'Q Design and Play' แฟชั่นไทยในรันเวย์โลก

'Q Design and Play' แฟชั่นไทยในรันเวย์โลก

จากพ่อค้าขายเสื้อยืดออนไลน์ เร่ขายของตามตลาดนัด ใครจะคิดว่า 5 ปีต่อมา “Q Design and Play” จะเป็นหนึ่งในแบรนด์ไทยที่ไปเฉิดฉายอยู่ในเวทีโลก

“ชีวิตผมถูกกำหนดมาให้เป็นแบบนี้ ผมสนุกกับทุกเรื่อง ไม่ว่าจะ ล้มก็สนุก ดีก็สนุก ร้องไห้ก็สนุก แม้แต่ข่าวร้าย ผมก็มีความสุข”

“อาท – ประพัฒน์ สมบูรณ์สิทธิ์” ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Q Design and Play เสื้อผ้าสตรีทแวร์สำหรับผู้ชาย ที่โดนใจเหล่าสาวก สะท้อนมุมคิดของเขา ระหว่างร่วมงาน “ME ชีวิตที่คุณออกแบบเอง” โดย ME by TMB

เพราะเป็นคนนิยมสนุก เสื้อผ้าของเขาเลยดีไซน์ออกมาให้มีความสนุก ผ่านคอนเซ็ปต์ เด็กผู้ชายชอบประชดประชัน เป็นเสื้อผ้าที่เสียดสีสังคม และเอาเรื่องลบๆ มาพูดให้เป็นบวก ตัวตนที่ทั้งชัดและแตกต่าง ทำให้ Q Design and Play ประสบความสำเร็จทั้งมิติของธุรกิจและชื่อเสียง โดยเป็นที่รู้จักของผู้คนทั้งในและต่างประเทศ

แต่รันเวย์ที่เดินย่ำ ไม่ได้งดงามตั้งแต่ต้น ลองย้อนไปสัก 4-5 ปีก่อน คงไม่มีใครคิดว่า เขาจะมาได้ถึงจุดนี้

“ชีวิตผมค่อนข้างดราม่า และเส้นทางนี้ไม่ได้หอมหวาน”

คนหนุ่มสรุปสั้นๆ ถึงทางเดินชีวิตที่ออกจะรันทดอยู่พอตัว หลังหันหลังให้บริษัทเอเยนซี่โฆษณา มาทำธุรกิจของตัวเอง ในวัยเพียง 20 ต้นๆ เริ่มจากขายเสื้อยืดออนไลน์ จากนั้นเอาเงินเดือนก้อนสุดท้าย มาเช่าร้านเล็กๆ อยู่ที่สวนลุมไนท์บาร์ซา ดีใจจนแทบเนื้อเต้นเพราะขายดิบขายดี ทว่ากลับเป็นขายดีแบบ “หลอกๆ”

“ตอนนั้นขายดี เพราะญาติๆ เพื่อนๆ มาช่วยกันซื้อ ผมคิดว่า ขายดีแล้ว แต่จริงๆ คือการขายดีเพราะคนที่เรารู้จักช่วยกันอุดหนุน ไม่ใช่ลูกค้าจริงๆ เรายังไม่มีลูกค้าจริงด้วยซ้ำในตอนนั้น”

คนหนุ่มเล่าว่า ทนถูกหลอกอยู่เดือนกว่า ถึงขนาดตัดสินใจลาออกจากงานมาเพราะคิดว่า ไปรุ่งแน่ แต่ที่ไหนได้พอหมดช่วงโปรโมชั่นขาดญาติขาดเพื่อนสนับสนุน กิจการก็เริ่มติดขัด จากวันที่ลูกค้าล้นร้าน ก็เริ่มหดหาย ซ้ำปัญหามาหนักขึ้นก็ตอนเกิดเหตุการณ์ชุมนุมทางการเมือง ทำให้เข้าไปขายของไม่ได้ ถึงขนาดต้องวิ่งฝ่าม็อบไปขนของหนี 

“ผมอยู่ที่ร้านตั้งแต่วันที่ ลูกค้าเยอะ มาลูกค้าเริ่มหายไป จนไม่มีคนเดินแม้แต่คนเดียว สุดท้ายก็ถูกปิดเข้าไม่ได้”

ถามว่า รู้สึกอย่างไร เขาว่า “เคว้งคว้างมาก” ถึงขนาดหุ้นส่วนที่ลุยด้วยกันมา ตกลงใจกันว่าจะไม่ไปต่อแล้ว ทุกคนถอยหลังกลับ แต่ถามว่า เขาจะกลับไปไหนได้ ก็ในเมื่อลาออกจากงานมาแล้ว สิ่งที่ทำได้เมื่อหลังชนฝาก็แค่ต้องเดินหน้าต่อเท่านั้น

จากมีร้านของตัวเอง ต้องกลายเป็นพ่อค้าตลาดนัด ที่ไหนมีเปิดท้าย มีพื้นที่ให้วางขาย ก็หอบของไปขายกับเขา เสื้อผ้าก็ไม่ได้ทำเอง อาศัยรับมาจาก จตุจักร แพลททินัม ดำรงกิจการแบบ “เอาตัวรอดไปวันๆ” เขาว่าตอนนั้น เหมือนฟุบตกลงเหวโดยที่ไมรู้ด้วยซ้ำว่าจะขึ้นมาได้เมื่อไร แต่มีสิ่งหนึ่งที่ใช้บอกตัวเองเสมอ คือ

“ผมเชื่อในตัวเองว่า ถ้าผมทำไปจนสุดทางแล้ว มันต้องได้อะไรบางอย่างกลับมาแน่”

หลังวิกฤติการณ์เมือง ทุกคนที่ทำการค้าต่าง “เจ็บกระอัก” แต่ก็นับเป็นโชคดีในโชคร้าย เพราะในตอนนั้นค่าเช่าที่ถูก ไม่มีคู่แข่งมาแย่งที่ แถมยังไม่ต้องจ่ายมัดจำล่วงหน้าให้เป็นภาระกระเป๋า เขาเลยตัดสินใจนำเงินก้อนหนึ่ง มาเช่าร้านเล็กๆ อยู่ที่สยามสแควร์ ซอย2 ใต้โรงหนังลิโด แหล่งรวมวัยรุ่นวัยมัน จากคนเคยล้มก็ค่อยๆ ฟื้นตัวเองขึ้นมา โดยเปลี่ยนจากการซื้อมาขายไป มาเริ่มพัฒนาแบรนด์ของตัวเอง ก่อเกิดเป็นคอนเลคชั่นคูลๆ ออกสู่สายตาตลาด

ผลงานที่โดดเด่น ไปสะดุดตาผู้ใหญ่เข้า เลยได้รับเลือกเป็นหนึ่งในยังดีไซเนอร์ไทยในโครงการ “Mob F” แหล่งรวมมัลติแบรนด์แฟชั่นดีไซน์เนอร์ไทย นั่นเองที่ทำให้ผลงานของคนในมุมเล็กๆ ได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น คนหนุ่มเลยกลับมาสร้างแบรนด์ของตัวเองให้แข็งแกร่งและทำเสื้อผ้าให้ชัดเจน จนเป็นที่มาของ Q Design and Play ในวันนี้

จุดเปลี่ยนในชีวิตเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังได้รับการติดต่อจาก “Monocle Magazine” นิตยสารไลฟ์สไตล์จากเมืองผู้ดี ที่วางขายอยู่ทั่วโลก ให้นำเรื่องราวของพวกเขาไปถ่ายทอดสู่สายตาชาวโลก

“เขามาถ่ายรูปและสัมภาษณ์ เป็นคอลัมน์เล็กๆ ไม่ได้ใหญ่มาก แต่ว่าหนังสือมีพลังมาก เพราะสามารถสื่อถึงคนได้ทั้งโลก หลังจากนั้นก็เริ่มมีคนติดต่อเข้ามา และชีวิตเปลี่ยนไปเลยจากคอลัมน์เล็กๆ นั้น”

โลกของคนโนเนม วิ่งฝ่าม็อบได้เปลี่ยนไปแล้ว เมื่อวันนี้ Q Design and Play กลายเป็นเสื้อผ้าผู้ชายแนวสตรีทแวร์ที่ถูกจับตาจากคนทั่วโลก กับคอลเลคชั่นแสบๆ คันๆ ช่างจิกกัด ตั้งแต่ เสื้อผ้า ผ้าพันคอ สร้อยคอ แหวน กระเป๋า และรองเท้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘We Design You Play’

การเป็นที่รู้จักของชาวโลก ไม่ได้จบเพียงแค่หน้านิตยสาร เรื่องน่าตื่นเต้นเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อแบรนด์น้องใหม่ ถูกเลือกให้ไปขึ้นรันเวย์ Seoul Fashion Week 2013 ที่ประเทศเกาหลีใต้ ด้วยคอนเลคชั่นเปิดตัวสุดคูลอย่าง “อินทรีย์แดง”

“พอกลับมาชีวิตก็เปลี่ยน เราได้รับฟีดแบคดีมาก จากการที่ได้ลงทั้งสื่อเมืองนอกและเมืองไทย ทำให้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศ ซึ่งนั่นช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ของเราในไทยด้วย เพราะลูกค้าคนไทยเชื่อมั่น ให้การยอมรับ และยกระดับเราขึ้นไปอีกขั้น ผมคิดว่า อินทรีย์แดงน่าจะให้พรเรานะ" (หัวเราะ)

หลังจากเวทีเมืองกิมจิ Q Design and Play ได้ไปเฉิดฉายต่อที่รันเวย์ Asia Fashion Week ประเทศมาเลเซีย ร่วมกับแบรนด์ไทยอีกหนึ่งแบรนด์ ล่าสุดก็เป็น 1 ใน 10 แบรนด์ไทย ไปอวดโฉมใน Paris Fashion Week เวทีที่แฟชั่นดีไซน์เนอร์ทั่วโลกต่างถวิลหา ใครจะคิดว่า เขาจะพิชิตมันได้หลังทำธุรกิจมาแค่ 4 ปี เท่านั้น! 

ปีที่แล้ว Q Design and Play เปิดแฟลกชิปสโตร์แห่งแรกในไทย ที่สยามเซ็นเตอร์ชั้น 3 นำเสนอผลงานคูลๆ ที่ขายกันในระดับหลักร้อยไปจนหลักหมื่น เจาะกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน และยืนยันว่า ตั้งแต่เปิดร้านมา “ไม่เคยขาดทุน”

จากแบรนด์ “โนเนม” พลิกมาเป็น “เวลโนน” ในเวลาแค่ไม่กี่ปี หนึ่งในกุญแจดอกสำคัญ คือ “ตัวตน” ของผู้ประกอบการอย่าง ประพัฒน์

“ผมเป็นประเภท ‘Yes man’ ใครให้ทำอะไรทำหมด ไม่มีอีโก้ ถ่อมตัว ใครว่าอะไรก็โค้งรับไว้ก่อน ใครให้ทำอะไรผม Yes ตลอด บางคนอาจปฏิเสธ ไม่ทำ ไม่ว่าง ไม่สะดวก แต่ผมกลับมองว่า ถ้าผมไม่ทำ ผมก็ไม่มีทางรู้เลยว่า สิ่งที่ผมทำอยู่มันถูกต้องหรือเปล่า ซึ่งการที่ผมทำทุกอย่าง ทำให้รู้เร็วกว่าคนอื่น และไปได้เร็วกว่าคนอื่น” เขาสะท้อนความคิด

ฝากถึงคนที่มีฝัน อยากปั้นแบรนด์แฟชั่นดีไซน์ให้แจ้งเกิด คนเจ็บมาก่อน บอกเราว่า ต้องอดทนอย่างมาก และอดทนให้ถึงที่สุด ต้องลงมือทำด้วยตัวเอง แม้แต่ตัวเขา ทุกวันนี้มีบริษัท มีทีมงาน แต่ก็ยังแบกผ้า ยกผ้า ขนของด้วยตัวเอง อีกสิ่งสำคัญคือ ต้องไม่ลืมว่าตัวเองเป็นใคร อย่าปล่อยให้สิ่งรอบตัวมาย้อมให้เรากลายเป็นคนอื่น จงเชื่อมั่นในตัวเองและหาตัวตนให้เจอ แล้วเดินหน้าสู่ความสำเร็จให้ได้ เขาฝากทิ้งท้าย

อีกหนึ่งดีไซเนอร์ไทย ผู้ไม่ยอมจำนนให้อุปสรรค แต่ฟันฝ่าทุกขวากหนาม จนไปเดินบนรันเวย์โลกได้อย่างสง่างาม
.................................

Key to success
สูตรแจ้งเกิด Q Design and Play


๐ มองปัญหาและอุปสรรคเป็นเรื่องสนุก
๐ ดีไซน์เสื้อผ้าที่ชัดเจน ตัวตนชัด
๐ สร้างแบรนด์และคอนเซ็ปต์ให้แข็งแกร่ง
๐ ขึ้นเวทีต่างประเทศ ให้โลกรู้จัก สร้างภาพลักษณ์ในไทย
๐ เป็น Mr. Yes man ไม่มีอีโก้ และถ่อมตัว
๐ อดทน ลงมือทำ และอย่าลืมตน