ โฮเรก้า ค้าส่ง และค้าปลีกไฮเปอร์มาร์เก็ตมากขึ้น เจาะกลุ่มผู้บริโภครายย่อย ที่มีการจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์  “Dalee” และ “บางกอกเร้นช์” รวมถึง “BR Ready Meal” กลุ่มผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทาน อาทิ เป็ดปักกิ่ง บะหมี่เป็ด รวมถึงเนื้อเป็ดแปรรูป เป็นต้น

ลูกค้าของบางกอกแร้นช์ มักจะมีคำสั่งซื้อสินค้าที่แตกต่างกัน  ดังนั้นโรงงานต้องพร้อมเดินเครื่องผลิตตามสเป็คของลูกค้า ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นพันธมิตรกันมายาวนานมากกว่า 10 ปี เพราะวิธีการวางไลน์การผลิตไม่ใช่เพียงแค่ผลิตตามโรงาน แต่ผลิตตามที่ออกแบบร่วมกับลูกค้า

“เราเน้นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูง เราเป็นผู้บุกเบิกในการซัพพลายสินค้าตามความต้องการของลูกค้า เลือกได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งพิมพ์เมนูให้กับลูกค้า หรือคิดผลิตภัณฑ์อาหารคู่กับเป็ด เช่น พัฒนาเส้นบะหมี่สำเร็จรูป ให้กับโฟร์ซีซัน”