Thai BMAเผยมูลค่าคงค้างตราสารหนี้เพิ่มขึ้น6.35%

"Thai BMA" เผยมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ 9 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 9.78 ล้านลบ.เพิ่มขึ้น 6.35% ชี้ 9 เดือนมูลค่าการระดมทุนภาคเอกชนลดลง 28%
นายธาดา พฤฒิธาดา กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวถึงภาพรวมของตลาดตราสารหนี้ไทยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 ว่า มูลค่าคงค้าง (Outstanding)ของตลาดโดยรวมเท่ากับ 9.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.35% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่แล้ว โดยประกอบด้วยตราสารหนี้ภาครัฐ 75% และภาคเอกชน 25% ส่วนมูลค่าการซื้อขายเพิ่ม 7%
ทั้งนี้ ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 มีจำนวนผู้ออกตราสารหนี้ภาคเอกชนรวมทั้งระยะสั้นและระยะยาว 274 บริษัทสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แบ่งเป็นระยะสั้น 165 บริษัท และระยะยาว 109 บริษัท
ด้านมูลค่าการระดมทุนของภาคเอกชนผ่านการออกตราสารหนี้ในช่วง 9 เดือนแรก พบว่า ออกตราสารหนี้ระยะยาวเท่ากับ 428,231 ล้านบาทลดลง 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าการออกตราสารหนี้ระยะยาวมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งมีการเติบโตขึ้นตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
" ThaiBMA ยังคงเป้าเอกชนออกตราสารหนี้ระยะยาวปีนี้ 5.2 แสนล้านบาท หลัง 9 เดือนแรกทำได้แล้ว 4.28 แสนล้านบาท และคาดว่ามูลค่าออกตราสารหนี้ระยะยาวภาคเอกชนปีหน้าจะใกล้เคียงปีนี้ที่ 5.2 แสนล้านบาท เนื่องจากบริษัทขนาดใหญ่ระดมทุนไปมากแล้วในปีนี้ ปีหน้าจึงเหลือแต่บริษัทขนาดกลางและเล็ก ซึ่งจะต้องออกตราสารหนี้เพื่อล็อคต้นทุนระยะยาว " นายธาดา กล่าว
ส่วนมูลค่าการระดมทุนของภาคเอกชนผ่านการออกตราสารหนี้ระยะสั้น 9 เดือนแรกเท่ากับ 638,976 ล้านบาท ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ในด้านการลงทุนจากต่างประเทศ (Fund flow) ช่วง 9 เดือนแรกของปี 2558 เงินลงทุนต่างชาติในตราสารหนี้ไทยมียอดค้างลดลง 104,421 ล้านบาท (ประกอบด้วย Net outflow) ในตราสารหนี้ระยะสั้น 68,885 ล้านบาท และตราสารหนี้ระยะยาว 35,535 ล้านบาท) สถานะการถือครองตราสารหนี้รัฐบาลของนักลงทุนต่างประเทศ ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 562,831 ล้านบาท (เมื่อสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 594,115ล้านบาท ลดลง 31,284 ล้านบาท) และการถือครองตราสารหนี้ของธนาคารแห่งประเทศไทย ณ สิ้นไตรมาส 3 อยู่ที่ 15,077 ล้านบาท (เมื่อสิ้นปีที่แล้วอยู่ที่ 58,022 ล้านบาท ลดลง 42,945 ล้านบาท) เป็นผลมาจากการลดการถือครองตราสารหนี้ทั่วโลกจากความกงวลเรื่องการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่เดือนตุลาคม กระแสเงินทุนต่างประเทศเริ่มไหลกลับเข้ามาลงทุนในตราสารหนี้ไทย โดยมียอดซื้อสุทธิรวม 52,182 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นการซื้อสุทธิในตราสารหนี้ระยะสั้นจำนวน 41,183 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าเป็นการเข้ามาพักเงินทุนในช่วงสั้นของนักลงทุนต่างชาติหลังจากการคาดการณ์ต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ล่าสุด ณ วันที่ 12 ตุลาคม เงินลงทุนต่างชาติในตราสารหนี้ในปีนี้ลดลงเพียง 52,239 ล้านบาท
"คาดว่าเป็นการเข้ามาพักเงินทุนในช่วงสั้นของนักลงทุนต่างชาติ หลังจากคาดการณ์ต่อการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเปลี่ยนแปลงไป ประกอบกับกองทุนไทยที่ไปลงทุนต่างประเทศ เมื่อพบว่ามีบางประเทศถูกดาวน์เกรด เงินเลยไหลกลับเข้าลงทุนตราสารหนี้ในไทย " นายธาดา กล่าว




