หลุด 1,400 จุด

หลุด 1,400 จุด

สรุปสภาวะตลาดสหรัฐและยุโรป (22-28 ต.ค. 2558)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวขึ้น DJIA +3.6%, DAX +5.8%, CAC ฝรั่งเศส +4.2% และ FTSE +1.4% เข้าสู่สัปดาห์ของการประชุมธนาคารกลางสำคัญหลายแห่งของโลก ทั้งนี้ตอบรับเชิงบวกเมื่อการประชุม ECB ส่งสัญญาณพร้อมขยายวงเงิน QE ในการประชุมเดือนธ.ค.นี้ รวมถึงธนาคารกลางจีนประกาศลดดอกเบี้ยและ RRR ลงพร้อมกัน นอกจากนี้เฟดมีมติคงดอกเบี้ยที่ 0-0.25% แม้ว่าส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นอัดตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.

สรุปสภาวะตลาดหุ้นจีน (22-29 ต.ค. 2558)

สัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนปรับตัวขึ้น 2.0% หลังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีกเป็นครั้งที่ 6 นับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2557 ของธนาคารกลางจีน จีนประกาศลดดอกเบี้ยลง 0.25% ส่งผลให้ดอกเบี้ยเงินกู้ และเงินฝากระยะเวลา 1 ปี ลดลงเหลือ 4.35% และ 1.50% รวมถึงการปรับลด RRR ลง 50 bps เช่นกัน แม้ว่าจะลดช่วงบวกลงในปลายสัปดาห์จากแรงขายทำกำไรหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี หลังจากที่ปรับตัวขึ้นในในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้ความกังวลต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนเป็นอีกปัจจัยกดดันตลาดหุ้น

สรุปความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยสัปดาห์ที่ผ่านมา (22-29 ต.ค. 2558)

แม้ว่า SET INDEX จะปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,420 จุดระหว่างสัปดาห์ อย่างไรก็ตามแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารและพลังงาน รวมถึงหุ้นขนาดกลางอย่าง SAMART/SAMTEL ปรับตัวลงแรง นอกจากนี้เมื่อการประชุมเฟดส่งสัญญาณว่าจะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค. ส่งผลให้ตลาดหุ้นในภูมิภาคปรับตัวลง รวมถึงตลาดหุ้นไทย SET INDEX ปิดที่ระดับ 1,390.04 จุด ลดลง 25.76 จุด หรือ -1.82% ณ วันที่ 29 ต.ค.

สำหรับทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (30 ต.ค.-5 พ.ย. 2558)

MBKET ลดน้ำหนักการลงทุนลงเป็น “กลาง” ครั้งแรกในรอบ 4 สัปดาห์ จากก่อนหน้า “กลางถึงบวก” แม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะกลับมาเฉลี่ย 4.0-4.5 หมื่นล้านบาท/วันก็ตาม แต่ด้วยภาพรวมของตลาดหุ้นไทย กับ ตลาดหุ้นเกิดใหม่ในเอเชีย เกิดภาวะอ่อนแรงของการฟื้นตัว เราประเมินกรอบแกว่งของ SET INDEX มีโอกาสหลุดแนว 1,400 จุด ลงมาอยู่บริเวณ 1,385-1,415 จุด เนื่องจาก

- ความล่าช้าของการพิจารณา และ อนุมัติ แผนการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานตลอด 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ปัจจัยสำคัญต่อการเรียกความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศลดน้ำหนักลงอีกครั้ง 

- กระแสเงินทุนต่างชาติ กลับมา มีความน่าสนใจในเชิงชะลอตัว หลัง Short สุทธิใน SET50 Index Futures หนาแน่นในช่วงกลางสัปดาห์ กลายเป็นปัจจัยที่กดดันความเชื่อมั่นของนักลงทุนภายในประเทศ

- ภาวะการลงทุนที่ขาดประเด็นการลงทุนใหม่ ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้ตลาดหุ้นทั่วเอเชีย แกว่งผันผวนมากขึ้น

แม้ว่าค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์จะเริ่มทรงตัวดีขึ้น แกว่งระหว่าง 35.30-35.60 บาท/ดอลลาร์ แต่ความไม่ชัดเจนของทิศทางเศรษฐกิจ กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ฉุดความเชื่อมั่นของนักลงทุน

กลยุทธ์การลงทุน เรากลับมาแนะนำ “ขึ้นแรงขาย/ลงแรงซื้อ” หรือ Trading อีกครั้ง แม้ว่าภาพรวมปัจจัยพื้นฐาน แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนตลาดหุ้นไทย ใน 3Q58 จะออกมาเท่ากับคาดเป็นส่วนใหญ่ก็ตาม

ปัจจัยสำคัญอื่นๆ ในสัปดาห์หน้า ได้แก่

1. ติดตามผลการประชุม BoJ วันที่ 30 ต.ค. ณ ปัจจุบัน Bloomberg consensus คาดว่า BoJ จะยังไม่พิจารณาเพิ่มปริมาณเงินในระบบที่กำหนดไว้ Yen80 ล้านล้าน/ปี เพื่อรอดูท่าทีของ ECB/เฟด ในการประชุมนัดสุดท้ายของปีก่อน

2. ติดตามผลการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระหว่างวันที่ 26-29 ต.ค. คาดว่าจะมีการประกาศตัวเลขเป้าหมายทางเศรษฐกิจในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ จนถึงปี 2563 รวมถึงแนวทางการบริหารประเทศ ด้านเศรษฐกิจ จะไปทิศทางใด

3. ติดตามการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ของธปท. วันที่ 30 ต.ค. เราให้น้ำหนักกับภาคการบริโภคภายในประเทศ จะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวได้มากน้อยเพียงใด หลัง ทีมเศรษฐกิจ ได้อัดฉีดสภาพคล่องทางการเงิน ผ่านโครงการกองทุนหมู่บ้าน และ สินเชื่อช่วยเหลือ SMEs ตั้งแต่กลางเดือนก.ย.

4. ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ภาวะการจ้างงานของสหรัฐ/ภาวะการจ้างงาน-อัตราเงินเฟ้อ ของ อียู/ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการ ของอังกฤษ/อัตราเงินเฟ้อ ญี่ปุ่น/ดัชนี PMI ภาคการผลิต-บริการ ของจีน