RATCH - ซื้อ

ยังมี Upside จาก PDP และลงทุนในต่างประเทศ
ระยะยาวกำไรสุทธิเติบโต 14% ต่อปี
เราประเมินว่าในระยะยาว RATCH จะมีการเติบโตจากกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจากโรงไฟฟ้าหงสาที่ทยอยเดินเครื่องผลิตไฟฟ้าตั้งแต่กลางปี 2558 - 2559 บริษัทยังมีโครงการ SPP RW Cogenจำนวน 2 หน่วย (RATCH ถือหุ้น 40%) โครงการนวนคร (RATCH ถือหุ้น 40%) และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โครงการเซเปียนเซน้ำน้อย ในลาว (RATCH ถือหุ้น 25%) ซึ่งจะทำให้RATCH จะมีกำลังผลิตรวมในปี 2560 อยู่ที่ 6.5 พันเมกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 18% จากปัจจุบันที่ 5.5 พันเมกะวัตต์ เป็นปัจจัยหนุนกำไรปกติเติบโตเฉลี่ย (CAGR) ที่ 14% ในระหว่างปี 2558 – 2560
มี Upside จากการขยายงานในต่างประเทศ
เราให้ความสนใจเกี่ยวกับแผนการลงทุนในโคงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศพม่าของ RATCH ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปลายปี 2558 เพื่อนำเสนอแกรัฐบาลพม่าต่อไป โครงการดังกล่าวคาดว่าจะมีกำลังผลิต 2.6 พันเมกะวัตต์ โดย RATCH จะถือหุ้นในสัดส่วน 45% การลงทุนในโครงการดังกล่าวถือว่าสอดคล้องกับแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้า (PDP) ที่ต้องการเพิ่มสัดส่วนการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า ขณะที่การหาพื้นที่ก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศ ยังคงไม่ชัดเจน เรามองประเด็นดังกล่าวเป็น Upside ของ RATCH
คงประมาณการกำไรปี 57 - 58
เรายังคงประมารการกำไรสุทธิปี 2557 ไว้ที่ 6.7พันล้านบาท (+9%YoY) แนวโน้มกำไรสุทธิ 4Q57 เราประเมินว่าจะอ่อนตัว ตามแผนการหยุดซ่อมโรงผลิตไฟฟ้าของ RG TECO และ RPCL สอดคล้องกับกำไรสุทธิ 9M57 ที่ 6.2 พันล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 91% ของประมาณการ ด้านกำไรสุทธิปี 2558 ปรับเพิ่ม 6.4%YoY แต่หากพิจารณาเฉพาะกำไรปกติ 2558 พบว่าปรับเพิ่ม 24%YoYจากกำลังผลิตไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น หลังโรงไฟฟ้าพลังความร้อนโครงการหงสาในประเทศลาว (กำลังผลิต 1,878 เกมะวัตต์ RATCH ถือหุ้นในสัดส่วน 40%) เริ่มผลิตไฟฟ้า 2 หน่วยแรก (จากทั้งหมด 3 หน่วยผลิต) ในเดือน ก.ค. และ พ.ย. 58 เรายังเชื่อว่าโครงการจะสามารถดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ได้ตามแผน เนื่องจากปัจจุบันโครงการคืบหน้าไปมากกว่า 90%
โดนเด่นสุดในกลุ่มพลังงาน
กลุ่มธุรกิจผลิตไฟฟ้าจะโดดเด่นที่สุดในกลุ่มพลังงาน โดยเฉพาะบริษัทที่มีกำลังผลิตเติบโตต่อเนื่องอย่าง RATCH ขณะที่การประกาศแผน PDP ฉบับใหม่ จะนำไปสู่การเปิดประมูลโรงไฟฟ้า (IPP Bidding) ในช่วงปลายปี 2558 ขณะที่ RATCH ยังคงเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีศักยภาพในการเข้าร่วมประมูล จากพื้นที่ตั้งของโรงไฟฟ้าที่มีความได้เปรียบทั้งจำนวนคู่แข่งน้อยและยังมีการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง เราแนะนำ "ซื้อ" มูลค่าเหมาะสม 68 บาท







