“แม็คเอ็ดดูเคชั่น” พันธกิจเปลี่ยนโลกการศึกษา

"แม็คเอ็ดดูเคชั่น" ธุรกิจด้านการศึกษาที่อยู่มานานกว่า4ทศวรรษ วันนี้ได้เวลาทายาทต่อยอดธุรกิจ ทีไม่ใช่แค่สร้างผลกำไร แต่ต้องให้กับสังคมด้วย
“แม็คเอ็ดดูเคชั่น” หรือที่ใครหลายคนรู้จักดีเมื่อวัยเด็ก ในชื่อ “สำนักพิมพ์แม็ค” มีจุดเริ่มต้นมาจาก กลุ่มเพื่อนพี่น้อง นิสิตจุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย นำโดย “พีระ พนาสุภน” เปิดติวให้น้องๆ ที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ในนาม “คณะนิสิตบัณฑิต” จนมีเด็กๆ สอบติดเป็นจำนวนมาก หนึ่งปี
หลังจากนั้น ได้เปลี่ยนชื่อเป็น “Modern Academic Center” หรือ “MAC” กลายเป็นโรงเรียนกวดวิชาที่มีสถิตินักเรียนสูงสุด ณ เวลานั้น โดยมีนักเรียนกว่า 20,000 คนต่อปี
เวลาต่อมา “สำนักพิมพ์แม็ค” ถือกำเนิดขึ้นอย่างเป็นทางการ เพื่อผลิตวารสาร หนังสือคู่มือประกอบการเรียนและแบบเรียน ตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย และสายอาชีวศึกษา เป็นที่ยอมรับของทั้งครู ผู้ปกครอง และนักเรียน มาจนถึงปัจจุบัน
ในวันนี้พันธกิจของคนรุ่นหนึ่ง ถูกส่งมอบให้ทายาทเพียงคนเดียวของ อาจารย์พีระ “พีท-คมพิชญ์ พนาสุภน” กรรมการ บริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จำกัด หน้าที่ของเขา คือ ผลักดันให้แม็คเป็นผู้ตอบโจทย์การศึกษา (Education Solution Provider) ด้วยผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ใต้คอนเซปต์ MAC Product Ecosystem ทั้งสื่อสิ่งพิมพ์ และดิจิทัล เพื่อรับมือกับการศึกษาในศตวรรษที่ 21
“ผมเรียนมาทางด้านการออกแบบ ตอนแรกที่กลับมาเพราะว่า คุณพ่อท่านไม่สบาย ใจจริงไม่อยากกลับมาเลย เพราะกำลังแฮปปี้กับชีวิตเมืองนอกมาก”
คมพิชญ์ บอกความรู้สึกตรงๆ ในวันที่รู้ตัวว่า ต้องกลับมาสานต่อธุรกิจครอบครัว หลังเรียนจบปริญญาตรี และโท สาขาการออกแบบ ทำงานและใช้ชีวิตในต่างประเทศมากว่า 10 ปี พอต้องมาบริหาร ธุรกิจสื่อการศึกษา เขาควรจะเริ่มจากตรงไหน เรียกว่าต้องใช้เวลาเป็นปีๆ ไปกับการต่อสู้กับตัวเอง เพื่อหาหนทางอยู่ร่วมกับองค์กรแห่งนี้ให้ได้
สุดท้ายก็ได้ทางออก ที่จะใช้พลังของคนรุ่นใหม่ ไฟแรง มาเติมเต็มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจของคนรุ่นก่อน นั่นคือ การพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ด้วยไอเดียคนรุ่นใหม่ ให้จุติขึ้นในองค์กร
“ผมเริ่มจาก หาทีมเด็กรุ่นใหม่ มาทำเป็นเหมือน Startup ในองค์กรของเราเอง โดยให้น้องๆ ในทีม มีความรู้สึกว่า เขาเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneur) แต่ยังอยู่ในบริษัทของเรา และใช้สินทรัพย์ของบริษัท เช่น ความรู้หรือโนว์ฮาวทางด้านการศึกษาที่เรามีอยู่ มาสร้างให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ขึ้น”
ผลิตผลจากการคิดใหม่ ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ สร้างสีสันให้กับธุรกิจ 4 ทศวรรษ เช่น นิตยสาร Free Copy รายเดือนสำหรับวัยรุ่น “จัซ แมกกาซีน” (JUZZ Magazine) ที่แจกฟรีในสถาบันการศึกษาระดับมัธยมทั่วประเทศ หรืออย่าง ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศ “มีก้า” (MAC International Education Consultant Agency : MIECA) ที่มุ่งให้คำปรึกษา และสร้างความเข้าใจในการวางแผนอนาคต ของเด็กและผู้ปกครอง เหล่านี้เป็นต้น
หนึ่งบทเรียนที่ได้จากการให้คนรุ่นใหม่ คิดสิ่งใหม่ให้กับองค์กร คือ ต้องลดช่องว่างระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ให้ได้ เพื่อสร้างการยอมรับให้เกิดขึ้น
มาดูวิธีการที่พวกเขาใช้ ง่ายๆ แค่ ให้คนรุ่นใหม่ได้นำเสนอไอเดีย อารมณ์การ Pitch งานของ Startup แล้วให้กับผู้จัดการฝ่ายต่างๆ ที่มีประสบการณ์ในหลายโครงการ และอยู่กับองค์กรมานาน มาสวมบทบาท “นักลงทุน” ร่วมพิจารณาไอเดียนั้น
“เราให้คนรุ่นใหม่มีโอกาสแสดงความคิดเห็น โดยที่คนรุ่นเก่าเองก็ไม่ได้รู้สึกว่า เขาถูกครอบงำความคิดจากคนรุ่นใหม่ เพราะคนที่อยู่มานาน ยังได้ใช้ประสบการณ์มาช่วยในการตัดสินใจ ช่วยให้คำแนะนำน้องๆ เลยเกิดเป็นวัฒนธรรมที่มีการสนับสนุนความคิดใหม่ๆ โดยคนรุ่นเก่าเกิดขึ้น”
เขาบอกที่มาของธุรกิจใหม่ๆ และไอเดียหลากหลายในวันนี้
จุดยืนสำคัญของคนรุ่นพ่อ คือ ผลักดันการปฏิรูปการศึกษาของไทย ซึ่งเป็นปัญหาเรื้อรังมานาน นั่นคือเหตุผลที่พันธกิจของแม็คตั้งแต่วันเริ่มต้น มีมากไปกว่าแค่การทำธุรกิจ ทว่าต้องร่วมแก้ปัญหาด้านการศึกษาของสังคมด้วย ที่สำคัญไม่ใช่แค่ปลายทาง แต่ว่ากันตั้งแต่ต้นทาง คือ “ครูผู้สอน”
“เรามีเซลทั่วประเทศประมาณ 80 คน ใน 3-4 ปีที่ผ่านมา มีการจัดอบรมครูไปแล้วเฉลี่ยปีละ 500 ครั้ง ตั้งแต่ครูอนุบาล ไปจนมัธยมตอนปลาย”
เขาบอกสิ่งที่แม้แต่ตัวเองก็เพิ่งได้รู้ เมื่อวันเข้ามาช่วยบริหารธุรกิจ
เหตุผลที่ต้องเริ่มจากจัดอบรมครู เพราะพวกเขาเชื่อว่า ครู คือ จุดเปลี่ยนของการเรียนรู้ ทว่าปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้นกับครูไทยในวันนี้ คือ ครูหนึ่งคน ต้องรับผิดชอบเด็กนักเรียนหลายชีวิต ทำให้ไม่สามารถทำหน้าที่ของครูได้อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะการจัดการเรียนการสอน จัดการเรียนรู้ของเด็ก คิดกิจกรรม และยังต้องทำงานบริหารด้วย นั่นคือที่มาของการพยายามคิดหาเครื่องมือ เพื่อช่วยให้ครูสามารถจัดการการเรียนรู้ให้ดีขึ้น
ทว่าด้วยศักยภาพและทรัพยากรเท่าที่มี ทำให้ยังไม่สามารถจัดอบรมครูครอบคลุมไปถึงครูในพื้นที่ห่างไกลได้ พวกเขาจึงพัฒนาเครื่องมือที่จะทำให้องค์ความรู้เหล่านี้แพร่กระจายในวงกว้างขึ้น เช่น การทำสื่อมัลติมีเดียแจกจ่ายให้กับคุณครู ตลอดจนจัดพิมพ์ “คู่มือครู” แจกฟรีทั่วประเทศ
อีกสิ่งหนึ่งที่พวกเขาพยายามทำให้กับสังคม คือ การเปลี่ยนมุมมองที่ผู้คนมีต่อเด็กอาชีวศึกษา
“ใครกันเป็นคนตัดเสื้อให้คุณ สร้างบ้าน ตัดผม ซ่อมไฟฟ้าให้คุณ ซึ่งคนเกิน 50% ที่ให้บริการเราอยู่ จบอาชีวะมาทั้งนั้น แต่ทำไมเราถึงดูถูกคนที่เรียนสายนี้ ดูถูกผู้ที่ให้ความรู้ในสายนี้ วิสัยทัศน์ของแม็คจากนี้ไป เราต้องการสนับสนุนครูอาชีวะ และนักเรียนอาชีวะให้มากขึ้น” เขาประกาศความมุ่งมั่น
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก ธุรกิจเริ่มมองถึงสิ่งที่สำคัญไปกว่าผลกำไร นั่นคือ การสร้างความสมดุลระหว่าง “กำไร” และ “สังคม”
“เราเป็นธุรกิจ อย่างไรก็ต้องมีกำไร ธุรกิจถึงจะเดินต่อไปได้ แต่เราให้ความสำคัญกับสังคมด้วย เพราะมองว่า ธุรกิจของเราไม่ได้เป็นธุรกิจที่ฉาบฉวย แต่ต้องการให้ยั่งยืน นี่เป็นวิสชั่นของคุณพ่อตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจ ซึ่งผมก็เห็นด้วยอย่างมาก”
นั่นคือที่มาของการทำธุรกิจฉบับ “แม็คเอ็ดดูเคชั่น” ที่มองเรื่องสังคมเป็นของ “คู่กัน” จึงเลือกพัฒนาผลิตภัณฑ์ ที่ให้ “คุณค่า” แก่ทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะ เด็กนักเรียน คุณครู ผู้ปกครอง ตลอดจนสังคมโดยภาพรวม
ด้วยความมุ่งมั่นของคนรุ่นใหม่ ในการสืบสานพันธกิจ “เปลี่ยนโลก” การศึกษา







