‘กฤษฎา ไชยสงวนมิตต์’ ธุรกิจสว่าง จากคำว่า..ไม่หยุดเดิน

‘กฤษฎา ไชยสงวนมิตต์’ ธุรกิจสว่าง  จากคำว่า..ไม่หยุดเดิน

ผลิตอุปกรณ์ส่องสว่างแบรนด์ 'แลมป์ตั้น' นำตลาดหลอดไฟในครัวเรือนวิ่่งแข่งแบรนด์ต่างชาติ จากฉีกหนีด้วย'นวัตกรรรม-ดีไซน์'ที่ไม่หยุดคิด หยุดเดิน

ชื่อของแลมป์ตั้นก้าวขึ้นมารับรู้เป็นว่า เป็นแบรนด์ผู้ผลิตหลอดไฟไทยอันดับต้นของประเทศ เทียบเท่ากับอินเตอร์แบรนด์ จากการทำตลาดในไทยมากกว่า30ปี ทั้งในและต่างประเทศ 

โดยปัจจุบันธุรกิจอยู่ภายใต้การบริหารของ “กฤษฎา ไชยสงวนมิตต์” กรรมการผู้จัดการบริษัท แลมป์ตั้น ไลท์ติ้ง เทคโนโลยี จำกัด ทายาทคนโตของ “สมบูรณ์ ไชยสงวนมิตต์” ผู้ก่อตั้ง

กฎษฎาคือทายาทรุ่น 2ผู้สานต่อธุรกิจมาตั้งแต่ ปี 2548 (10 ปีที่ผ่านมา) ซึ่งจุดยืนการผลิตหลอดไฟในช่วงนั้นยัง เป็นการผลิตเพื่อทำตลาดส่งออกเกือบทั้งหมด โดยเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ ที่ได้มาตรฐานส่งออกไปหลายทวีป

ก่อนจะพบว่า การพึ่งพาตลาดส่งออกทั้งหมด กลับไม่ใช่คำตอบที่จะสร้างรายได้ให้องค์กรอย่างยั่งยืน เพราะต้องเผชิญกับ "ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน" ส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงาน แม้ปัจจุบันแลมป์ตั้นจะส่งออกสินค้ากระจายไปกว่า56ประเทศ โดยมีกลุ่มประเทศยุโรป สหรัฐอเมริกา และอาเซียน โดยเฉพาะประเทศกัมพูชา ที่ค่อนข้างประสบความสำเร็จในการทำตลาด

กลายเป็น “จุดเปลี่ยน” ของการหันมาทำ “ตลาดในประเทศ” จนปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้มากถึง 70%  ขณะที่ 30 % เป็นรายได้จากต่างประเทศ ทว่า ปัญหาธุรกิจ ไม่จบแค่นั้น ! เพราะสิ่งที่ต้องเผชิญจากการหันมาทำตลาดในประเทศ คือ “การแข่งขันดุเดือด” ทั้งจากแบรนด์ผู้ผลิตหลอดไฟในประเทศ อินเตอร์แบรนด์ทั้งรายเก่าและใหม่ โดยเฉพาะแบรนด์จากจีน ที่จุดชนวน “สงครามราคา” ที่ถูกกว่า ส่งผลกระทบต่อยอดขายของแลมป์ตั้น 

“ตอนนั้นผมคิดว่าการแข่งขันเรื่องราคา ไม่ใช่หนทางแห่งความร่ำรวย เพราะยิ่งแข่งขันกำไรยิ่งลด”

จากความเชื่อที่ว่านี้ ทำให้เขาค้นพบทางออกในการ “ฉีกหนี” การแข่งขันที่รุนแรงในทะเลเลือด (Red Ocean) ด้วยการให้ความสำคัญกับการผลิตสินค้าที่มีนวัตกรรม เพื่อสร้างความแตกต่าง และมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ 

อาทิ เซ็ตหลอดไฟพร้อมประกอบแบบไม่แยกชุด โฟกัสไปที่ “ช่างไฟฟ้าตามบ้าน"      

“เราเป็นเจ้าแรก ที่จำหน่ายหลอดไฟและอุปกรณ์ส่องสว่างชุดรางสำเร็จรูปแนะนำกับช่างไฟฟ้าตามบ้าน ให้ใช้งานง่าย ไม่ต้องซื้อแยกชิ้น ถือเป็นการพัฒนาสินค้านวัตกรรมเพื่อแจ้งเกิดแบรนด์ในประเทศ” กฤษฎา ย้ำ

นอกจากนี้ ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แลมป์ตั้นยัง “ปรับพอร์ตการผลิตสินค้า" มุ่งสู่การผลิตหลอดไฟและโคมไฟ "แอลอีดี" (LED) เทคโนโลยีที่ประหยัดไฟมากกว่า แต่สว่างกว่าเดิม ซึ่งกำลังเข้ามาเปลี่ยนตลาดหลอดไฟมากขึ้น 

โดยปัจจุบันตลาดรวมหลอดไฟในประเทศ มีมูลค่า 20,000ล้านบาท ในจำนวนนี้มาจากหลอดไฟและโคมไฟแอลอีดี มีสัดส่วน 20-25% ถือเป็นกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตสูงสุด โดยคาดว่าในอนาคตจะมีส่วนแบ่งการตลาดถึง 50% “กฤษฎา” เผย  ขณะที่ยอดขายหลอดไฟแอลอีดีของแลมป์ตั้น เติบโตถึง 150% ทุกปี

ทายาทแลมป์ตัน ยังบอกถึงกลยุทธ์การสร้างแบรนด์ยั่งยืนว่า ยังจะเน้นการ “ตั้งรับ” ในบ้าน โดยสร้างแบรนด์ให้เข้มแข็ง ให้ผู้บริโภคจดจำ (Brand Awareness) ในแบบที่ฉบับของแลมป์ตั้น ด้วยการเป็ฯ "หลอดไฟช่างคิด" 

“สะดวก สว่าง ประหยัด”  เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและศรัทธา โดยเขาเชื่อว่า สิ่งนี้จะทำให้แบรนด์นอกเข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด ได้ยากขึ้น

หลอดไฟเหมือนกัน ราคาใกล้เคียงกัน แต่มีฟังก์ชันบางอย่างที่ต่างกัน อาทิ อุปกรณ์ติดตั้งวงจรป้องกันฟ้าผ่า(Surge Protection),ไฟเซ็นเซอร์ปิดดับได้เองเมื่อมีคนเข้าไปอยู่ในห้อง หรือแม้กระทั่งสว่างในเวลามืด และปิดแสงไฟในเวลาแสงสว่างจากภายนอกเข้ามาในเวลากลางวัน

รวมถึงการพัฒนาดีไซน์โคมไฟ รองรับงานโครงการได้มากขึ้น เพื่อผลักดันยอดขายให้สัดส่วนของกลุ่มโครงการจากในอดีต10-15%เพิ่มเป็น20-25%ในสิ้นปีนี้ “กฤษฎา” เผย

แนวคิดที่ต่อเนื่องและพัฒนาไม่หยุดนิ่งเหล่านี้ มาจากการคิดและทำการบ้านอย่างหนักภายใต้ทักษะพื้นฐานของวิศวกรรม ของวิศวกรไฟฟ้าเช่นเขา ที่นำความคิดเป็นเหตุเป็นผล บวกกับผลการทำวิจัยผู้บริโภคเชิงลึก(Insight)ตอบโจทย์ชีวิตในยุคดิจิทัลผู้บริโภคในยุคนี้

จนปัจจุบันแลมป์ตั้นถือเป็นผู้นำตลาดหลอดไฟและอุปกรณ์ส่องสว่างที่ใช้กันในครัวเรือน มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 50% มียอดขายรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท

------------------------------------------------------

จากหลอดไฟ สู่ “คอมมูนิตี้มอลล์”

ไม่เพียงการคิดต่อยอดนวัตกรรมธุรกิจหลอดไฟส่องสว่าง  ปัจจุบัน “แลมป์ตั้น" ยังแจ้งเกิดสู่ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในโครงการค้าปลีกคอมมูนิตี้มอลล์ บนเนื้อที่10ไร่ ริมถนนพระราม2 ทำเลงามและมูลค่าสูง พลิกการผู้ผลิตและจำหน่ายหลอดไฟ มาสู่คอมมูนิตี้มอลล์ ภายใต้ชื่อโครงการ  “The Bright” (เดอะ ไบรท์) มูลค่าลงทุนกว่า1,000ล้านบาท บนพื้นที่ใช้สอย 17,000 ตารางเมตร 

ดำเนินการภายใต้ชื่อบริษัท แลมป์ตั้น พร๊อพเพอร์ตี้  

กฤษฎา ไชยสงวนมิตต์ ทายาทแลมป์ตั้น บอกว่า สาเหตุของการผุดธุรกิจนี้ เพราะตามผลวิจัยพบว่า พื้นที่ดังกล่าวยังมีความต้องกการพื้นที่ค้าปลีก แหล่งแฮงค์เอาท์ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์    

ทำเลที่ดี ยังเป็นแต้มต่อที่ทำให้ดึงแบรนด์ร้านอาหาร ชอปปิง และร้านค้าบริการการเงินต่างๆ เข้ามาอยู่ในห้างแห่งนี้แล้ว 85% ซึ่งเตรียมเปิดตัวโครงการเดือนพ.ย.นี้     

โปรเจคนี้ยังเป็นจุดเริ่มออกตัวให้แลมป์ตั้น พร็อพเพอร์ตี้ โลดแล่นในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ก่อนจะงัดเอาที่ดินแลนด์แบงก์ของครอบครัวไปพัฒนาเป็นโครงการต่อไป “ทายาทแลมป์ตั้น” เผย 

ธุรกิจหลอดไฟ กับ คอมมูนิตี้ มอลล์ ยังเอื้อกัน เพราะคอมมูนิตี้ มอลล์ จะถูกใช้เป็นพื้นที่โชว์เคสสินค้าหลอดไฟ    

“ผมไม่รู้สึกว่าแอคชีฟ (Achieve) เพราะทำธุรกิจมีอะไรต้องพัฒนาทุกวันหยุดเดินไม่ได้ ต้องก้าวให้ไวเสมอ” เพราะเชื่อเสมอว่า ธุรกิจต้องปรับตัวรวดเร็ว ทันเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา หยุดนิ่งไม่ได้เพราะเมื่อไหร่ที่หยุดนิ่งจะมีคนอื่นมาแซงทันที

นั่นคือพื้นฐานการบริหารธุรกิจที่ยึดถือมาตลอด