STANLY - ซื้อ

STANLY - ซื้อ

ฟื้นตัวตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2559 (ต.ค.-มี.ค. 2559)เป็นต้นไป

ประเด็นการลงทุน

เราได้เข้าร่วมประชุมกับทาง STANLY โดยมีประธานบริษัทคุณ อภิชาติ ลี้อิสสระนุกกูลร่วมให้ข้อมูลในการประชุมดังกล่าวได้ปรับมุมมองอุตสาหกรรมยานยนต์ว่าจะดีขึ้นในช่วงเดือนต.ค ถึง มี.ค. 2559 (ครึ่งหลังปี 2559) และรวมถึงปีหน้า โดยมุมมองเชิงบวกของคุณ อภิชาติ รวมทั้งการเติบโตของยอดขายในครึ่งแรกปี 2559 ที่ 10% ส่งผลให้เราปรับตัวเลขยอดขายขี้น 5% ในปี 2559 และ 7% ในปี 2560 พร้อมทั้งปรับประมาณการผลประกอบการขึ้น 8% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 1.2 พันล้านบาท (ระหว่างเดือนเม.ย.2558 – มี.ค. 2559)และ 13% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท (ระหว่างเดือนเม.ย.2559 – มี.ค. 2560) ทั้งนี้จากประมาณการผลประกอบการในปี 2559 และ 2560 ที่ปรับตัวขึ้นสะท้อนราคาเป้าหมายของเราที่จะปรับขึ้นไปอยู่ที่ 208 บาท อิงค่า PE ที่ 14 เท่า (+1.0 ของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสูงกว่าค่าเฉลี่ยที่ 10.5 เท่า) ซึ่งยังคงต่ำกว่าจุดสูงสุดของค่า PE ที่ 16 เท่าในปี 2554 (+ 1.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจากค่าเฉลี่ย) ทั้งนี้ เราได้ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จาก “ขาย”

ปรับประมาณการยอดขายปี 2559 มาเติบโต 5-10% จากคงที่หรือปรับตัวลงเล็กน้อย

ผู้บริหารชี้ว่ายอดขายในปี 2559 (ระหว่างเดือนเม.ย.2558 – มี.ค.2559)จะปรับตัวขึ้นไปเติบโตราว 5-10% จากเดิมที่คาดว่าจะคงที่หรือปรับตัวลงเล็กน้อย YoY ซึ่งการปรับตัวเลขครั้งนี้มีปัจจัยหลักจากคำสั่งซื้อใหม่จากโตโยต้า (Fortuner รุ่นใหม่) นิสสัน (Navara รุ่นใหม่) ฮอนด้า (Accord และ Zoomer รุ่นใหม่) และ มิตซูบิชิ (Pajero Sport และ Triton รุ่นใหม่) โดยคำสั่งซื้อใหม่เหล่านี้จะช่วยหนุนยอดขายในช่วง 6 เดือนข้างหน้าถึงปีหน้า เราจึงปรับประมาณการยอดขายปี 2559 ขึ้น 5% YoY มาอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาทและ ปี 2560 ขึ้น 8% YoY มาอยู่ที่ 1.08 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิปรับขึ้น 8% ในปี 2559 มาอยู่ที่ 1.1 พันล้านบาท และ 13% ในปี 2560 มาอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท

อัพไซด์ต่ออัตรากำไรขั้นต้นปี 2559 จากยอดขายที่อาจมากกว่าคาด

โรงงานของ STANLY มีอัตราการใช้กำลังผลิตอยู่ที่ 67% ในครึ่งแรกของปี 2559 จากเดิมที่ 65% ในปี 2558 ในขณะที่โรงงานผลิตที่ 7 มีอัตราการผลิตอยู่ที่ 65% จากเดิมที่ 60% ในปี 2558 โดยผู้บริหารกล่าวว่าคำสั่งซื้อที่กล่าวมาข้างต้นอาจส่งผลให้อัตราการผลิตเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 75-80% ใน 6 เดือนหากกำลังการผลิตอุตสารกรรมยานยนต์สามารถกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ในครึ่งหลังปี 2559 อย่างไรก็ตามเรายังคงใช้ประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นเดิมที่ 16% ในปี 2559 และ 17% ในปี 2560 ในขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสแรกปี 2559 อยู่ที่ 14% และ 16% ในไตรมาสที่สองปี 2559

มีงบลงทุน 2 พันล้านบาทและปราศจากภาระหนี้ 

STANLY ปรับงบลงทุนมาอยู่ที่ 2 พันล้านบาทในปี 2559 จากเดิมอยู่ที่ 1 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 1 พันล้านบาทจากปีที่แล้ว)เพื่อสร้างโรงานใหม่และปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อรองรับอุปสงค์ของลูกค้ารายใหญ่อย่าง ฮอนด้า นิสสัน มิตซูบิชิ และ โตโยต้า ที่เพิ่มขึ้น ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะนำเงินมาจากกระแสเงินสดของกิจการทั้งหมดโดยปราศจากการกู้ธนาคาร โดยปัจจุบันบริษัทมีเงินในมือสุทธิ (Net cash) จำนวน 3 พันล้านบาท และไม่มีภาระหนี้สิน