'ปัญญา นิรันดร์กุล'จัดเต็มร้อย ชิงชัยทีวีดิจิทัล

40 ปีจอแก้วจากนักแสดงสู่ผู้ผลิตคอนเทนท์ บทใหม่'ปัญญา นิรันดร์กุล'เจ้าของสถานีเวิร์คพอยท์เบอร์3ทีวีดิจิทัล
ขึ้นชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อเกมโชว์เมืองไทย ไม่ได้มาเพราะโชคช่วย แต่เพราะฝีไม้ลายมือและการสร้างสรรค์คอนเทนต์เด็ดๆ โดนใจคนดูมากว่า 2 ทศวรรษ
ทว่า..เมื่อบริบทธุรกิจเปลี่ยน "เสี่ยตา ปัญญา นิรันดร์กุล" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด (มหาชน) ก็พลิกบทบาทตัวเอง กลายเป็นผู้เล่นหนึ่งในสังเวียนทีวีดิจิทัล
แม้จะพ่ายการประมูลช่องเอชดี (ความคมชัดสูง) แต่ก็สู้ยิบตา ทุ่มทุน 2,355 ล้านบาท คว้าช่องวาไรตี้ (เอสดี) มาครอง ได้สวมบทเป็นเจ้าของสถานีโทรทัศน์ "workpoint1" สมใจ
"ก่อนประมูลก็นอนไม่หลับ เครียด ไม่รู้จะไปทางไหน เดาอนาคตไม่ออก ไม่รู้จะไปยังไง สมมติฐานก็ไม่มี แต่ถ้าเราไม่ประมูล ก็จะเสียดาย พอประมูล ก็ใช้เงินก็มหาศาล ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ปัจจุบันก็ยังเป็นหนี้อยู่" เสี่ยตา เล่าถึงนาทีการตัดสินใจโดดร่วมประมูลทีวีดิจิทัล
เพราะเลือกที่จะ "คว้าโอกาสทอง" ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นสำคัญบนสมรภูมินี้ที่น่าจับตา ด้วยประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในการผลิตคอนเทนท์ให้กับฟรีทีวีป้อนเกือบครบทุกช่องของเมืองไทยมานาน
ผ่านพ้น 1 ปี กับการบริหารสถานีโทรทัศน์ของตัวเอง เห็นจุดแข็งจุดอ่อน ก่อนจะปรับจูนทุกอย่างให้ลงตัว นำมาสู่การประกาศแผนแถลงผังรายการของปี 2558 แบบจัดเต็ม เพื่อ "Go Together"
วันนั้น ปัญญา สวมเชิ้ตสีขาวเข้าชุดกับกางยีนส์ ยืนเล่าบนเวทีสไตล์ไม่ทิ้งลายพิธีกรชั้นนำของเมืองไทย
"ตอนเกิดทีวีดิจิทัล มีความไม่พร้อมหลายอย่างเกิดขึ้น จะรอดหรือไม่รอด มักซ์ (โครงข่ายทีวีดิจิทัล) ไม่พร้อม ไม่สมบูรณ์ แต่ความเป็นเวิร์คพอยท์ เมื่อประมูลแล้ว ใส่เลย ทำเลย เพราะนี่คือชีวิตของเรา งานของเรา" ปัญญาเปิดปากเล่า
ณ วันที่ประเดิมออกอากาศทีวีดิจิทัล ในเดือนเม.ย. แม้จะยังไม่มั่นใจว่า คนดูจะรับชมช่องได้มากน้อยแค่ไหน แต่สำหรับเขาเลือกที่จะไม่รีรอออกสตาร์ท ลุย !!
มาถึงปีที่ 2 เสี่ยตายังคงเดินหน้าจัดเต็มคอนเทนต์เด็ดเพื่อดึงดูดผู้ชม
"สิ่งที่จะเติมเต็มในปี 58 เราเตรียมของใหม่อย่างเดียวเลยนะ พร้อมเติมเต็มช่อง 1 เวิร์คพอยท์ให้ครบถ้วนเกือบ 100% เรียกว่า 100% ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป จากระยะการประมูล 15 ปี แต่ปีที่ 2 เราก็เติมเต็มแล้ว ก็ยิ่งน่าสนุกสำหรับผู้ชม และก็เวิร์คพอยท์ด้วย" เขาย้ำ ก่อนฉายพรีเซ็นเทชั่นรายการใหม่ในปี 2558 ยาว 15 นาทีเรียกน้ำย่อย
เช่น รายการประกวดนักร้อง Bao Young Blood หาวงดนตรีเลือดใหม่สืบสานเพลงคาราบาว, Let me in Thailand ศัลยกรรมพลิกชีวิต, ซิทคอม "แม่จ๋าอย่าหักโหม" จากผู้กำกับร้อยล้าน "ยอร์ช ฤกษ์ชัย" ละครซีรีส์ "7 วันจองเวร" ที่มีพระเอก "ชาคริต แย้มนาม" แสดงนำ และอีกหลายรายการที่มีแม่เหล็กเด็ดๆ อย่าง เบน ชลาทิศ, โน้ต อุดม แต้พานิช เสริมทัพ จากบรรดาพิธีกรนักแสดงลูกหม้ออย่าง หม่ำ เท่ง โหน่ง ตุ๊กกี้ฯ
เสี่ยตายังบอกว่า ในปี 2558 การผลิตรายการส่วนใหญ่จะเน้น "โลคัล คอนเทนต์" (การผลิตในประเทศ) เป็นหลัก เพราะตลอด 1 ปีที่ทำสถานีมา พบว่า รายการแบบไทย ๆ นี่แหละ ที่โดนใจคนไทยด้วยกันมากที่สุดแล้ว
"ท้ายที่สุดพิสูจน์ว่า คนไทย ก็ดูรายการของคนไทยกันเองเป็นหลัก แต่ว่าใครจะทำได้ และวันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่า โลคัลโปรแกรม วาไรตี้เป็นความถนัดของเรา"
ปีหน้าช่อง 1 เวิร์คพอยท์จึงลดสัดส่วนออกอากาศคอนเทนต์จากต่างแดน เหลือ 4 ชั่วโมง จาก 8 ชั่วโมง 80-90% เป็นโลคัล คอนเทนต์ เสี่ยตาย้ำ ขณะที่คอนเทนต์จากต่างประเทศ ที่เป็นไฮไลท์ ต้องยกให้ซีรีส์ฟอร์มยักษ์จากแดนภารตะ ที่เจ้าตัวบอกว่าผู้จัดทุ่มทุนสร้างกว่า 1,000 ล้านบาท เนรมิต "พระพุทธเจ้า มหาศาสดาเอกของโลก" ที่ยังอยู่ระหว่างการถ่ายทำ แต่ช่องคว้ามาได้ จะออกอากาศต้นปีหน้า
อีกแม่เหล็กหนึ่งคือ การมีพิธีกรมากถึง 58 ชีวิต มากสุดในประเทศไทย
"เชื่อว่าปีหน้านี้กับความถนัดของเรา ความเป็นวาไรตี้สไตล์ของเวิร์คพอยท์ ในความพร้อมของเรา องค์กร อุปกรณ์ บุคลากรและประสบการณ์ รวมทั้งพิธีกร 58 ท่านจะมาเติมเต็มให้ผู้ชมสนุกสนาน" นั่นคือจุดแข็งที่มองเห็น
"เราไม่มีดาราเยอะแยะมากมาย เราไม่มีณเดชน์ เจมส์ จิรายุ แต่เขาก็ไม่มีหม่ำ-เท่ง-โหน่ง พิธีกรแบบนี้เช่นกัน เขาขายดารา เราก็ขายพิธีกร"
ยิ่งเมื่อคิดเทียบตัวเองเป็นช่องฟรีทีวีอย่างพี่เบิ้มอย่างช่อง 3 และช่อง 7 แล้ว เสี่ยตายอมรับว่า เวิร์คพอยท์ทำให้ถึงครึ่งหนึ่งของช่องเหล่านั้น ชาตินี้ไม่ต้องไปทำอะไรแล้ว
"เราไปทำเหมือนเขา (ทำละคร) ก็สู้เขาไม่ได้ อนาคตค่อยว่ากัน"
ครั้นโยนคำถามว่า..เวิร์คพอยท์จะสู้ช่อง 3 และช่อง 7 ไม่ได้เลยหรือ? เขาตอบหนักแน่นว่า..
"ถ้าให้สู้..สู้..สู้ไม่ได้ ผมไม่ทำ (เสียงสูง) ผมยอมแพ้ ไม่ต้องอาย ผมยอมแพ้ ช่อง 3 ช่อง 7 นี่ผมยกไว้บนหิ้ง ผมกราบไหว้ทุกเช้าเย็น (เรียกหัวเราะลั่น) จริงๆ ผมไม่ได้พูดประชดประชันนะ เราต้องรู้ว่าเราคืออะไร เป็นครูบาอาจารย์จริง ๆ ที่พูด ไม่ได้เป็นมุกเลยนะ แล้วถ้าเขา (ช่อง3และ7) จะได้ (ลำดับเรตติ้งที่1-2) ต้องสรรเสริญและยินดีกับเขา เพราะนี่คือประสบการณ์ที่เขาต้องล้มและลุก"
เสี่ยตายังประเมินว่า ปีหน้าทีวีดิจิทัลจะแข่งขันกันสนุก
"เชื่อเถอะแวลู่มันเพิ่มขึ้นจนน่าตกกะใจ ถ้ารวยก็รวยแบบตกกะใจ" เขาวิเคราะห์
การเพิ่มขึ้นของมูลค่าช่องเวิร์คพอยท์ที่ขยับอันดับ สะท้อนจากความนิยมและเรตติ้งของผู้ชม ทำให้เขาเตรียมขยับค่าโฆษณาขึ้นเพื่อไต่ระดับให้อยู่ในระนาบเดียวกับฟรีทีวีเดิม จากราคา 1.7 หมื่นบาทต่อ 30 วินาที จะขยับเป็น 2.5 หมื่นบาทต่อ 30 วินาที แม้จะยังห่างช่อง 3 ที่ราคาต่ำสุดอยู่ที่ 3.7 หมื่นบาทต่อ 30 วินาที
เพื่อย้ำบทพิสูจน์ความสำเร็จก่อนขยับค่าโฆษณา คือการก้าวขึ้นเบอร์ 3 ครองเรตติ้งผู้ชมสูงสุด นับจากเดือนเม.ย. ดีเดย์ออกอากาศ
จวบวันนี้ถือว่า "ก้าวกระโดด"
"ตั้งแต่เม.ย.เห็นการเติบโตทุกเดือน ข้อมูลเรตติ้งจากเอซีนีลเส็น เป็นสิ่งที่ให้กำลังใจตลอดว่าเราขยับสูงขึ้น จนเติบโต 2 เท่าตัว จากเม.ย.เติบโตจนเป็นที่ 1 ในทีวีดิจิทัลทั้งหมด ไม่ได้อวดเก่ง อวดดี ยอดเหลือเกิน เอารายงานมาอ่าน แต่เราภาคภูมิใจ ว่าสิ่งนี้ถูกต้องแล้วตามความถนัดของเรา" เขาเล่า ก่อนขยายความว่า เดือนก.ย.ยังเป็นครั้งแรกที่สามารถแซงช่อง 5 ของภาครัฐได้ กระทั่งแซงช่อง 9 ได้ในเดือนพ.ย.
วางหมาก รุกหนักขนาดนี้ ถามว่าเป้าหมายปีหน้าคืออะไร เสี่ยตาบอกว่า
"เป้าหมายปีหน้า คือเป้าหมายที่เราเป็นปีนี้ คือการเป็นผู้นำช่องวาไรตี้ นี่คือความชัดเจน ปีนี้พิสูจน์ว่าเราเดินมาถูกทางไหม กับความเป็นวาไรตี้ตลอดชีวิตของเรา ปรากฏว่าเฮ้ย!มันมาถูกทาง"
ส่วนในมุมของตัวเลข คาดว่า รายได้ของช่องเวิร์คพอยท์ปีหน้าจะขยับเป็น 1,800 ล้านบาท จากปีนี้ 550 ล้านบาท ที่สำคัญจะเป็นการไต่สเต็ปให้บริษัทกลับไปทำกำไรแบบสูงสุดระดับ 400 ล้านบาท เหมือนปี 2551 ซึ่งเป้าหมายนี้ยังลุ้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เก็ตแคป) ว่าจะขยับไปถึง 1.5 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมากกว่า 1.1 หมื่นล้านบาท แม้กำไรอาจจะห่างไกล เพราะปีนี้กำไรบริษัทบางมาก 9 เดือนอยู่ที่ระดับ 30 กว่าล้านบาท
เจ้าตัวยิ้มรับ ก่อนจะบอกว่า ก็ยังดีกว่าติดลบ
ถามว่าปีหน้า จะเป็นอย่างไร เขาฟันธงว่า คือ ปีแห่งความชัดเจน ความเข้าใจ จากโอกาสของผู้ชมที่เข้าถึงทีวีดิจิทัลได้มากขึ้น
ส่วนปีที่ผ่านมาถือเป็นปีแห่งความสับสน ไม่เข้าใจ
"สุดท้ายก็กลับมาเข้าใจนะ ปีนี้ภาพรวมเป็นปีแห่งการสร้างบ้าน แต่ของเราคือทำความรู้จักกับตัวเราเอง จะเป็นยังไงกับบ้านใหม่ ทีวีดิจิทัล เราใช่หรือไม่ จากผู้ผลิตมาสู่บ้านที่เป็นสถานี แต่เราก็วางโพสิชั่น (ตำแหน่ง) ว่า เราทำอย่างนี้นะ อะไรที่ควรแข่ง อะไรที่ไม่ควรแข่ง และอะไรที่เป็นครูบาอาจารย์ที่กราบไหว้ต้องรู้ไว้ เราก็เดินไปตามทางของเรา แค่นั้นเอง"
ทั้งหมดคือ กลยุทธ์สู่เส้นชัยของเสี่ยตา "Go Together We Together We Forever ไปด้วยกัน
ชนะด้วยกัน มิตรภาพตลอดกาล







