ลีสซิ่งกสิกรฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ7.1หมื่นล.

ลีสซิ่งกสิกรฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ7.1หมื่นล.

"ลีสซิ่งกสิกรไทย" ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่ปีนี้ 7.1 หมื่นล้านบาท พร้อมรักษาระดับ NPL ไม่เกิน 1.50%

นายสุรัตน์ ลีลาทวีวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อใหม่และลิสซิ่งรถยนต์ปีนี้ไว้ที่ 71,796 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 17.6% หรือ 61,027 ล้านบาท และจะทำให้บริษัทฯมียอดสินเชื่อคงค้างในระบบรวม (Outstanding Loan) 89,923 ล้านบาท นอกจากนี้ยังตั้งเป้าสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL) ไม่เกิน 1.50% และกำไรตลอดปี 2558 ประมาณ 532 ล้านบาท

โดยในปีนี้บริษัทฯยังคงเน้นสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์และลิสซิ่งรถยนต์ รวมถึงฟลีท (Fleet) โดยสินเชื่อรถยังเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ผลการดำเนินธุรกิจเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในปีที่ผ่านมากสิกรไทยได้ปล่อยสินเชื่อรถยนต์เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อนประมาณ 15% ในส่วนของสินเชื่อเช่าซื้อรถยังคงมีตลาดรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ พร้อมเน้นความร่วมมือกับกลุ่ม OEM และลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมถึงเชื่อมโยงผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบวงจรด้วยหลักการ Synergy และเพิ่มโอกาสทางธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ และวางแผนแนวทางธุรกิจสู่อาเซียน (CLMV)

ภาพรวมยอดขายรถยนต์ในปี 2558 คาดว่าจะยังมียอดขายต่ำกว่า 1 ล้านคัน ต่อไปอีก 1 ปี โดยยอดขายจะมีประมาณ 9-9.5 แสนคัน ขยายตัว 4-9% เนื่องจากปัญหาหนี้ครัวเรือนที่ยังคงสูงซึ่งอาจะทำให้การอนุมัติสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ยากขึ้น รวมทั้งราคาสินค้าเกษตรโดยเฉพาะข้าวและยางพาราตกต่ำต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายรถยนต์ในบางภูมิภาคอาจจะต้องเผชิญกับภาวะตลาดที่ซบเซา รวมทั้งจำนวนรถยนต์มือสองที่หลุดไฟแนนซ์เข้ามาแข่งขันในตลาดจำนวนมาก เป็นแรงกดดันสำคัญในปีนี้

สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯในปีที่ผ่านมา สามารถปล่อยสินเชื่อได้ประมาณ 61,027 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว 18.36% แบ่งเป็นสินเชื่อใหม่เช่าซื้อและลิสซิ่ง 33,606 ล้านบาท และสินเชื่อผู้แทนจำหน่ายรถยนต์ 27,421 ล้านบาท สำหรับยอดสินเชื่อคงค้างมียอดรวม 89,783 ล้านบาท และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อยู่ที่ 1.16% ส่งผลให้บริษัทฯมีกำไร 499 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม คาดว่าธุรกิจสินเชื่อเช่าซื้ออาจจะผ่านจุดต่ำสุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 และจะฟื้นตัวได้อย่างช้าๆ ทำให้สินเชื่อรวมในปี 2558 ยังคงเติบโตในระดับที่ต่ำ อีกทั้งปัจจัยด้านการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและสถาบันการเงินมีการพิจารณาปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง จนกว่าจะเป็นสัดส่วน NPL ที่เริ่มทรงตัว ซึ่งทำให้มีความเป็นไปได้ที่อาจจะยังเห็นยอดคงค้างสินเชื่อเช่าซื้อในระบบธนาคารพาณิชย์อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 2557