'One Destination Multi Journey' เที่ยวไร้สารที่เกาะช้าง

เกาะช้างไม่ได้มีแค่ทะเลสวย น้ำใส แต่ยังมีแหล่งโอโซนดีๆ ธรรมชาติงดงาม ความสงบ เรียบง่าย ตามแบบวิถีชุมชน พร้อมของฝากที่เป็นมิตรกับโลก
ล่อง “เรือมาด” กอนโดลา แบบไทยๆ ที่บ้านสลักคอก นั่งเรือชมป่าโกงกาง งมหอยปากเป็ด ที่บ้านน้ำเชี่ยว เที่ยวป่าชายเลนที่บ้านสลักเพชร พักโฮมสเตย์ชุมชน หรือจะรีสอร์ทเพื่อสุขภาพที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พร้อมช้อปปิ้งสินค้ารักษ์โลก ฯลฯ
ตัวอย่าง การท่องเที่ยว “ฮิปๆ” บนหมู่เกาะช้าง และพื้นที่ชายฝั่ง จังหวัดตราด ที่ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน(องค์การมหาชน) หรือ อพท. ร่วมกับ สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (ISMED) ช่วยกันปลุกปั้นเพื่อให้เป็นดินแดนแห่ง Low Carbon Destination แหล่งท่องเที่ยวที่มีการปลดปล่อยคาร์บอนต่ำ รับกระแสการท่องเที่ยวยั่งยืน (Sustainable Tourism) ตามเทรนด์โลก
ภาพลักษณ์เก่าที่หลายคนคุ้นเคยในเกาะช้าง กำลังจะถูกแทนที่ด้วยจุดขายใหม่ “One Destination Multi Journey” หนึ่งแหล่งท่องเที่ยว หลากหลายประสบการณ์ โมเดลการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รับความเป็นเมืองสีเขียว(Green City)ของจังหวัดตราด ก่อนผลักดันให้เกาะช้างกลายเป็นศูนย์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของประเทศไทย ในอนาคต
“นักท่องเที่ยวกลุ่มที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม เติบโตขึ้นทุกปี และคนกลุ่มนี้ยินดีที่จะจ่ายแพงขึ้น ถ้าสินค้าหรือบริการนั้น คอนเซิร์นเรื่องสิ่งแวดล้อม”
“ธนันธน์ อภิวันทนาพร” ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจต่างประเทศและการตลาด สถาบันพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หน่วยงานที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ของหมู่เกาะช้างและพื้นที่ชายฝั่ง บอกความหอมหวานของตลาดนักท่องเที่ยวรักษ์โลกที่ขยับเพิ่มสูงขึ้น สะท้อนความสำคัญของการทำเรื่องการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และการท่องเที่ยวที่เป็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ที่จะไม่ใช่แค่การคิดแบบ “โลกสวย” แต่คือ การวางกลยุทธ์เพื่อยกระดับความสามารถในการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวของประเทศ ด้วยการสร้างมูลค่าเพิ่ม เติมจุดขาย และภาพลักษณ์ใหม่ ให้กับการท่องเที่ยวเมืองไทย
“นี่คือการยกระดับการท่องเที่ยว ไปสู่ Quality tourists high spending กลุ่มลูกค้าที่มีคุณภาพ ที่ใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ซึ่งเขามีเงิน และยอมจ่าย โดยไม่ต้องไปแข่งขันกันในตลาด Red Ocean อีกต่อไป” เขาบอก
ก็เมื่อวันนี้เกาะช้าง ต้องเผชิญกับการแข่งขันรอบด้าน ทั้งหมู่เกาะด้วยกันเอง แหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ในประเทศ แม้แต่ตลาดต่างประเทศ เลยได้เวลาพัฒนา “จุดขายใหม่” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวประเภท คุณภาพ-จ่ายหนัก ให้กลับสู่เกาะช้าง
ที่มาของจุดขายแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยได้ชุมชนคนท้องถิ่น และผู้ประกอบการบนเกาะช้าง ตลอดจนพื้นที่ชายฝั่ง มาร่วมกันบริการนักท่องเที่ยว หลายคนอาจคิดว่า พวกเขาลุกมาเปลี่ยนแปลง ก็เพื่อหวังแค่ผลตอบแทนเชิงเศรษฐกิจ ทว่าในความจริงเรื่องนั้นไม่สำคัญเท่า การจะรักษาวิถีชุมชนและแหล่งโอโซนดีๆ ของพวกเขาเอาไว้ให้ได้
“การท่องเที่ยวที่นี่ วิถีชุมชนยังคงเดิม เราไม่มีตลาดน้ำ และไม่เคยคิดจะทำด้วย เพราะไม่ได้มีวิถีชีวิตทางน้ำ ถ้าทำมันอาจจะดีแค่ประมาณครึ่งปีหรือน้อยกว่านั้น หลังจากนั้นก็จะเงียบเพราะคนเบื่อ ส่วนชาวบ้านที่ลงทุนไปก็จะเสียความรู้สึกด้วย”
“รสริน วิรัญโท” หนึ่งในสมาชิก กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บ้านน้ำเชี่ยว อ.แหลมงอบ จ.ตราด ชุมชน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม บอกเหตุผลที่ชุมชนริมน้ำอย่างพวกเขา ไม่มีวี่แววของตลาดน้ำ แต่กลับมีการท่องเที่ยวที่สร้างสรรค์กว่านั้น
“บ้านน้ำเชี่ยวเที่ยวได้ทั้งปี..บ้านน้ำเชี่ยวไม่เที่ยวไมได้แล้ว” เสียงจากน้อง “อนันดา โสมานันท์” นักสื่อความหมาย (ไกด์) แห่งบ้านน้ำเชี่ยว บอกเล่าเรื่องราว ระหว่างพานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมป่าโกงกาง ในพื้นที่นับ 3,338 ไร่ แหล่งโอโซนติดอันดับของประเทศ แวะปลูกป่า ดูลิงแสม งมหอยปากเป็ด ในบรรยากาศสุดชิล..หาที่ไหนไม่ได้
“เราไม่ขายความเป็นธุรกิจ แต่ขายความเป็นชุมชน เพราะถ้าธุรกิจเข้ามา ธรรมชาติก็จะหายหมด”
เด็กหนุ่มบอกเล่าความคิดของเขา ที่ดูจะสอดคล้องไปกับชาวบ้านน้ำเชี่ยว การท่องเที่ยวของที่นี่ เลยเป็นประเภทชุมชนคิด ชุมชนทำ และตัดสินใจร่วมกัน ไม่ถูกชักจูงจากนายทุน ทั้งที่พัก ทริปท่องเที่ยว แม้แต่สินค้าที่เอามาขายยังเป็นของที่ทำกันในท้องถิ่น อย่าง งอบ ตังเมกรอบ ข้าวเกรียบยาหน้า เป็นต้น
ใครปรามาสว่าการท่องเที่ยวแบบนี้คงทำเงินได้ “ไม่เท่าไร” ลองดูคำตอบจาก “สุรัตนา ภูมิมาโนช” ประธานกลุ่มฯ ที่บอกเราว่า ปีแรกมีรายได้แค่ 8 หมื่นบาท แต่เติบโตก้าวกระโดดทุกๆ ปี ล่าสุดรายได้เบาะๆ ก็ 5-6 แสนบาท ต่อเดือน เข้าไปแล้ว!
ทว่าสิ่งสำคัญไปกว่ารายได้ คือ สามารถขจัดปัญหาของชุมชนได้ชะงัด จากอดีตที่มีทั้งปัญหายาเสพติด ลักขโมย เป็นหนี้นอกระบบ เพราะความยากจน แต่พอทำเรื่องการท่องเที่ยว แม้ไม่ได้ลงมือจัดการอะไร แต่ปัญหาก็หายไปโดยอัตโนมัติ
เช่นเดียวกับที่ บ้านสลักคอก ที่เลือกเอาเรือมาด เรือพื้นบ้านออกมาล่องให้บริการนักท่องเที่ยว ผลพลอยได้ที่ตามมา คือแม่น้ำที่สะอาดเพราะทุกคนช่วยกันรักษา ชาวชุมชนที่ทำประมงถึง 60-70% ก็สามารถมีรายได้เพิ่มขึ้น จากเมืองที่เป็นแค่ทางผ่าน ไม่ได้อยู่ในสายตา วันนี้กลับเป็นเป้าหมาย “ห้ามพลาด” อีกแห่งบนเกาะช้าง
สำหรับรีสอร์ทที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเล อย่าง “เดอะ สปา เกาะช้าง” รีสอร์ทเพื่อสุขภาพที่ขึ้นชื่อเรื่องการล้างพิษบนเกาะช้าง ก็สามารถใช้เรื่องสิ่งแวดล้อมมาเป็นจุดขายได้ ผลพลอยได้จากจุดขายใหม่ ไม่เพียงดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก แต่ยังช่วยลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย ด้วยคอนเซ็ปต์รักษ์โลก เช่น ลดการใช้ถุงพลาสติก น้ำเสียจากการบำบัดใช้รดน้ำต้นไม้ ไม่ใช้ผ้าขนหนูสีขาวเพื่อเลี่ยงการใช้สารฟอกขาวเมื่อสีหม่น ชักชวนแขกให้ใช้พัดลมแทนแอร์ ลดการใช้พลังงานลงได้ เป็นต้น
ใครอยากได้ของฝากติดมือกลับบ้าน ยังมีผลิตภัณฑ์รักษ์โลกพร้อมเสิร์ฟให้ อย่าง งานกะลาคูลๆ จาก วิสาหกิจชุมชนบ้านรักษ์กะลา เกาะช้างใต้ ที่ไม่ใช่แค่สร้างรายได้ให้ชุมชน ทว่ายังช่วยลดปัญหาขยะ และเพิ่มมูลค่าให้ของเหลือทิ้งด้วย
เช่นเดียวกับ “อนัญญา” น้ำมันมะพร้าวธรรมชาติ สกัดเย็นอินทรีย์ 100% ที่เกิดจากความคิดต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับมะพร้าวบนเกาะช้าง ผลพลอยได้ที่สำคัญ คือ สามารถบริหารจัดการกระบวนการผลิต จนไม่เหลือขยะ เช่น กากมะพร้าวทำเป็นอาหารสัตว์ เปลือกและผลทำถ่านขาย เพิ่มมูลค่าให้กับมะพร้าวจากลูกละไม่กี่บาท มาเป็นผลิตภัณฑ์ราคาหลักร้อยได้
จากจุดยืนเรื่องสิ่งแวดล้อม เลยเป็นมากกว่าดอกผลที่คืนสู่โลก ทว่ายังใช้เป็น “แต้มต่อ” ในธุรกิจของพวกเขาได้ด้วย
“ผู้ประกอบการจะเสียโอกาส ถ้ายังไม่ปรับตัว เพราะโลกจะพูดถึงเรื่องนี้กันมากขึ้น และประเทศไทยเอง แรงงานมีแต่แพงขึ้นๆ แล้วความสามารถในการแข่งขันของเราจะอยู่ตรงไหน ฉะนั้นต้องเพิ่ม ‘คุณค่า’ ในเรื่องเหล่านี้เข้าไปด้วย”
แนวคิดใหม่เพื่อการท่องเที่ยว ที่ไม่ได้ชี้วัดแค่ตัวเลขทางเศรษฐกิจ แต่ต้องตอบทั้งมิติ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมด้วย







