“500ตุ๊กตุ๊ก” VC จ๊าบๆ ของ Startup ไทย

“500ตุ๊กตุ๊ก”  VC จ๊าบๆ ของ Startup ไทย

“500ตุ๊กตุ๊ก"คือกองทุนร่วมลงทุนของกลุ่ม 500Startups จาก ซิลิคอน วัลเลย์ สหรัฐอเมริกา วันนี้พวกเขาหอบเงินกว่า 300 ลบ.เพื่อสานฝัน Startups ไทย

3 เดือนก่อน “หมู-ณัฐวุฒิ พึงเจริญพงศ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อุ๊คบี จำกัด เคยให้สัมภาษณ์กับ กรุงเทพธุรกิจ Bizweek ว่า เขากำลังจะดึงกองทุนร่วมลงทุน (Venture Capital : VC) จากต่างประเทศ มาสนับสนุนธุรกิจ Startup ไทย (ธุรกิจที่ โตเร็ว ทำซ้ำได้ เคลื่อนตัวได้ไว) โดยเฉพาะในระดับที่เพิ่งเริ่มต้น (Seed)

เพราะอยากเห็น Startup เมืองไทยเกิดขึ้นเยอะๆ มีกลุ่มที่เติบโต จนมีสเกลพอที่ประเทศเราจะไปแข่งขันกับใครเขาได้

วันนี้เขายืนยันคำพูดนั้น ด้วยการปรากฏตัวขึ้นของ “500Tuktuks” (500ตุ๊กตุ๊ก) กองทุนเพื่อ Startup ไทย ของกลุ่ม "500Startups" กองทุนชื่อดังจาก ซิลิคอน วัลเลย์ สหรัฐอเมริกา ที่ลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันบริษัท ใน 50 ประเทศทั่วโลก โดยการนำของ หมู ณัฐวุฒิ และ “กระทิง-เรืองโรจน์ พูนผล” อดีตผู้จัดการฝ่ายการตลาด (ดูแลทวีปเอเชียและลาตินอเมริกา) ของ Google สำนักงานใหญ่ ที่ ซิลิคอน วัลเลย์

บ่งบอกความสนใจในตลาด Startup เมืองไทย ของนักลงทุนระดับโลก หลังก่อนหน้านี้ในเอเชียมี “500Kimji” ของเกาหลี “500StartupWallah” ในอินเดีย และ “500Durian” (500ทุเรียน) ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่วันนี้ 500Startups โฟกัสมาที่ไทยโดยเฉพาะ ด้วยเม็ดเงินกว่า 10 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 320 ล้านบาท

“สิ่งที่ผมเห็นในประเทศไทย คือ คนที่อยู่ในระบบนิเวศน์ของวงการ Startup ต่างมาร่วมมือกันในการสนับสนุน Startup โดยไม่ต้องรอให้รัฐบาลเป็นฝ่ายสั่งการลงมา มีการรวมตัวกันเป็นชุมชน มีรุ่นพี่ที่ประสบความสำเร็จแล้ว มาช่วย เป็นพี่เลี้ยง ให้ความรู้ และยังมีเอกชน ที่เอาเงินมาสนับสนุน เพื่อให้ Startup ไทย สามารถแข่งขันได้”

“ไคลี อึง” (Khailee Ng) ผู้บริหารของ 500Startups ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บอกภาพสะท้อนที่เขาเห็นในวงการ Startup ไทย หลังเดินทางมาเยี่ยมเยียนตลอดกว่าปีที่ผ่านมา นั่นคือเหตุผลที่เขากล้าประกาศว่า

“จากนี้ไปประเทศไทยจะไม่เพียงผลิต Startup ได้ แต่จะเป็น Startup ที่มีมูลค่า และไม่ใช่แค่ 100 ล้านเหรียญ แต่กล้าพูดเลยว่า เป็นพันล้านเหรียญ ได้ ถ้าทุกฝ่ายยังร่วมมือกันแบบนี้” เขาบอก

500ตุ๊กตุ๊ก นับเป็นความหวังของ Startup ไทย โดยเฉพาะในกลุ่มที่เพิ่งเริ่มต้น (Seed) ที่มีความเสี่ยงสูง และไม่ค่อยเป็นที่สนใจของนักลงทุนเท่าไรนัก ซึ่ง หมู ณัฐวุฒิ ย้ำว่า กองทุนของพวกเขา จะเน้นไปที่ Startup กลุ่มนี้โดยเฉพาะ เพื่อเป็นเงินทุนก้อนแรกๆ ที่จะได้ใช้เพื่อเติบโต

ขณะที่กระทิง ก็ให้นิยามความเป็น VC แบบ 500ตุ๊กตุ๊ก ว่าเหมือนกับ “กองทุนร่วมเสี่ยง” เนื่องจากผู้ประกอบการรายเล็กในระดับ Seed นั้น ยังมีความเสี่ยงค่อนข้างมาก ต้องร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน

“VC สำคัญมากนะ ดูอย่าง เฟซบุ๊กเอง ‘มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก’ ก็ต้องเดินไปหานักลงทุน ซึ่งถ้าไม่มี นักลงทุน ไม่มี VC ก็คงไม่มีบริษัทอย่าง เฟซบุ๊ก, กูเกิล, อินสตาแกรม หรือ ยูทูบ บริษัทใหญ่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเราอยู่ในวันนี้” เขาบอก

กองทุนใจดี ไม่เมินเฉยกับความฝันของ Startup ตัวเล็กๆ แต่ก็ไม่ใช่ทุกรายที่จะ “เข้าตา” จนได้รับการร่วมทุน

พวกเขาบอกว่า สนใจบริษัทที่มี Business Model เหมือนในต่างประเทศ ที่ได้รับการทดสอบแล้วว่าประสบความสำเร็จมาจากที่อื่นๆ แล้วประยุกต์มาที่ใช้เมืองไทย มีไอเดียที่แข็งแกร่ง มีทีมที่พร้อม มีองค์ประกอบทุกอย่างที่ “ครบ”

ต้องเป็น Startup ที่ “Think Regional” ตั้งแต่วันแรก คือ มีศักยภาพในการที่จะขยายไปได้ไกลกว่าประเทศไทย

“อยากให้ Startup ทุกราย ที่พวกผมเข้าไปลงทุน Think Big ทุกไม้ต้อง หวดโฮมรัน พวกเราจะชอบมากกับคนที่บอกว่า ฉันต้องการจะสร้างเทคโนโลยีที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้”

เม็ดเงิน ประมาณ 320 ล้านบาท จากกองทุน กำหนดใช้ภายใน 3 ปี ตั้งเป้าที่จะลงทุนไปใน 50-60 บริษัท เฉลี่ยรายละไม่เกิน 3 ล้านบาท โดยรายที่ประสบความสำเร็จ จะมีการใส่เงินเพิ่มลงไปอีกเท่าตัว เพื่อให้มีโอกาสเติบโตได้สูงขึ้น ขณะที่สัดส่วนในการเข้าไปถือหุ้น ก็วางไว้ไม่เกิน 10% เพื่อกันพื้นที่ให้ผู้ก่อตั้งยังได้รักษาความเป็นเจ้าของไว้

“กองทุนของเราไม่ใช่ฉลาม แต่เป็นปลาโลมา ที่จะเข้ามาช่วยเหลือน้องๆ ซึ่งยังว่ายน้ำไม่เป็น เมื่อเราเข้ามาแล้ว ก็อยากให้ผู้ก่อตั้งมีพื้นที่เยอะๆ มีความเป็นเจ้าของ เพื่อที่เขาจะได้ทุ่มเทและมุ่งมั่นกับการทำงานอย่างเต็มที่”

กองทุน 500 แบบไทยๆ ไม่ได้โดดเดี่ยว ทว่ายังมีนักลงทุนเอกชน ที่พร้อมควักเงินมาร่วมด้วย อย่าง “โยธิน ดำเนินชาญวณิชย์” กรรมการผู้จัดการใหญ่ Double A ที่มีโอกาสเข้าไปลงทุนผ่าน VC ใน ซิลิคอน วัลเลย์ มาก่อนแล้ว เขาบอกว่า การลงทุนกับ Startup ก็เป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่ง ที่อาจมีความเสี่ยงมากหน่อย แต่ก็เป็นการลงทุนในอนาคต ส่วนหนึ่ง คือ การลงทุน ขณะอีกส่วนก็เป็นการ “ให้โอกาส” กับคนรุ่นใหม่ไปด้วย

“นี่เป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มากนะ ถ้าเราสามารถไปจุดประกายความคิดของน้องๆ Startup ไทย ให้ได้นำพาความฝันจินตนาการ และความคิดสร้างสรรค์ ของเขา ไปสู่ความสำเร็จได้ เหมือนอย่างที่ผมทำกับ Double A เมื่อปี 1991 สำหรับผมเรื่องเงินไม่มีปัญหาเลย ถ้า 500ตุ๊กตุ๊ก ให้ 3 ล้าน แล้วไม่พอ ผมยินดีให้อีก 30 ล้าน”

เขาบอกความตั้งใจจริง ที่ย้ำแต่แรกว่า รายไหนเจ๋ง รายไหนดี ก็ขอ “ร่วมทุนด้วย”

ก่อนจะแย้มว่า Startup ที่เขาสนใจ จะมองจากสองเรื่องหลักๆ หนึ่งคือ “ผู้ก่อตั้ง” ที่ ตาต้องใส ดูมีพลัง เขาพูดให้เห็นภาพว่า ก็เหมือนกับ “ซุปเปอร์ไซย่า” ที่ดูมีพลัง มีออร่ามาแต่ไกล ส่วนที่สองคือ “ไอเดีย” เรียกว่า ถ้าไอเดียดี ก็บินต่อได้

เช่นเดียวกับ “ต๊อบ-อิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์” ซีอีโอ บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด หนึ่งในนักลงทุนที่เข้าร่วมในกองทุนนี้ เขาบอกว่า ยุคนี้โชคดีที่มี VC ขณะที่ยุคของเขา มีแต่ We find อยากได้อะไรก็ต้องวิ่งหาเอาเอง

“ผมก็เป็น Startup คนหนึ่งเหมือนกัน แต่ประเภท ‘มือเปื้อนดิน’ ล้มลุกคลุกคลานมา แต่ Startup วันนี้ ดีกว่ายุคของผมมาก แต่ก็ไม่ง่ายนะ เพราะว่า Startup มีเยอะ การแข่งขันก็สูงมากเช่นกัน ฉะนั้นคุณต้องมั่นใจว่า มีอะไรที่โดดเด่นกว่าคนอื่น มีโพรดักส์ที่เป็นเลิศ แตกต่าง ใหม่ และแก้ปัญหาได้จริง” เขาบอก

อยากรู้ว่า Startup ยุคก่อน เหนื่อยหนักแค่ไหนกว่าจะได้มาซึ่งเงินทุน ลองดูคนที่ผ่านจุดนั้นมาแล้ว อย่าง “วิชานน์ มานะวาณิชเจริญ” ซีอีโอ ถามครู (Taamkru) แอพพลิเคชั่นสัญชาติไทยแท้ ที่ได้ทุนจาก 500Startups และเริ่มมีผลิตภัณฑ์ที่ขายในสิงคโปร์แล้ววันนี้ เขาบอกว่า เมื่อประมาณ 2 ปี ก่อน ต้องวิ่งหาทุนด้วยตัวเอง ต้องบินไปต่างประเทศ ไปหาเวทีใหญ่ๆ นำเสนอผลงาน ซึ่งเหนื่อยหนักกว่าในตอนนี้มาก

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา เลยพอบอกได้ว่า Startup แบบไหนถึงจะเข้าตานักลงทุนระดับโลก

เขาเริ่มแนะนำจาก อย่าทำโพรดักส์ที่จะแก้ปัญหาคนไทยเพียงอย่างเดียว แต่ต้องทำในสิ่งที่สามารถขยายออกไปได้ทั่วโลก ขณะที่ต้องทำโพรดักส์ที่ตอบโจทย์คน พอที่เขาจะยอม “จ่ายเงิน” และดีพอที่จะ “แนะนำต่อ” เพื่อนๆ ได้

“วิธีที่ควรทำคือ สร้างตัวต้นแบบ (Prototype) ขึ้นมา แล้วไปคุยกับผู้ใช้ ดูว่า ตอบโจทย์เขาได้ไหม พอที่จะจ่ายเงินให้หรือเปล่า และดีพอที่จะบอกต่อเพื่อนๆ ให้มาซื้อหรือไม่” เขาแนะแนวทาง

ขณะที่สิ่งที่นักลงทุนต้องการ คือ การเติบโตของธุรกิจ ฉะนั้นหากรู้จักกันวันนี้ เจอกันครั้งหน้าก็ต้องแสดงให้เห็นว่า เรามีพัฒนาการการเติบโตที่รวดเร็วอย่างไร เพื่อสร้างความสนใจให้นักลงทุน

“อยากให้มองนักลงทุนเป็นเหมือน ‘โค้ช’ เพราะคงไม่มีอะไรที่บอกได้ว่า คุณจะไปหาใครแล้วได้เงินทุนมา ณ วันนี้ เดี๋ยวนี้เลย แต่ต้องเป็นการเรียนรู้กันและกัน ทำความรู้จักกันก่อน เจอกันอีกที เราต้องอัพเดทให้เขาเห็น นักลงทุนทุกคนเหมือนกันอยู่อย่าง คือ เขาชอบสตอรี่ที่มีการเติบโตได้เร็ว แค่นี้แหล่ะ หลอดไฟปิ๊งขึ้นมาทันที”

“500ตุ๊กตุ๊ก” เป็นกองทุนของ Startup ไทย ที่เลือกใช้คำว่า “ตุ๊กตุ๊ก” เพื่อสะท้อนถึงเอกลักษณ์ของเมืองไทย และความรวดเร็วแบบไทยๆ

“ตุ๊กตุ๊ก มีเอกลักษณ์อย่างหนึ่ง คือ เร็ว และสามารถซอกแซกไปได้เรื่อยๆ ก็เหมือนกับ Startup ไทย ที่จะกระเสือกกระสน ซอกแซก แต่ไปถึงจุดหมายได้สำเร็จ และเร็วด้วย” พวกเขาบอก

เพื่อนำพา Startup ไทย ไปให้ถึงฝัน ด้วยยานพาหนะไทยๆ ที่ชื่อ “ตุ๊กตุ๊ก”


.............................................


Key to success
เป็น Startup ให้เข้าตา 500ตุ๊กตุ๊ก


๐ มีโมเดลธุรกิจ ที่ทดสอบแล้วว่าเวิร์คในประเทศอื่น
๐ ไอเดียแข็งแรง ทีมพร้อม องค์ประกอบ “ครบ”
๐ Think Big,Think Regional มองไกลกว่าเมืองไทย
๐ ตาใส มีพลัง มุ่งมั่น ไม่หมดไฟ
๐ มีโพรดักส์ดี คนยอมจ่าย และอยากบอกต่อ
๐ มีการเติบโตที่รวดเร็ว โดนใจนักลงทุน