CHG - ซื้อ

ประเด็นหลักจากโรดโชว์
ประเด็นการลงทุน
เราได้จัดโรด์โชว์สำหรับนักลงทุนภายในประเทศเมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมาโดยได้รับเกียรติจาก CFO คุณวันดี พิศนุวรรณเวช และนักลงทุนสัมพันธ์ ดร. พลสันต์ พลัสสินทร์ จากงานดังกล่าวทำให้เรายังมั่นใจว่า CHG จะเข้าสู่ยุคของผลประกอบการเติบโตอย่างสดใสระหว่างปี 2559-61 เนื่องจากความสามารถในการรองรับบริการที่เพิ่มขึ้นจะเริ่มเห็นผล ทั้งนี้จากหุ้นในกลุ่มการแพทย์ที่อยู่ภายใต้การวิเคราะห์ของเรา CHG จะสามารถมีอัตราการเติบโตของกำไรปี 2559 สูงที่สุดในกลุ่ม โดยหุ้นยังมีมูลค่าการซื้อขายที่ระดับ PER ปี 2559 ที่ 32.3x โดยเรามองว่าหุ้นของบริษัทจะสามารถปรับเพิ่มระดับมูลค่าการซื้อขายขึ้นไปได้ใกล้เคียงกับจุดสูงสุดครั้งก่อนที่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานสูงกว่าค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ (PER ที่ระดับสูงครั้งก่อนประมาณ 41x) เพื่อสะท้อนกำไรที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องกอปรกับอัตราการเติบโตของกำไรที่โดดเด่นในปี 2559
ขยายพื้นที่บริการคาดแล้วเสร็จกลางปี 2559
ความสามารถในการรองรับผู้ป่วยของโรงพยาบาลหลัก 3 แห่งของ CHG ที่เพิ่มขึ้น (โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 และ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11) และโครงการเพิ่มเตียงให้บริการผู้ป่วยใน สำหรับคลีนิค 304 ณ จังหวัดปราจีนบุรีจะแล้วเสร็จกลางปี 2559 โดยพื้นที่ให้บริการเตียงผู้ป่วยในทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นจาก 376 เตียง ณ สิ้นปี 2557 เป็น 548 เตียง (จาก 134 เตียง เป็น 189 เตียงสำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 จาก 100 เตียง เป็น 139 เตียงสำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 จาก 86 เตียง เป็น 134 เตียงสำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 และ เตียงใหม่ 30 เตียง สำหรับคลีนิค 304) ทั้งนี้พื้นที่บริการห้องวินิจฉัยผู้ป่วยนอกจะเพิ่มขึ้นจาก 93 ห้อง เป็น 136 ห้อง (จาก 28 เป็น 40 ห้องสำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 จาก 25 เป็น 39 ห้องสำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 และ จาก 16 เป็น 33 ห้องสำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3) โดย CHG ได้เริ่มเปิดใช้พื้นที่บริการใหม่ของโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ในไตรมาส 1/2558 แล้ว สำหรับโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 3 และ โรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 จะแล้วเสร็จในไตรมาส 4/2558 สำหรับคลีนิค 304 (เริ่มมีเตียงผู้ป่วยใน 30 เตียง) จะเริ่มเปิดใช้ในไตรมาส 2/2559
ลุ้นกำไรสุทธิทำสถิติสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/58 และผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 4/58
ในหุ้นกลุ่มการแพทย์ที่เราให้คำแนะนำ CHG เป็นเพียงบริษัทเดียวที่เราคาดว่ามีแนวโน้มรายงานกำไรสุทธิทำสถิติสูงสดุใหม่ได้ในไตรมาส 3/58 จากผลของฤดูกาลที่ดี และการขยายอัตราการรองรับผู้ป่วยของ CHG 11 ผนวกกับการเปิดคลินิกที่โรงเกลือ จ.สระแก้วสำเร็จ (วันที่ 12 ส.ค. ที่ผ่านมา) โดยเราคาดกำไรหลักในไตรมาส 3/58 น่าจะออกมาโดดเด่นกว่าตลาด (บริษัทที่ BLS ให้คำแนะนำ)
จากการเติบโตที่แข็งแกร่ง YoY และ QoQ ของ CHG เทียบกับอัตราการเติบโตของตลาดที่เติบโตเป็นตัวเลขหลักเดียวทั้ง YoY และ QoQ สำหรับในไตรมาส 4/58 เราคาดว่าน่าจะไม่เห็นผลกระทบของโลว์ซีซั่นมากนักเนื่องจาก CHG มีความสามารถในการรองรับผู้ป่วยใหม่เพิ่มขึ้นจาก CHG3 และ 9 ที่ขยายเสร็จสิ้นในช่วงปลายปี 2558
บริษัทเน้นรักษานโยบายอัตรากำไรสุทธิแข็งแกร่งต่อเนื่อง
CHG รายงานอัตรากำไรสุทธิที่ค่อนข้างดี 18.4% ในครึ่งปีแรกปี 2558 (ลดลง 0.5% YoY) ซึ่งสูงเป็นอันดับสองในกลุ่มการแพทย์รองจาก BH โดยอัตรากำไรสุทธิดังกล่าวนั้นได้สะท้อนค่าใช้จ่ายเพื่อเตรียมพร้อมในการเพิ่มอัตราการรองรับผู้ป่วยใหม่ไปมากแล้ว โดยเราคาดว่าความสามารถในการรองรับผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นนั้นจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ป่วยและมีอัตราการใช้บริการดีขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นการขยายกำลังการให้บริการที่เป็นส่วนต่อขยายจากโรงพยาบาลที่อัตราการใช้กำลังการให้บริการเต็มที่อยู่เดิมแล้ว ดังนั้นผู้บริหารจึงมีนโยบายที่จะรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิที่แข็งแกร่งไว้ได้แม้ว่าจะมีการเติบโตของอัตราการรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นก็ตามที
สถานะทางการเงินเข้มแข็ง
ด้วยสถานะเงินสดสุทธิ (เราคาด EBITDA รวมอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาทในปี 2558-2559 เทียบกับ CAPEX ที่ 550 ล้านบาทในปี 2558 และ 300 ล้านบาทในปี 2559) ส่วนเงินสดส่วนเกินนั้นน่าจะนำไปสู่อัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูงขึ้นหรือการเข้าซื้อกิจการใหม่ ทั้งนี้เรามีสมมติฐานในประมาณการของเราที่อัตราการจ่ายเงินปันผลเท่ากับ 70% ซึ่งหมายถึงเราคาดเงินปันผลจ่ายต่อหุ้น ที่ 0.045 ในปี 2559 (อัตราผลตอบแทนที่ 2.2%) แต่หากอัตราการจ่ายเงินปันผลอยู่ที่ 75% เงินปันผลต่อหุ้นจะอยู่ที่ 0.051 ในปี 2559 (อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 2.5%)-โดยเราแสดงถึง Sensitivity Analysis ของอัตราเงินปันผลจ่ายในรูปที่ 7 นอกจากนี้ปัจจุบันผู้บริหารของ CHG ยังมองหาการโอกาสในการเข้าซื้อกิจการเพิ่มเติมเพื่อรักษาอัตราการเติบโตของผลประกอบการในระยะยาว โดยเกณฑ์หลักสำหรับเป้าหมายในการเข้าซื้อกิจการคือความสามารถในการขยายกิจการของโรงพยาบาลเป้าหมายและเพิ่มเสริมทัพเครือข่ายของโรงพยาบาลในเครือให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการมากขึ้น







