Daily Market Outlook (9 ธ.ค.58)

Daily Market Outlook (9 ธ.ค.58)

กังวลเศรษฐกิจโลกและราคาน้ำมันแย่กดดัน

หุ้นไทยวันนี้น่าจะร่วงต่อวันนี้ตามการปรับตัวลงของตลาดหุ้นภูมิภาคเช้านี้ เนื่องจากราคาน้ำมันดิบอ่อนแอมากใกล้จุดต่ำสุดในรอบ 7 ปีและตัวเลขการค้าของจีนที่แย่กดดันหุ้นพลังงานและโภคภัณฑ์ รวมถึงกระตุ้นความกลัวเศรษฐกิจซบเซาอีกครั้งด้วย อย่างไรก็ดีน่าจะเป็นลบจำกัดเพราะมีแรงซื้อจาก RMF/LTF เพื่อลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี


หุ้นเด่นวันนี้: SCC (ราคาปิด 438.00 บาท; NR; ราคาเป้าหมาย Bloomberg 577.15 บาท)

ผลการดำเนินงานของ SCC จากนี้ไปจะถูกขับเคลื่อนโดยธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่จะกลับมามีความโดดเด่นอีกครั้งจากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีความชัดเจนขึ้นอย่างเป็นลำดับจากทั้งโปรแกรม PPP Fast Track การจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure Fund) รวมถึงล่าสุดที่คณะรัฐมนตรีอนุมัติโครงการเมกะโปรเจคจำนวนทั้งสิ้น 20 โครงการ มูลค่าการลงทุนกว่า 1.80 ล้านล้านบาท ในขณะเดียวกันผลการดำเนินงานของธุรกิจปิโตรเคมียังคงแข็งแกร่งและจะช่วยสร้างฐานกำไรที่มั่นคงให้กับ SCC ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่พบว่ Spread ราคาผลิตภัณฑ์ HDPE-Naphtha ในภูมิภาคปัจจุบันยังสามารถยืนในระดับ 700 ดอลลาร์ฯ ต่อตันได้ สะท้อนถึงความต้องการใช้ในภูมิภาคที่แข็งแกร่ง ประมาณการอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิของ SCC ปีนี้สูงถึง 31% ก่อนจะขยายตัวลดลงเป็น 6% ในปี 2559 อ้างอิงจากการสำรวจของ Bloomberg ราคาหุ้นปัจจุบันซึ่งซื้อขายที่ระดับ PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลังในอดีต 5 ปีอยู่ราว 2.0 S.D. ประกอบกับอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่น่าสนใจที่ 4.0% ในปีหน้าเชื่อว่าสะท้อน Downside ที่จำกัดของราคาหุ้นได้ในระดับหนึ่ง

ปัจจัยสำคัญ

ประเด็นในประเทศ:

• อนุมัติสายสีส้มครม.วานนี้ได้เห็นชอบโครงการพัฒนารถไฟฟ้าใต้ดินสายสีส้มเชื่อมสถานีศูนย์วัฒนธรรมไปสู่มีนบุรีวงเงิน 9.5 หมื่น ลบ. คาดเริ่มกระบวนการประมูลราวกลางปีหน้าและเดินรถในปี 65 รัฐบาลเชื่อว่าจะช่วยเพิ่ม GDP ในปี 59 ได้ราว 1% (Bangkok Post)

• ญี่ปุ่นร่วม SPV ทวายครม. พึ่งเห็นชอบข้อเสนอของ ก.คลังให้รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมถือหุ้นในนิติบุคคลเฉพาะกิจ (SPV) ในการบริหารท่าเรือน้ำลึกในพม่าและเขตเศรษฐกิจพิเศษในทวาย ปัจจุบันรัฐบาลไทย-พม่าถือหุ้นอยู่ 50% ใน SPV เมื่อญี่ปุ่นเข้ามาร่วมก็จะแบ่งเป็นฝ่ายละ 33.33% ของหุ้นทั้งหมด (The Nation)

• การจัดอันดับประเทศใน ICT Development Index ที่สูงขึ้นจากการขยาย 4G ในประเทศกสทช. ประเมินว่าไทยจะสามารถได้รับการจัดอันดับประเทศใน ICT Development Index สูงขึ้นมาอยู่ลำดับที่ 60 ได้ในปี 2560 จากปัจจุบันซึ่งอยู่ที่อันดับ 74 ในบรรดา 167 ประเทศ และจะขึ้นมาเป็นอันดับสองเป็นรองเพียงแค่สิงคโปร์ โดยทั้งนี้ได้แรงหนุนจากการขยายระบบเครือข่าย 4G ในประเทศ ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิตอล (Bangkok Post)

• กฎหมายปิโตรเลียมที่ต้องล่าช้าออกไปอีก ครม. ตัดสินใจให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทบทวนร่างพ.ร.บ.ปิโตรเลียมและร่างพ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียม หลังจากที่ยังคงมีประเด็นความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนและประชาชนที่ยังไม่สามารถคลี่คลายได้ (Bangkok Post)

• CCETประกาศยอดขายเดือน พ.ย.ที่ 1.188 หมื่น ลบ. ลดลง 11.3% เทียบเดือนก่อนและ 27.1% เทียบปีก่อน (SET)

ต่างประเทศ:

• ราคาน้ำมันและข้อมูลของจีนมีผลต่อตลาด: ราคาน้ำมันดิบเกือบแตะระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี หลังจากราคาน้ำมันดิบสหรัฐลดลงต่ำกว่า 37 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลและราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงต่ำกว่า 40 ดอลลาร์สหรัฐเป็นครั้งแรกนับแต่ต้นปี 52 เนื่องจากความกลัวว่าผู้ผลิตน้ำมันของโลกจะผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้นในภาวะที่ตลาดอิ่มตัว ข้อมูลที่ประกาศเมื่อคืนว่ายอดการนำเข้าของจีนลดลงเป็นเดือนที่ 13 ติดต่อกัน ยิ่งเติมเชื้อความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวทั่วโลกและกดราคาสินค้าโภคภัณฑ์ให้ต่ำลงไปอีก (Reuters)

• ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบเงินสกุลหลักอื่น ๆ แต่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่มีความสัมพันธ์กับราคาน้ำมัน ความกังวลจากปริมาณน้ำมันล้นตลาดทำให้สกุลเงินของผู้ส่งออกน้ำมันอ่อนค่าลง โดยดอลลาร์แคนาดาและนอร์วีเจียนโครนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบทศวรรษเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ แต่ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเทียบกับเงินยูโรและเงินเยน อย่างไรก็ตาม ดัชนีค่าเงินดอลลาร์ซึ่งวัดค่าเงินดอลลาร์เทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลปิดล่าสุดลดลง 0.17% อยู่ที่ 98.488 จุด (Reuters)

สหรัฐ:

• ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐปิดลดลงเมื่อวันอังคาร ถูกกดน้ำหนักจากตัวเลขการค้าที่อ่อนแอของจีน ส่วนราคาน้ำมันร่วงลงต่ำสุดของวันหลังจากร่วงลงอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 7 ปี (Reuters)

ยุโรป:

• ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงเมื่อวันอังคาร เนื่องจากราคาหุ้นในกลุ่มเหมืองแร่นำตลาดลงจากราคาหุ้นของ Anglo American ที่ลดลงทำสถิติใหม่ และดัชนีสำคัญอันหนึ่งของยุโรปลดลงต่ำสุดในรอบ 6 สัปดาห์ (Reuters)

เอเชีย:

• การค้าของจีนยังคงอ่อนแอในเดือนพ.ย. ยอดการส่งออกลดลง 6.8% YoYต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 5 ส่วนยอดการนำเข้าร่วงลง 8.7% ลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 13 นักเศรษฐศาสตร์ได้คาดการณ์ก่อนหน้าว่ายอดการส่งออกจะลดลง 5.0% น้อยกว่าเดือนต.ค. ที่ลดลง 6.9% ส่วนยอดการนำเข้าคาดว่าจะลดลง 12.6% หลังจากมีการร่วงลงอย่างน่าตกใจที่ 18.8% ในเดือนต.ค. อย่างไรก็ตาม จีนยังมีการเกินดุลการค้าสูงมากซึ่งเท่ากับ 5.41 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในเดือนพ.ย. ถึงแม้ว่าจะลดลงจากเดือนต.ค.ซึ่งถูกบันทึกสถิติสูงสุดที่ 6.164 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ (Reuters)

• ยอดการสั่งซื้อเครื่องจักรของญี่ปุ่นขึ้น 10.7% ในเดือนต.ค. และเป็นการได้กำไรเป็นเวลา 2 เดือนติดต่อกัน ซึ่งเป็นสัญญาณของการฟื้นตัวที่ล่าช้าในการลงทุนภาคธุรกิจ จากโพลของรอยเตอร์ก่อนหน้านี้ นักเศรษฐศาสตร์คาดตัวเลขจะลดลง 1.5% และตามมาด้วยกำไร 7.5% ในเดือนก.ย. ซึ่งเป็นตัวเลข MoMแรกที่เพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขยอดสั่งซื้อ YoYซึ่งไม่รวมเรือและไฟฟ้าปรับขึ้น 10.3% ในเดือนต.ค. ในขณะที่นักวิเคราะห์คาดการเติบโตแค่ 1.4% ก่อนหน้านี้(Reuters)

สินค้าโภคภัณฑ์:

• ราคาทองบวกวันอังคาร จากการที่ดอลลาร์อ่อนลงเล็กน้อยและหุ้นทั่วโลกร่วง แม้การคาดการณ์ว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยสัปดาห์หน้ายังจำกัดขาขึ้นอยู่ ทองคำตลาดจรสหรัฐขึ้น 0.3% มาอยู่ที่ระดับ 1,073.18 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ทองคำตลาดจรสหรัฐล่วงหน้าส่งมอบ ก.พ. ปรับขึ้น 10 เซนต์มาอยู่ที่ระดับ 1,075.30 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ (Reuters)

• น้ำมันร่วงต่อวันอังคาร สู่จุดต่ำสุดใหม่นับแต่วิกฤติการเงินปี 2009 เนื่องจากอุปทานล้นเกินสร้างความกังวลต่อโลกว่าจะไม่มีที่เก็บน้ำมัน น้ำมันดิบสหรัฐลด 6 เซนต์ ปิดที่ 37.59 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังจากร่วงแตะจุดต่ำสุดที่ 36.64 ดอลลาร์ในระหว่างวัน Brent ลง 51 เซนต์ปิดที่ 40.23 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล หลังแตะ 39.81 ดอลลาร์ในระหว่างวัน (Reuters)