เดินหน้าพัฒนาอู่ตะเภาเป็นสนามบินพาณิชย์

เดินหน้าพัฒนาอู่ตะเภาเป็นสนามบินพาณิชย์

"สร้อยทิพย์" หารือขยายถนน 4 เลน สร้างรถไฟฟ้า ทำท่าเรือ หวังยกระดับให้อู่ตะเภาเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์

นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังการประชุมการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาว่า ที่ประชุมได้หารือถึงมีแผนพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานรอบสนามบินอู่ตะเภา โดยจะพัฒนาโครงสร้างถนน รถไฟฟ้า และท่าเรือ เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง สนับสนุนให้ผู้ใช้บริการสนามบินเพิ่ม โดยในส่วนถนน ขณะนี้กรมทางหลวงได้รับงบประมาณมาแล้ว 300 ล้านบาท เพื่อใช้ขยายถนนทางเข้าสนามบินจาก 2 ช่องทาง เป็น 4 ช่องทาง ซึ่งจะสร้างเสร็จในปี 60 รวมถึงยังมีแผนก่อสร้างทางหลวงมอเตอร์เวย์ สายพัทยา-มาบตาพุด ด้วย
นอกจากนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ยังสร้างรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงค์ ส่วนต่อขยายกรุงเทพฯ–ระยอง เพื่อใช้เชื่อมโยงการเดินทางสนามบินดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภาเข้าด้วยกัน แต่กำลังรอสรุปแบบอยู่ว่าจะสร้างรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ไปเชื่อมถึงอาคารผู้โดยสารสนามบินอู่ตะเภาเลย หรือสร้างถึงแค่สถานีบ้านฉาง และนำรถชัตเตอร์บัสรับส่งต่ออีกทอด ส่วนทางน้ำจะพัฒนาท่าเรือจุกเสม็ด ซึ่งอยู่ห่างจากสนามบินอู่ตะเภาเพียง 3 กม. รองรับการเดินทางผู้โดยสารและการขนส่งสินค้ากับสนามบินอู่ตะเภาในอนาคต
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมมีแผนร่วมมือกับกองทัพเรือ เพื่อลงนามบันทึกข้อตกลงพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาในเชิงพาณิชย์ด้วย แม้ปัจจุบันสนามบินอู่ตะเภาได้ให้บริการในเชิงพาณิชย์อยู่แล้ว แต่ยังมีสายการบินมาใช้บริการไม่มาก จึงต้องมีการพัฒนาในเชิงพาณิชย์อย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งจะให้บริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท. เป็นพี่เลี้ยงในการทำตลาด และนำสนามบินอู่ตะเภาไปร่วมโรดโชว์หาผู้โดยสารและเที่ยวบินเพิ่มด้วย
“การประชุมวันนี้เบื้องต้น ทอท. ได้ตกลงอย่างไม่เป็นทางการกับสนามบินอู่ตะเภาว่าจะทำโรดโชว์ร่วมกัน เพื่อส่งเสริมให้สายการบินต่าง ๆ เข้ามาใช้บริการที่สนามบินอู่ตะเภาเพิ่ม ซึ่งปัจจุบันมีเพียงสายการบินที่เป็นรูปแบบทัวร์เช่าเหมาลำมาใช้บริการ เฉลี่ยปีละ 1 แสนคน แต่มีศักยภาพรองรับผู้โดยสารได้เต็มกำลังถึงปีละ 8 แสนคน”
สำหรับ สนามบินอู่ตะเภา ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของกองทัพเรือไทย และกำลังก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 59 เพื่อรองรับการเป็นสนามบินเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ และรองรับนักท่องเที่ยวที่จะมีเพิ่มขึ้นหลังจากสร้างอาคารผู้โดยแล้วเสร็จ จะรองรับผู้โดยสารได้เพิ่มเป็นปีละ 3 ล้านคน